หุ้น SET50: โอกาสฟื้น? วิเคราะห์เจาะลึก ก่อนตัดสินใจลงทุน!

เคยไหมครับ/ค่ะ เวลาที่เราเปิดแอปดูหุ้น แล้วเห็นตัวเลขวิ่งขึ้นลงๆ บางทีก็งงๆ ว่าตกลงตลาดเป็นยังไงกันแน่ หุ้นตัวที่เราเล็งไว้นี่น่าซื้อไหม หรือว่าต้องระวังตัวแล้วนะ? โดยเฉพาะเวลาที่ได้ยินคำว่า SET50 หรือ SET100 แล้วยิ่งรู้สึกว่าเรื่องการเงินมันช่างซับซ้อนเหลือเกิน

ในฐานะคนที่คลุกคลีอยู่ในวงการนี้มานาน ผม/ดิฉันเข้าใจดีว่าข้อมูลทางการเงินบางทีก็ดูเป็นภาษาต่างดาวใช่ไหมครับ/ค่ะ วันนี้เราเลยจะมาคุยกันแบบสบายๆ เหมือนนั่งจิบกาแฟคุยเรื่องรอบตัว ว่าตลาดหุ้นไทยช่วงนี้เป็นยังไง โดยเน้นไปที่กลุ่มพี่ใหญ่ใจดีอย่างหุ้น set50 และ SET100 พร้อมกับดูว่ามีหุ้นตัวไหนน่าสนใจ หรือตัวไหนที่ต้องชะลอไว้ก่อน

ล่าสุดเมื่อตลาดปิดทำการวันที่ 3 เมษายน 2568 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET Index ปิดที่ 1,192.24 จุด ขยับขึ้นมาเล็กน้อย +3.83 จุด คิดเป็น +0.32% กลุ่มพี่ใหญ่อย่างดัชนี หุ้น set50 ก็ไม่ได้น้อยหน้า ปิดที่ 758.13 จุด บวกไป +2.75 จุด (+0.36%) ส่วน SET100 ซึ่งรวมหุ้นใหญ่กว่า SET50 ก็ปรับขึ้นไปที่ 1,642.83 จุด บวก +6.31 จุด (+0.39%) ดูโดยรวมแล้ว ตลาดมีบรรยากาศที่ดีขึ้นนิดหน่อยนะครับ/ค่ะ เหมือนจะค่อยๆ ฟื้นตัว แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจ เพราะตัวเลขการซื้อขายโดยรวมในวันนั้นอยู่ที่ประมาณ 5 พันล้านบาท ซึ่งถือว่าไม่ได้คึกคักหวือหวามากนัก จำนวนหุ้นที่ปรับขึ้นมีมากกว่าหุ้นที่ปรับลงเล็กน้อย (ขึ้น 188 ตัว, ไม่เปลี่ยน 203 ตัว, ลง 162 ตัว) ซึ่งสะท้อนว่าไม่ใช่ทุกตัวจะไปในทิศทางเดียวกัน

ทีนี้ เรามาเจาะลึกกันหน่อยที่ดัชนีสำคัญอย่าง SET50 และ SET100 ทำไมสองดัชนีนี้ถึงสำคัญกับนักลงทุน? พูดง่ายๆ ก็คือ ดัชนีพวกนี้เป็นตัวแทนของ “บริษัทใหญ่ๆ ที่มีสภาพคล่องสูง” ในตลาดหุ้นไทยครับ/ค่ะ SET50 คือการเอาหุ้นใหญ่ 50 ตัวแรก ส่วน SET100 ก็ขยายวงไปเป็น 100 ตัวแรก การที่นักลงทุนติดตามดัชนีเหล่านี้ ก็เหมือนกับการได้ดูภาพรวมของกลุ่มบริษัทที่เป็นหัวหอกของเศรษฐกิจไทย พวกเขาใช้ดูแนวโน้มตลาด ใช้เป็นแนวทางในการเลือกหุ้นที่จะลงทุน หรือใช้ในการบริหารพอร์ตโฟลิโอเพื่อให้กระจายความเสี่ยงได้ดีขึ้น

SET50 คิดคำนวณโดยถ่วงน้ำหนักตาม มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) หรือพูดง่ายๆ คือหุ้นที่บริษัทใหญ่มากๆ มีมูลค่ารวมสูงๆ ก็จะมีผลต่อดัชนีมากหน่อย ส่วน SET50FF จะมีการปรับด้วย สัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ทำให้สะท้อนสภาพคล่องที่แท้จริงได้ดีขึ้น ซึ่งดัชนีเหล่านี้มีการทบทวนรายชื่อหุ้นที่อยู่ในตะกร้าทุกๆ 6 เดือน (ช่วงเดือนมิถุนายนและธันวาคม) เพื่อให้มั่นใจว่ายังคงเป็นตัวแทนของหุ้นใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูงสุดอยู่เสมอ

การที่ดัชนีหุ้น set50 และ SET100 ปรับตัวขึ้นในวันนั้น ก็อาจจะบอกเป็นนัยๆ ได้ว่านักลงทุนเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นในหุ้นกลุ่มบริษัทใหญ่มากขึ้น แต่ก็ยังเป็นไปอย่างระมัดระวัง เพราะการขยับขึ้นยังไม่แรงเท่าไหร่ครับ/ค่ะ การที่หุ้นใหญ่ๆ ขยับขึ้น มักจะส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนโดยรวม เพราะเป็นหุ้นที่คนส่วนใหญ่รู้จัก และมีปัจจัยพื้นฐานค่อนข้างแข็งแกร่ง

ลองมาดูซิว่ามีหุ้นตัวไหนในกลุ่ม หุ้น set50 ที่จากข้อมูลแล้วดูเหมือนจะคึกคักเป็นพิเศษบ้าง? จากข้อมูลที่เรามี พบว่าหุ้นกลุ่มค้าปลีกอย่าง CPALL, หุ้นสื่อสารอย่าง TRUE และ ADVANC, หุ้นพลังงานอย่าง PTTEP, หุ้นสนามบิน AOT, กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, กลุ่มธนาคาร KBANK, กลุ่มอสังหาฯ และค้าปลีกอย่าง CPN, กลุ่มอาหาร CPF, และอีกหลายตัว เช่น OR, CRC, MINT, BH, TLI, HMPRO, MTC, BEM, GPSC, CBG, SCGP, EGCO ล้วนมีสัญญาณ “แรงซื้อ” หรือ “แรงซื้อรุนแรง” เข้ามา ซึ่งกระจายตัวอยู่ในหลายกลุ่มธุรกิจหลักของประเทศ เช่น การค้าปลีก, การสื่อสาร, พลังงาน, บริการสุขภาพ, การเงิน, ระบบขนส่ง, สินค้าอุปโภคบริโภค และสาธารณูปโภค สะท้อนว่าเงินทุนกำลังไหลเข้าสู่หุ้นในกลุ่มเหล่านี้เป็นพิเศษ

แต่ใช่ว่าทุกตัวจะวิ่งฉิวไปพร้อมกันนะครับ/ค่ะ ในกลุ่ม SET50 เอง ก็ยังมีหุ้นบางตัวที่มีสัญญาณเป็นกลาง เช่น SCB, SCC, TISCO, BTS, CCET, RATCH, TOP, LH, IVL, PTTGC, BJC ซึ่งไม่ได้มีแรงซื้อหรือแรงขายโดดเด่นเป็นพิเศษ ในขณะที่หุ้นที่เป็นที่จับตาอย่าง DELTA แม้จะเป็นหุ้นใหญ่มากๆ มี มูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงลิ่ว แต่จากข้อมูลที่เราเห็น ก็มีสัญญาณ “แรงขาย” ออกมาเหมือนกัน นี่เป็นตัวอย่างที่ดีที่บอกว่า หุ้นใหญ่หรือหุ้นยอดนิยม ก็อาจจะมีช่วงที่นักลงทุนเทขายได้เช่นกันครับ/ค่ะ

การที่หุ้นบางตัวมีแรงซื้อ บางตัวเป็นกลาง บางตัวมีแรงขาย แสดงให้เห็นว่าตลาดไม่ได้มองหุ้นทุกตัวเหมือนกัน นักลงทุนต้องพิจารณาเป็นรายตัว อย่าเพิ่งเหมาว่าหุ้นในกลุ่ม หุ้น set50 ทุกตัวจะดีไปหมด หรือหุ้นนอกกลุ่มจะไม่น่าสนใจ การวิเคราะห์ต้องทำอย่างรอบด้าน ทั้ง ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) และ การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) รวมถึงการดูข่าวสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนั้นๆ โดยตรง

ฟังดูดีใช่ไหมครับ/ค่ะ? แต่การลงทุนในตลาดหุ้น ไม่ได้มีแต่ด้านที่สดใสนะครับ/ค่ะ การซื้อขาย ตราสารทางการเงิน มีความเสี่ยงสูงมากๆ จำไว้เสมอว่าคุณอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดหรือบางส่วนได้ ไม่ใช่เรื่องที่จะเอาเงินร้อนหรือเงินที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันมาเสี่ยงนะครับ/ค่ะ ข้อมูลตลาดหุ้นที่เราเห็นก็อาจจะไม่ได้เป็นข้อมูลแบบเรียลไทม์ (Real-time) หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป เป็นเพียงข้อมูลที่ใช้เป็นแนวทางเท่านั้น ดังนั้น การตัดสินใจลงทุนต้องอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจและความพร้อมที่จะรับความเสี่ยงด้วยตัวเองนะครับ/ค่ะ

แล้วเราในฐานะนักลงทุนล่ะ ควรทำยังไงในสภาวะตลาดแบบนี้? อย่างแรกเลย อย่าเพิ่งรีบกระโดดเข้าใส่แค่เพราะเห็นคนอื่นซื้อเยอะๆ หรือเห็นดัชนี หุ้น set50 ปรับขึ้นเล็กน้อย การลงทุนที่ดีต้องเริ่มจากการศึกษาครับ/ค่ะ ทำความเข้าใจว่าบริษัทที่เราสนใจทำธุรกิจอะไร มีผลประกอบการเป็นยังไงบ้าง อนาคตของอุตสาหกรรมเป็นยังไง การวิเคราะห์ ปัจจัยพื้นฐาน ของบริษัทเป็นสิ่งสำคัญมาก

นอกจากนี้ การบริหาร พอร์ตการลงทุน (Portfolio Management) ก็สำคัญไม่แพ้กัน อย่าใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว การกระจายความเสี่ยงไปยังหุ้นหรือสินทรัพย์อื่นๆ ที่เราเข้าใจ ก็เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยลดความผันผวนได้ และที่สำคัญมากๆ คือ การทำความเข้าใจความเสี่ยงของการลงทุนใน ตราสารทางการเงิน แต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็นหุ้น, กองทุน, หรือแม้แต่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Contracts) หรือ ออปชั่น (Options) ที่อิงกับดัชนีอย่าง SET50 Index Futures ก็ล้วนมีความเสี่ยงเฉพาะตัว

สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้น หรือยังมีเงินลงทุนไม่มาก การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นที่อิงกับดัชนี SET50 หรือ SET100 อาจจะเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะเป็นการลงทุนแบบกระจายตัวในหุ้นใหญ่หลายๆ ตัว โดยมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพคอยดูแลให้ แต่ก็ต้องศึกษาข้อมูลกองทุนดีๆ ก่อนนะครับ/ค่ะ

สรุปแล้ว ตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ (จากข้อมูล ณ วันที่ 3 เมษายน 2568) มีสัญญาณบวกเล็กน้อยในกลุ่มหุ้นใหญ่ โดยเฉพาะ หุ้น set50 และ SET100 แต่ความเสี่ยงยังคงอยู่เสมอ การลงทุนในตลาดหุ้นต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และการตัดสินใจอย่างรอบคอบ อย่าลืมว่า ข้อมูลต่างๆ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการตัดสินใจ เราต้องวิเคราะห์ด้วยตัวเองและพร้อมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้

ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการลงทุนนะครับ/ค่ะ และอย่าลืมว่าความรู้คือเครื่องมือสำคัญที่สุดในการเดินทางบนเส้นทางตลาดหุ้นครับ/ค่ะ

Leave a Reply