
เคยสงสัยไหมครับว่า ในโลกการลงทุนที่ซับซ้อน มีดัชนีอะไรบ้างที่เป็นเหมือนมาตรวัดชีพจรของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ที่เราใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของเขาอยู่ทุกวันอย่าง Apple, Microsoft, Amazon หรือแม้กระทั่งดูหนังฟังเพลงอย่าง Netflix ที่เราติดกันงอมแงมเนี่ย… เขามารวมตัวกันอยู่ที่ไหน?
คำตอบหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ ที่นักลงทุนทั้งมือใหม่และมือเก๋าต่างจับตามอง ก็คือ “ดัชนี nasdaq 100” นี่แหละครับ ในฐานะคอลัมนิสต์การเงินที่คลุกคลีอยู่ในวงการมาพักใหญ่ วันนี้ผมจะพาคุณผู้อ่านทุกท่านไปทำความรู้จักกับ ดัชนี nasdaq 100 ให้ลึกขึ้นอีกนิด ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย เหมือนนั่งคุยกับเพื่อนข้างบ้าน พร้อมสอดแทรกมุมมองที่น่าสนใจและข้อมูลล่าสุดที่เราได้รวบรวมมาครับ
**ทำความรู้จัก “ดัชนี nasdaq 100” เขาคือใคร มาจากไหน?**
เอาแบบบ้านๆ เลยนะครับ ดัชนี nasdaq 100 เป็นดัชนีหลักทรัพย์ที่สำคัญมากๆ ของสหรัฐอเมริกา เขาเป็นตัวแทนของ 100 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดที่ไม่ได้อยู่ใน “กลุ่มการเงิน” ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นแนสแด็ก (Nasdaq Stock Market) ครับ ตลาด Nasdaq เนี่ย เป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก รองจากตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange) และโดดเด่นมากๆ ในฐานะตลาดอิเล็กทรอนิกส์ที่รวมเอาบริษัทที่เน้นเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรมไว้เยอะสุดๆ
ลองนึกภาพตามนะครับ ใน 100 บริษัทนี้ มีอะไรบ้าง? ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบริษัทที่เราคุ้นชื่อกันดีในหลากหลายอุตสาหกรรมครับ ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี, โทรคมนาคม, เทคโนโลยีชีวภาพ (อย่าง Moderna หรือ Biogen), สื่อ, และบริการต่างๆ แต่ที่ต้องเน้นย้ำคือ “ไม่มี” บริษัทในกลุ่มการเงินอย่างธนาคารหรือบริษัทประกันอยู่ใน ดัชนี nasdaq 100 นี้เลยนะครับ จุดนี้เองที่ทำให้ดัชนีนี้มีเอกลักษณ์และเป็นตัวอ้างอิงที่ดีสำหรับนักลงทุนที่อยากโฟกัสไปที่ภาคธุรกิจอื่นๆ โดยไม่รวมกลุ่มการเงิน
วิธีการคำนวณค่าดัชนีก็ไม่ซับซ้อนเกินไปครับ เขาใช้แบบถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาดที่ปรับแก้แล้ว (modified-market-cap-weighted) คือให้บริษัทที่มีมูลค่าตลาด (Market Cap) ใหญ่ๆ มีอิทธิพลต่อการขึ้นลงของดัชนีมากกว่า แต่ก็มีการจำกัดน้ำหนักของบริษัทที่ใหญ่มากๆ เอาไว้ เพื่อไม่ให้บริษัทใดบริษัทหนึ่งมีอิทธิพลโดดเด่นเกินไปจนกลบตัวอื่นหมด (ส่วนใหญ่น้ำหนักของแต่ละบริษัทจะไม่เกิน 24% อย่างมีนัยสำคัญ) พูดง่ายๆ คือ “ใหญ่ได้ แต่อย่าใหญ่คนเดียวจนไม่มีใครเห็นคนอื่น” ประมาณนั้นครับ

ด้วยโครงสร้างที่เน้นบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรมขนาดใหญ่ ทำให้ ดัชนี nasdaq 100 ถูกมองว่าเป็นเหมือนตัวชี้วัดสุขภาพของภาคเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ไปโดยปริยายครับ และแน่นอนว่าเมื่อเน้นกลุ่มที่การเติบโตสูงแบบนี้ ความผันผวนของราคาก็จะสูงกว่าดัชนีที่มีความหลากหลายทางภาคธุรกิจมากกว่าอย่างดัชนี S&P 500 อยู่พอสมควรครับ
**ย้อนรอยเส้นทาง: จากฟองสบู่แตก… สู่ยุคทองของเทคโนโลยี**
ดัชนี nasdaq 100 ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 มกราคม ปี ค.ศ. 1985 ครับ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร ในปี 1988 ก็เริ่มมีบริษัทต่างชาติเข้ามาจดทะเบียนในดัชนีนี้ได้
ครั้งที่น่าจดจำที่สุดครั้งหนึ่งของ ดัชนี nasdaq 100 ก็คือช่วงวิกฤตฟองสบู่อินเทอร์เน็ต (Dot-com Bubble) ในราวปี ค.ศ. 2000 ครับ โห… ตอนนั้นราคานี่ร่วงกราวกับใบไม้ร่วงเลยครับ ดัชนีปรับตัวลงอย่างรุนแรงกว่า 83% ในเวลาแค่สองปีครึ่ง ใครที่ลงทุนช่วงนั้นคงใจหายวาบ
แต่หลังจากนั้น ดัชนี nasdaq 100 ก็ค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ แม้จะเจออุปสรรคอย่างวิกฤติทางการเงินโลกในปี 2008 อีกครั้งก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ ดัชนี nasdaq 100 กลับมาผงาดอย่างแข็งแกร่งจริงๆ คือตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมาครับ จะเห็นแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนและแข็งแกร่งมากๆ แม้จะมีช่วงที่ราคาย่อตัวลงบ้างจากปัจจัยภายนอกอย่างสงครามการค้าในปี 2018 หรือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2020 แต่ก็เป็นการย่อตัวเพื่อไปต่อ
มองในระยะกลางถึงยาว ดัชนี nasdaq 100 ถือว่าให้ผลตอบแทนที่น่าประทับใจทีเดียวครับ อย่างข้อมูล ณ ช่วงเวลาหนึ่งที่ได้รวบรวมมา ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ดัชนีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 100% เลยทีเดียว! นั่นสะท้อนถึงศักยภาพในการเติบโตของบริษัทที่อยู่ในดัชนีนี้ได้เป็นอย่างดี
แต่พอมาดูผลงานล่าสุดในช่วงสั้นๆ กลับเห็นตัวเลขสีแดงๆ อยู่เหมือนกันนะครับ อย่างตามข้อมูลที่ผมได้มา ผลตอบแทนในช่วง 5 วัน, 1 เดือน, 3 เดือน และ YTD (ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน) ยังคงติดลบอยู่บ้าง (เช่น -7.04% ใน 5 วัน, -14.29% YTD) มีเพียงผลตอบแทนในรอบ 1 ปีเท่านั้นที่ยังเป็นบวก (+3.12%) ซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องปกติของตลาดหุ้นที่ย่อมมีความผันผวนในระยะสั้นครับ
**อะไรคือ “พลังขับเคลื่อน” ของ ดัชนี nasdaq 100?**
หัวใจหลักที่ขับเคลื่อนให้ ดัชนี nasdaq 100 เติบโตอย่างแข็งแกร่งมาตลอดคือบริษัทที่อยู่ในดัชนีนั่นเองครับ ส่วนใหญ่เป็นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงลิ่ว (หรือที่เราเรียกว่าหุ้นกลุ่ม Growth) อย่างที่เราทราบกันดี ไม่ว่าจะเป็น Apple, Microsoft, Amazon, Meta Platforms (บริษัทแม่ของ Facebook), Alphabet (บริษัทแม่ของ Google), Netflix, Tesla หรือ Nvidia บริษัทเหล่านี้ไม่ได้เป็นแค่ผู้นำในอุตสาหกรรมของตัวเองเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้กำหนดทิศทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมของโลกอีกด้วย
การเติบโตอย่างแข็งแกร่งของบริษัทเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนจากการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็เป็นเหมือนตัวเร่งปฏิกิริยาให้กระบวนการนี้เร็วขึ้นไปอีก ผู้คนใช้ชีวิตออนไลน์มากขึ้น ทำงานจากที่บ้านมากขึ้น เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ซึ่งตรงนี้เป็นปัจจัยบวกโดยตรงกับบริษัทใน ดัชนี nasdaq 100 ครับ
อีกจุดที่น่าสนใจคือ ผลการดำเนินงานล่าสุดของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เหล่านี้ ส่วนใหญ่ยังออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้เสียอีกครับ นี่แสดงให้เห็นว่าพื้นฐานของบริษัทเหล่านี้ยังคงแข็งแกร่งและมีความมั่นคงพอสมควรเลยทีเดียว
และอย่าลืมนะครับว่า หุ้นของบริษัทใหญ่ๆ อย่าง Apple, Microsoft และ Amazon มีน้ำหนักรวมกันถึงเกือบ 30% ของทั้ง ดัชนี nasdaq 100 เลยทีเดียว ดังนั้น ข่าวสาร คำแนะนำของนักวิเคราะห์ หรือผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้จึงมีอิทธิพลสูงมากๆ ต่อการเคลื่อนไหวของ ดัชนี nasdaq โดยรวมครับ นอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทแล้ว การวิเคราะห์ทางเทคนิค หรือการดูจากกราฟและปริมาณการซื้อขาย ก็มีบทบาทสำคัญต่อราคาในระยะสั้นเช่นกันครับ
**แล้วอนาคตล่ะ? ดัชนี nasdaq 100 จะไปต่อไหม?**

มองไปข้างหน้า… ทำไม ดัชนี nasdaq 100 ถึงยังน่าจับตามอง? คำตอบก็คือ โลกเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคของเทคโนโลยีแห่งอนาคตอีกขั้นครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังเป็นกระแสร้อนแรงมากๆ อย่างเช่น AI Chatbot อย่าง Chat GPT หรือ Bard AI, ชิปประมวลผล AI ที่มีความต้องการสูงขึ้นเรื่อยๆ, เทคโนโลยีเสมือนจริงและเสริมจริง (AR/VR) ไปจนถึงเทคโนโลยียานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Self-driving cars)
บริษัทหลายแห่งใน ดัชนี nasdaq 100 คือหัวหอกในการพัฒนาและนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้งานจริง ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้กำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนในอนาคตอันใกล้ และจะสร้างโอกาสทางธุรกิจมหาศาลให้กับบริษัทที่อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องครับ
ด้วยนวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่งและพื้นฐานของบริษัทที่ยังแข็งแกร่ง รวมถึงการที่บริษัทเหล่านี้เข้าไปอยู่ในกระแสหลักของเทคโนโลยีแห่งอนาคต ทำให้หลายฝ่ายมองว่า ดัชนี nasdaq 100 ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว แม้ว่าในระยะสั้นอาจจะต้องเผชิญกับความผันผวนจากปัจจัยภายนอกบ้างก็ตาม
**”พี่ Fed” กับ “ตัวเลขเศรษฐกิจ” มีผลกับ ดัชนี nasdaq แค่ไหน?**
นอกจากเรื่องของตัวบริษัทเองแล้ว ปัจจัยภายนอกที่สำคัญมากๆ อีกอย่างที่ส่งผลโดยตรงกับ ดัชนี nasdaq 100 ก็คือนโยบายของ “พี่ใหญ่” อย่างธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed นี่แหละครับ
ในช่วงหลังการระบาดของโควิด-19 Fed เขาเร่งเครื่องขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายปื้ดๆ เลยครับ เพื่อสู้กับปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นมากๆ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนี้ก็เหมือนการดึงเงินออกจากระบบ ทำให้สภาพคล่องในตลาดการเงินลดลง และต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น ซึ่งตรงนี้เคยกดดันตลาดหุ้นพอสมควร โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มที่เน้นการเติบโตสูงอย่างกลุ่มเทคโนโลยี เพราะมูลค่าในอนาคตถูกคิดลดกลับมาด้วยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นครับ
แต่ข่าวดีในช่วงนี้ก็คือ… ตอนนี้ตลาดประเมินว่าโอกาสสูงมากๆ (>90%) ที่ Fed จะ “พักยก” การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งถัดไป (เช่น เดือนมิถุนายน) ครับ และไม่ได้หยุดแค่นั้นนะครับ หลายคนยังคาดการณ์ด้วยว่า Fed อาจจะเริ่มพิจารณา “ปรับลด” อัตราดอกเบี้ยลงได้ในครึ่งปีหลังของปีนี้ (อาจจะสูงสุดถึง 3 ครั้ง) เนื่องจากเห็นสัญญาณว่าเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลงบ้างแล้ว
คาดการณ์เรื่องการยุติการขึ้นดอกเบี้ย และโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยนี่แหละครับ ถือเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่สนับสนุนตลาดหุ้นในระยะสั้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเติบโตสูงใน ดัชนี nasdaq 100 ครับ เพราะต้นทุนทางการเงินที่ลดลงหรือคงที่ จะเอื้อต่อการขยายธุรกิจและการลงทุนของบริษัทเหล่านี้มากขึ้นครับ และข้อมูลในอดีตที่น่าสนใจ (อ้างอิงจาก Bloomberg, Goldman Sachs, CME Group) ยังบอกเราว่า หลัง Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายเนี่ย ดัชนี Nasdaq เฉลี่ยแล้วให้ผลตอบแทนดีทีเดียวเชียวครับ (+11.5% ในหนึ่งปี โดยเฉลี่ยในอดีต)
นอกจากนโยบายการเงินแล้ว สภาพเศรษฐกิจโดยรวมและตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจต่างๆ ก็มีผลโดยตรงกับ ดัชนี nasdaq 100 เช่นกันครับ ดัชนีที่เน้นหุ้นกลุ่ม Growth อย่าง ดัชนี nasdaq 100 เนี่ย ไวต่อแนวโน้มเศรษฐกิจมากๆ ครับ ตัวชี้วัดสำคัญๆ อย่างตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) หรือความเชื่อมั่นของผู้บริโภค สามารถมีอิทธิพลอย่างมากต่อราคาดัชนีได้เลยครับ
ภาวะเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณชะลอตัวลง อาจส่งผลต่อนักลงทุนให้กังวลเรื่องคาดการณ์รายได้ของบริษัทใน ดัชนี nasdaq ในไตรมาสถัดไปได้ครับ แต่ในทางกลับกัน อย่างที่บอกไป เงินเฟ้อที่เริ่มชะลอตัวลง ก็เป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ว่า Fed จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยต่อและอาจลดดอกเบี้ย ซึ่งตรงนี้ก็เป็นปัจจัยบวกท่ามกลางสัญญาณเศรษฐกิจที่หลากหลายครับ
**สรุปและคำแนะนำแบบเป็นมิตร**
สรุปแล้ว ดัชนี nasdaq 100 เป็นดัชนีที่มีคาแรคเตอร์ชัดเจนมากๆ ครับ เป็นเหมือนศูนย์รวมของบริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรมขนาดใหญ่ระดับโลก มีจุดเด่นเรื่องศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว จากพื้นฐานของบริษัทที่แข็งแกร่งและแนวโน้มเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เน้นหุ้นกลุ่มเติบโต ทำให้มีความผันผวนในระยะสั้นค่อนข้างสูง และอ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอกอย่างนโยบายการเงินของ Fed และตัวเลขเศรษฐกิจ
สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และมองหาโอกาสจากการเติบโตของเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลก ดัชนี nasdaq 100 ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณาในการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตลงทุนของคุณครับ ไม่ว่าจะด้วยการลงทุนผ่านกองทุนรวม ดัชนี (Index Fund) หรือกองทุน ETF ที่อ้างอิง ดัชนี nasdaq 100 โดยตรง ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกมากๆ ครับ
⚠️ **แต่ก่อนตัดสินใจอะไรก็ตาม… สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเข้าใจ “ความเสี่ยง” ครับ**
การลงทุนในตราสารทางการเงินอะไรก็ตาม รวมถึงการซื้อขายเงินดิจิทัลที่มีความผันผวนสูงมากๆ นั้น มีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียเงินลงทุนไปทั้งหมดหรือบางส่วนได้เลยนะครับ ราคาเงินดิจิทัลนั้นผันผวนสูงมากๆ และได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางการเงิน กฎหมาย หรือการเมือง การใช้มาร์จิน (Margin) หรือการยืมเงินมาลงทุน ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้สูงขึ้นไปอีก
ดังนั้น ผู้ลงทุนทุกท่านต้องตระหนักถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องให้ดีมากๆ ครับ ควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบจริงๆ ทั้งวัตถุประสงค์การลงทุนของตัวเอง, ประสบการณ์ที่มี, และที่สำคัญคือระดับการยอมรับความเสี่ยงของตัวเองครับ ลองถามตัวเองดูว่า ถ้าขาดทุนเท่านี้ เรารับได้ไหม?
ถ้าไม่แน่ใจจริงๆ หรือยังไม่เข้าใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างถ่องแท้ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินที่มีใบอนุญาตก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามนะครับ เขาจะช่วยให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณได้ครับ
สุดท้ายนี้ ข้อมูลและราคาที่แสดงตามแหล่งต่างๆ (อย่างเช่นที่ Fusion Media จัดหา) อาจไม่ใช่เรียลไทม์เสมอไป หรืออาจจะไม่เที่ยงตรงแม่นยำสำหรับวัตถุประสงค์การซื้อขายนะครับ ข้อมูลเหล่านี้ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน และผู้ให้ข้อมูลหรือแหล่งข้อมูลอย่าง Fusion Media ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือการสูญเสียใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการซื้อขายหรือจากการพึ่งพาข้อมูลนี้ทั้งสิ้นครับ และห้ามนำข้อมูลหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของบทความนี้ไปใช้ ทำซ้ำ หรือเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาตนะครับ
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณผู้อ่านเข้าใจ ดัชนี nasdaq 100 มากขึ้นนะครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการลงทุนครับ!