เคยไหมครับ… มองออกไปนอกประเทศ แล้วรู้สึกว่าอยากลงทุนในบริษัทใหญ่ๆ ระดับโลกบ้าง ไม่ว่าจะเป็น Apple, Microsoft, NVIDIA หรือบริษัทอื่นๆ ที่เราใช้สินค้าหรือบริการของเขาอยู่ทุกวัน แต่พอจะเริ่มจริงจัง ก็ไม่รู้จะไปซื้อหุ้นพวกนี้ยังไง หรือจะเลือกตัวไหนดี หุ้นทั่วโลกมีเป็นหมื่นเป็นแสนตัว จะตามดูก็คงไม่ไหว
ถ้าคุณเคยมีความคิดแบบนี้ วันนี้ผมจะพาไปรู้จักกับเครื่องมือลงทุนตัวหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากๆ สำหรับนักลงทุนที่อยาก “เหมาเข่ง” หุ้นทั่วโลกแบบทีเดียวจบ นั่นก็คือ ishares msci acwi etf คือ กองทุนอะไร ทำไมถึงเป็นที่สนใจ และกองทุนไทยที่ลงทุนในตัวนี้มีแบบไหนบ้าง เรามาเจาะลึกกันแบบเข้าใจง่ายๆ ครับ

เจ้าตัว ishares msci acwi etf คือ กองทุนรวมดัชนีประเภท ETF (Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (NASDAQ) ที่สหรัฐอเมริกาครับ คิดง่ายๆ มันก็เหมือนกองทุนรวมบ้านเรานี่แหละ แต่พิเศษตรงที่เราสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนของมันได้เหมือนหุ้นตัวนึงผ่านตลาดหลักทรัพย์เลย จุดเด่นหลักๆ ของมันก็คือ มีเป้าหมายในการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับ “ดัชนี MSCI ACWI Index” ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยมี BlackRock Fund Advisors (BFA) เป็นผู้บริหารจัดการ
แล้วไอ้ “ดัชนี MSCI ACWI Index” ที่ว่านี้ มันคืออะไรกันแน่? ลองนึกภาพว่ามีคนรวบรวมหุ้นของบริษัทขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ทั่วโลกมาไว้ในตะกร้าเดียวครับ ดัชนี MSCI ACWI Index นี่แหละคือตะกร้าใบใหญ่ที่ครอบคลุมหุ้นใน 23 ตลาดพัฒนาแล้ว (Developed Market – DM) เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และ 27 ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market – EM) เช่น จีน อินเดีย บราซิล เกาหลีใต้ ประเทศไทยเราก็อยู่ในกลุ่ม EM ครับ รวมแล้วดัชนีนี้ครอบคลุมโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกกว่า 85% เลยทีเดียว
บางคนอาจจะเคยได้ยินชื่อดัชนี MSCI World Index มาก่อน แล้วมันต่างกันยังไง? ง่ายๆ เลยครับ MSCI World จะครอบคลุมเฉพาะตลาดพัฒนาแล้ว (DM) เท่านั้น ไม่รวมตลาดเกิดใหม่ แต่ MSCI ACWI นี่คือ “All Country World Index” สมชื่อเลยครับ คือรวมหมดทั้งโลก ทั้ง DM และ EM นั่นแปลว่าถ้าคุณลงทุนตามดัชนี MSCI ACWI คุณก็จะได้เห็นภาพรวมและได้รับผลตอบแทนตามการเติบโตของตลาดหุ้นทั้งโลกจริงๆ ไม่ใช่แค่เฉพาะกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วเท่านั้น ทำให้มีการกระจายตัวที่กว้างขวางมากๆ ทั้งตามประเทศ ภูมิภาค และกลุ่มอุตสาหกรรม

ทีนี้มาดูพอร์ตการลงทุนของ ishares msci acwi etf คือ มันมีอะไรอยู่ข้างในบ้าง? อย่างที่บอกว่ามันพยายามเลียนแบบดัชนี MSCI ACWI ทำให้โครงสร้างพอร์ตของมันก็จะคล้ายกับโครงสร้างของดัชนีเป๊ะๆ ครับ จากข้อมูลล่าสุดที่เห็น เช่น ณ สิ้นปี 2567 สัดส่วนการลงทุนส่วนใหญ่จะยังอยู่ในสหรัฐอเมริกาค่อนข้างเยอะครับ ประมาณ 60-70% ตามมาด้วยญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร จีน และแคนาดา เป็นต้น ส่วนแบ่งตามกลุ่มอุตสาหกรรม ก็จะเห็นว่ามีสัดส่วนสูงในกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 21-25% ตามมาด้วยกลุ่มการเงิน (Financials), กลุ่มสุขภาพ (Health Care), กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) และกลุ่มอุตสาหกรรม (Industrials) หุ้นตัวท็อปๆ ที่อยู่ในพอร์ตก็หนีไม่พ้นบริษัทที่เราคุ้นชื่อกันดีอย่าง Apple, Microsoft, NVIDIA, Amazon, Meta Platforms (Facebook), Alphabet (Google) ซึ่งพวกนี้เป็นหุ้นขนาดใหญ่มากๆ
แล้วผลการดำเนินงานของ ishares msci acwi etf คือ เป็นยังไงบ้างล่ะ? แน่นอนว่าการลงทุนในตลาดหุ้นโลกก็มีความผันผวนครับ ผลตอบแทนจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโลกและปัจจัยอื่นๆ จากข้อมูลผลตอบแทนย้อนหลัง (เช่น ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2567) เราเห็นตัวเลขที่น่าสนใจครับ เช่น ผลตอบแทน 1 ปีอยู่ที่ประมาณ 23.13% ในขณะที่ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีในระยะยาวก็ถือว่าใช้ได้เลย อย่างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 5 ปีอยู่ที่ประมาณ 10.95% และ 10 ปีอยู่ที่ประมาณ 8.82% ต่อปี นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมาก็ได้เฉลี่ยประมาณ 7.13% ต่อปีครับ
แต่สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำมากๆ คือตัวเลขเหล่านี้เป็น “ผลการดำเนินงานในอดีต” นะครับ มันไม่ได้การันตีว่าในอนาคตผลตอบแทนจะเป็นแบบนี้เสมอไป เราต้องพร้อมรับความผันผวนด้วยครับ อย่างในปี 2565 (ค.ศ. 2022) ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงหนัก กองทุน ACWI ก็ติดลบไปเกือบ 20% เหมือนกัน แต่พอมาปี 2566 (ค.ศ. 2023) ก็เด้งกลับมาบวกได้กว่า 22% แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของตลาดหุ้นที่ “มีขึ้นมีลง” ครับ
ทีนี้ ถ้าเราเป็นนักลงทุนในประเทศไทย อยากจะลงทุนใน ishares msci acwi etf คือ ต้องทำยังไง? การจะไปเปิดบัญชีซื้อ ETF ที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เอง อาจจะยุ่งยากสำหรับบางคน ทั้งเรื่องเอกสาร ภาษา หรือการจัดการเรื่องภาษี กองทุนรวมไทยนี่แหละครับที่เป็นตัวช่วยชั้นดี เพราะมีหลายบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ออกกองทุนรวมที่เรียกว่า “กองทุนรวมหน่วยลงทุน” หรือ “Feeder Fund” โดยมีนโยบายหลักคือ นำเงินส่วนใหญ่ของเราไปลงทุนในหน่วยลงทุนของ iShares MSCI ACWI ETF นี้แหละครับ ไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนไทยนั้นๆ เลย

ยกตัวอย่างกองทุนไทยที่ลงทุนใน ishares msci acwi etf คือ มีหลายกองทุน เช่น กองทุนของ บลจ.กรุงศรี (อย่าง KFWINDX), บลจ.เคเคพี, บลจ.กสิกรไทย, หรือ บลจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ เป็นต้น กองทุนไทยเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีกลยุทธ์การบริหารแบบ Passive หรือ Index Tracking คือไม่ได้เน้นคัดเลือกหุ้นรายตัว แต่เน้นสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกองทุนหลัก (ACWI ETF) หรือใกล้เคียงดัชนีอ้างอิงของกองทุนไทยเอง (ซึ่งมักจะอิงตาม MSCI ACWI Index แต่บางทีก็ปรับด้วยเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน)
จุดที่ต้องสังเกตสำหรับกองทุนไทยที่ลงทุนใน ACWI ETF คือ “นโยบายการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน” ครับ เพราะกองทุนหลัก ACWI ซื้อขายเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ถ้ากองทุนไทยไม่ป้องกันความเสี่ยงค่าเงินบาทผันผวนเทียบกับดอลลาร์ ก็จะส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนเป็นเงินบาทของเราได้ ซึ่งแต่ละ บลจ. ก็มีนโยบายต่างกันไป บางกองป้องกันเต็มจำนวน บางกองป้องกันบางส่วน หรือบางกองอาจจะไม่ป้องกันเลยก็มี ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนครับ ข้อมูลตรงนี้ดูได้จาก Fact Sheet ของกองทุนไทยที่เราสนใจ
การลงทุนในกองทุนที่เน้นลงทุนใน ishares msci acwi etf คือ เป็นการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ซึ่งจัดเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงครับ ระดับความเสี่ยงของกองทุนไทยเหล่านี้มักจะอยู่ที่ระดับ 6 ซึ่งเป็นระดับความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนมีโอกาสที่จะขาดทุนเงินต้นได้ นอกจากความเสี่ยงของตลาดหุ้นโลกที่ขึ้นลงตามภาวะเศรษฐกิจแล้ว ยังมีความเสี่ยงอื่นๆ ที่ต้องพิจารณา เช่น
* **ความเสี่ยงจากความผันผวน:** ราคาหน่วยลงทุนของกองทุนไทยก็จะผันผวนตามราคา ACWI ETF ซึ่งก็ผันผวนตามดัชนี MSCI ACWI Index อีกที
* **ความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน:** อย่างที่กล่าวไป ถ้ากองทุนไทยไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงค่าเงินเต็มจำนวน การแข็งค่าหรืออ่อนค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จะส่งผลต่อผลตอบแทนในสกุลเงินบาทของเราครับ
* **ความเสี่ยงจากการกระจุกตัว:** แม้ดัชนี ACWI จะกระจายไปทั่วโลก แต่สัดส่วนการลงทุนก็ยังกระจุกตัวอยู่ในบางประเทศ (เช่น สหรัฐฯ) และบางกลุ่มอุตสาหกรรม (เช่น เทคโนโลยี) ตามน้ำหนักของหุ้นในดัชนี หากมีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศหรืออุตสาหกรรมเหล่านั้นอย่างรุนแรง ก็จะกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนได้มาก
* **ความเสี่ยงเฉพาะของกองทุนไทย:** เช่น ค่าธรรมเนียมที่แต่ละกองทุนเรียกเก็บแตกต่างกัน ซึ่งจะหักจากผลตอบแทนรวมของเราไป
สรุปแล้ว ishares msci acwi etf คือ เครื่องมือลงทุนที่น่าสนใจมากๆ สำหรับคนที่อยากกระจายพอร์ตไปหุ้นทั่วโลกแบบ “เหมาเข่ง” ได้สัมผัสกับการเติบโตของบริษัทชั้นนำจากหลากหลายประเทศและอุตสาหกรรมทั่วโลก การลงทุนผ่านกองทุนไทยที่ไปลงทุนใน ACWI ETF ก็เป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับนักลงทุนไทยครับ ได้ลงทุนในสินทรัพย์ระดับโลกโดยจัดการทุกอย่างเป็นเงินบาทผ่าน บลจ. ในประเทศ
แต่ก่อนตัดสินใจลงทุนจริงๆ อย่าลืมว่า การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอครับ คุณควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดมากๆ ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า นโยบายการลงทุน (โดยเฉพาะเรื่อง FX Hedging) เงื่อนไขผลตอบแทน ค่าธรรมเนียม และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวเองให้ดี ก่อนตัดสินใจลงทุนในกองทุนใดๆ นะครับ เพราะผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคตครับ