เจาะลึกกองทุน NASDAQ: มีอะไรน่าลงทุน? ผลตอบแทนสูงจริงไหม?

สวัสดีครับ/ค่ะ นักลงทุนทุกท่าน โดยเฉพาะคนที่กำลังมองหาโอกาสในตลาดหุ้นต่างประเทศ อยากจะเป็นเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกบ้าง แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน หรือ “กองทุน Nasdaq มีอะไรบ้าง” ที่คนไทยอย่างเราเข้าถึงได้ง่ายๆ วันนี้ผม/ดิฉัน ในฐานะคอลัมนิสต์สายการเงิน จะขออาสาพาไปทำความรู้จักกับดัชนี Nasdaq 100 และกองทุนรวมไทยที่ลงทุนตามดัชนีนี้ในแบบที่เข้าใจง่ายๆ ครับ/ค่ะ

ช่วงนี้ใครๆ ก็พูดถึงหุ้นเทคฯ อเมริกา หุ้นนวัตกรรม (Innovation Stocks) ที่เห็นราคาปรับขึ้นลงหวือหวา บางทีก็ทำเอาใจหายใจคว่ำ แต่หลายคนก็มองว่านี่แหละคืออนาคต คือหัวใจของโลกยุคใหม่ แล้วดัชนี Nasdaq 100 นี่แหละครับ/ค่ะ ที่ถือเป็นตัวแทนของบริษัทชั้นนำกลุ่มนี้ที่น่าจับตามากๆ

แต่ก่อนจะพุ่งเข้าไปลงทุน เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า Nasdaq 100 คืออะไรกันแน่? มันไม่ใช่หุ้นทุกตัวในตลาด Nasdaq นะครับ/ค่ะ แต่เป็นการคัดเลือก ‘100 บริษัท’ ที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้น Nasdaq สหรัฐอเมริกา โดยมีข้อแม้ว่า ‘ต้องไม่ใช่กลุ่มสถาบันการเงิน’ ครับ/ค่ะ นั่นแปลว่ามันจะอัดแน่นไปด้วยบริษัทที่เน้นเทคโนโลยี นวัตกรรม อุตสาหกรรม ค้าปลีก หรือบริการต่างๆ ที่ไม่ใช่ธนาคารหรือบริษัทประกัน ลองนึกถึงชื่อคุ้นหูที่เราใช้บริการอยู่ทุกวันสิครับ/ค่ะ อย่าง Apple, Microsoft, NVIDIA, Amazon.com, Meta Platforms (เจ้าของ Facebook/Instagram), Broadcom, Alphabet (บริษัทแม่ Google) หรือแม้แต่ Tesla นี่แหละคือส่วนหนึ่งของสมาชิกแก๊งนี้ ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 3 มิถุนายน 2567 ชื่อเหล่านี้ก็เป็นกลุ่มที่มีน้ำหนักสูงสุดในดัชนีเลยครับ/ค่ะ

ดัชนี Nasdaq 100 เค้าคำนวณแบบที่เรียกว่าถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาดแบบปรับปรุง (Modified Market Capitalization-weighted) พูดง่ายๆ คือ บริษัทไหนใหญ่ มีมูลค่าตลาดเยอะ ก็จะมีผลต่อการขึ้นลงของดัชนีมากหน่อย แล้วเค้าก็จะมีการทบทวนรายชื่อสมาชิกกันปีละครั้ง รวมถึงปรับน้ำหนักให้เหมาะสมทุกไตรมาสด้วยครับ/ค่ะ ตรงนี้ต่างจากดัชนี Nasdaq Composite นะครับ/ค่ะ ที่รวมหุ้นทั้งหมดกว่า 3,000 บริษัทในตลาด Nasdaq

แล้วทำไมคนไทยที่สนใจลงทุนในต่างประเทศถึงควรดู “กองทุน Nasdaq มีอะไรบ้าง”? เหตุผลหลักเลยคือ Nasdaq 100 มันคือศูนย์รวมของบริษัทที่ขับเคลื่อนโลกด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม การลงทุนในดัชนีนี้ก็เหมือนได้ไปร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจระดับโลกเหล่านี้ไปพร้อมๆ กันครับ/ค่ะ แต่การจะไปซื้อหุ้นพวกนี้โดยตรงอาจจะยุ่งยากเรื่องการเปิดบัญชีที่ต่างประเทศ หรือเรื่องภาษีต่างๆ โชคดีที่บ้านเรามี ‘กองทุนรวม’ ที่เป็นทางออกที่ง่ายและสะดวกมากๆ ครับ/ค่ะ

กองทุนรวมไทยที่ไปลงทุนตามดัชนี Nasdaq 100 ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบที่เรียกว่า ‘กองทุน Feeder Fund’ ครับ/ค่ะ หมายความว่า กองทุนไทยที่เราซื้อนี่แหละ จะเอาเงินเราไปลงทุนต่อใน ‘กองทุนหลัก’ ที่เป็นกองทุน ETF (Exchange Traded Fund) ขนาดใหญ่ในอเมริกาอีกที เช่น กองทุน Invesco NASDAQ 100 ETF หรือ Invesco QQQ Trust Series 1 ซึ่งกองทุนหลักพวกนี้ก็ลงทุนตามดัชนี Nasdaq 100 นั่นแหละครับ/ค่ะ

การลงทุนในกองทุนพวกนี้จัดว่าเป็น ‘การลงทุนที่เสี่ยงสูง’ นะครับ/ค่ะ เพราะเค้าจัดอยู่ในระดับความเสี่ยง 6 แถมยังเป็นการลงทุนในตลาดต่างประเทศที่มีความผันผวนสูงด้วยครับ/ค่ะ แต่อย่างน้อยกองทุน Nasdaq ส่วนใหญ่ที่เปิดในไทยมักจะมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX Hedging) ไม่น้อยกว่า 75% หรือตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน เพื่อช่วยลดความผันผวนของผลตอบแทนจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าหรืออ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ

ทีนี้มาถึงคำถามยอดฮิตว่า “กองทุน Nasdaq มีอะไรบ้าง” และเราจะเลือกกองไหนดี? กองทุนรวมไทยที่ไปลงทุนใน Nasdaq 100 มีหลายบลจ. (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน) ให้เลือกครับ/ค่ะ เช่น ของ บลจ.กสิกรไทย (อย่างซีรีส์ K-USXNDQ), บลจ.เกียรตินาคินภัทร (KKP NDQ100), บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBNDQ), บลจ.ทิสโก้ (TLUSNDQ) เป็นต้น แต่ละกองอาจจะมีรายละเอียดปลีกย่อยต่างกันไปบ้างครับ/ค่ะ

ถ้าลองดูข้อมูลเปรียบเทียบจากแหล่งต่างๆ (อย่าง WealthMagik, FINNOMENA) และข้อมูลกองทุน (เช่น ข้อมูลกองทุน K-USXNDQ-A(A) ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2568) เราจะเห็นภาพดังนี้ครับ:

* **ผลตอบแทนย้อนหลัง:** ข้อมูลในอดีต (ซึ่งไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคตนะครับ/ค่ะ) แสดงให้เห็นว่าดัชนี Nasdaq 100 ให้ผลตอบแทนที่ดีมาอย่างต่อเนื่องในระยะยาว อย่างกองทุน K-USXNDQ-A(A) ในสกุลเงินบาท ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 3 ปีอยู่ที่ 15.49%, 5 ปีอยู่ที่ 16.24% และ 10 ปีอยู่ที่ 15.21% ครับ/ค่ะ แม้บางช่วงอาจจะมีปรับลงบ้าง (อย่าง YTD ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 อยู่ที่ -1.17%) นี่คือความผันผวนที่มาพร้อมผลตอบแทนสูงครับ/ค่ะ
* **ความเสี่ยง (วัดจากค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน หรือ SD 1 ปี):** ค่า SD ยิ่งต่ำแปลว่าความผันผวนยิ่งน้อย ณ เวลานั้น (ข้อมูล ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2568) กองทุน SCBNDQ(A) มีค่า SD ต่ำที่สุดที่ 17.50 ส่วน KKP NDQ100-H ก็ใกล้เคียงที่ 17.56 ครับ/ค่ะ
* **อัตราส่วน Sharpe Ratio (1 ปี):** ตัวนี้บอกว่าผลตอบแทนที่ได้มา คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่รับไปแค่ไหน ยิ่งค่าสูงยิ่งดี ณ เวลานั้น (ข้อมูล ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2568) KKP NDQ100-H ดูจะโดดเด่นที่สุดที่ 1.70 ครับ/ค่ะ
* **ค่าใช้จ่ายรวมของกองทุน (Total Expense Ratio):** อันนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่กองทุนหักไปจากมูลค่าทรัพย์สินรวมในแต่ละปี ยิ่งต่ำยิ่งดี เพราะทำให้ผลตอบแทนถึงมือเราเต็มที่ขึ้น ณ เวลานั้น (ข้อมูล ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2568) กองทุน SCBNDQ(A) มีค่าใช้จ่ายรวมต่ำสุดที่ 0.37% ในขณะที่ K-USXNDQ-A(A) สูงสุดที่ 0.70% ครับ/ค่ะ ส่วน TLUSNDQ-H-A อยู่ที่ 0.42% และ KKP NDQ100-H อยู่ที่ 0.43% ครับ/ค่ะ
* **ค่าธรรมเนียมการซื้อ/ขายคืน:** กองทุนส่วนใหญ่ที่ลงทุนตามดัชนี Nasdaq 100 ที่นำมาเปรียบเทียบมักจะไม่มีค่าธรรมเนียมการซื้อหรือขายคืนครับ/ค่ะ เพื่อให้ลงทุนได้สะดวก ยกเว้นบางกองทุน เช่น K-USXNDQ-A(A) ที่ ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 มีค่าธรรมเนียมรับซื้อคืน (ตอนที่เราขายคืนหน่วยลงทุน) อยู่ที่ 0.15% ครับ/ค่ะ
* **มูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) และขนาดกองทุน:** ข้อมูลพวกนี้ก็ช่วยให้เห็นภาพรวมของกองทุน เช่น กองทุน K-USXNDQ-A(A) ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 มีมูลค่าหน่วยลงทุนอยู่ที่ 24.84 บาท และขนาดกองทุน (มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ) อยู่ที่ 6965.36 ล้านบาทครับ/ค่ะ

นอกจากนี้ กองทุน Nasdaq ยังมีตัวเลือกย่อยๆ ให้เราเลือกอีกครับ อย่าง กองทุน Nasdaq มีอะไรบ้างที่เป็นฟีเจอร์เสริม? กองทุนเดียวกันอาจมีหลายชนิดหน่วยลงทุน เช่น ชนิดสะสมมูลค่า ซึ่งผลตอบแทนจะถูกนำไปลงทุนต่อ ทำให้ NAV เติบโตขึ้นโดยไม่มีการจ่ายเงินปันผล หรือชนิดจ่ายเงินปันผล ซึ่งกองทุนจะจ่ายเงินปันผลออกมาเป็นระยะๆ (ถ้ากองทุนทำกำไรได้และมีนโยบายจ่าย) แล้วยังมีตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการวางแผนภาษีด้วยนะครับ/ค่ะ อย่างกองทุน SSF (Super Savings Fund) และ RMF (Retirement Mutual Fund) ที่ลงทุนตามดัชนี Nasdaq 100 โดยเฉพาะ ซึ่งมีเงื่อนไขการลงทุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่แตกต่างกันไป

ปัจจัยภายนอกอย่างทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็มีผลต่อตลาดหุ้นเทคฯ นะครับ/ค่ะ เพราะอัตราดอกเบี้ยมีผลต่อต้นทุนทางการเงินและการประเมินมูลค่าของบริษัทต่างๆ ตอนนี้หลายฝ่ายมองว่า Fed ใกล้จะถึงจุดสูงสุดของการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ซึ่งหากดอกเบี้ยเริ่มทรงตัวหรือมีแนวโน้มลดลงในอนาคต ก็อาจเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้ครับ/ค่ะ

ข้อควรรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นเรื่องปฏิบัติ คือ การลงทุนในกองทุนที่ไปลงทุนต่างประเทศ เราต้องเข้าใจว่าวันทำการของตลาดหุ้นอเมริกาและวันหยุดราชการของไทยไม่ตรงกันนะครับ/ค่ะ อย่างเช่น วันขึ้นปีใหม่, Martin L. King Day, Presidents’ Day, Good Friday, Memorial Day, Juneteenth, Independence Day, Labor Day, Thanksgiving, Christmas Day ในอเมริกา ซึ่งตรงกับปฏิทินปี 2567 และ 2568 ก็เป็นวันที่ตลาดหุ้นอเมริกาหยุดทำการ การส่งคำสั่งซื้อขายกองทุนอาจจะต้องเผื่อเวลาบ้างครับ/ค่ะ

สรุปแล้ว การลงทุนในดัชนี Nasdaq 100 ผ่านกองทุนรวมไทยก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจมากๆ ครับ/ค่ะ สำหรับคนที่อยากเป็นเจ้าของบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำของโลก แต่ก็ต้องย้ำว่าเป็น ‘การลงทุนที่เสี่ยงสูง’ นะครับ/ค่ะ มีโอกาสได้ผลตอบแทนสูง แต่ก็มีโอกาสขาดทุนสูงเช่นกัน มูลค่าหน่วยลงทุนมีความผันผวนสูงกว่ากองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำกว่ามากครับ/ค่ะ

ก่อนตัดสินใจลงทุนใน “กองทุน Nasdaq มีอะไรบ้าง” ที่เราเล่ามา ควรศึกษาข้อมูลกองทุนที่สนใจให้ละเอียดจริงๆ นะครับ/ค่ะ เข้าไปดูหนังสือชี้ชวน สรุปข้อมูลสำคัญ ดูนโยบายการลงทุน นโยบายการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมถึงผลตอบแทนย้อนหลัง (แต่จำไว้ว่าผลตอบแทนในอดีตไม่ได้การันตีอนาคตนะครับ/ค่ะ) และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องประเมิน ‘ระดับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้’ และ ‘เป้าหมายการลงทุน’ ของตัวเองให้ชัดเจนครับ/ค่ะ

⚠️ คำแนะนำเพิ่มเติม: หากเป็นเงินที่จำเป็นต้องใช้ในระยะใกล้ๆ เช่น เงินที่ต้องใช้จ่ายในอีก 1-2 ปีข้างหน้า หรือเป็นเงินสำรองฉุกเฉิน ไม่ควรนำมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและผันผวนสูงแบบนี้เด็ดขาดนะครับ/ค่ะ ควรประเมินสภาพคล่องทางการเงินของตัวเองก่อนเสมอว่ามีเงินส่วนไหนที่เราพร้อมจะนำมาลงทุนระยะยาวและยอมรับความเสี่ยงจากการขาดทุนได้จริงๆ ครับ/ค่ะ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการลงทุน และสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่ตั้งไว้ครับ/ค่ะ!

Leave a Reply