
เคยสงสัยไหมว่า เวลาเราเห็นข่าวหุ้นต่างประเทศ บริษัทระดับโลกอย่าง Apple, Microsoft หรือ Amazon ทำผลงานดี๊ดี แล้วเราในฐานะนักลงทุนไทย จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับความเติบโตระดับโลกแบบนั้นได้ยังไงบ้าง? การไปซื้อหุ้นรายตัวทีละตัวก็ดูจะยุ่งยาก ต้องเปิดบัญชี ตลาดก็ปิดเปิดไม่ตรงเวลาเราอีก ไหนจะค่าธรรมเนียม แล้วจะเลือกหุ้นตัวไหนดีล่ะ?
จริงๆ แล้ว มีวิธีที่ง่ายกว่านั้นเยอะครับ เหมือนกับการที่เราอยากลองชิมผลไม้หลายๆ ชนิด โดยไม่ต้องไปซื้อมาทั้งสวน นั่นก็คือการ “ซื้อยกตะกร้า” หรือที่ในโลกการลงทุนเรียกว่า การลงทุนใน “ดัชนี” (Index) ครับ แล้วถ้าอยากซื้อตะกร้าหุ้น “ทั่วโลก” ล่ะ? วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับดัชนีสำคัญที่เป็นเหมือนแผนที่การลงทุนระดับโลกกัน นั่นก็คือ **เอ็มเอสซีไอ เอซีดับเบิลยูไอ** (MSCI ACWI) ครับ บางคนอาจจะเคยได้ยินชื่อนี้ผ่านๆ มาบ้าง วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่า **acwi คือ** อะไร และน่าสนใจแค่ไหนสำหรับการลงทุนของเรา
ง่ายๆ เลย **acwi คือ** ดัชนีที่สะท้อนภาพรวมของตลาดหุ้นทั่วโลก ประกอบด้วยหุ้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่จากทั้ง “ตลาดพัฒนาแล้ว” (Developed Markets) ซึ่งก็คือประเทศที่เศรษฐกิจพัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, สหราชอาณาจักร และ “ตลาดเกิดใหม่” (Emerging Markets) อย่าง จีน, บราซิล, อินเดีย รวมแล้วกว่า 50 ประเทศทั่วโลก และมีหุ้นอยู่ในตะกร้านี้เกือบ 3,000 ตัว ลองคิดดูสิครับว่า การได้ลงทุนในบริษัทชั้นนำเกือบ 3,000 แห่งทั่วโลกพร้อมกัน มันช่วยกระจายความเสี่ยงได้ขนาดไหน
ทีนี้หลายคนอาจจะเคยได้ยินอีกชื่อนึงคู่กันมา นั่นก็คือ **เอ็มเอสซีไอ เวิลด์** (MSCI World) แล้วสองดัชนีนี้ต่างกันยังไง? ความแตกต่างหลักๆ เลยก็คือ **เอ็มเอสซีไอ เวิลด์** นั้นจะครอบคลุมเฉพาะหุ้นใน “ตลาดพัฒนาแล้ว” เท่านั้นครับ มีประมาณ 23 ประเทศ ส่วน **เอ็มเอสซีไอ เอซีดับเบิลยูไอ** หรือที่เรียกย่อๆ ว่า **ACWI** นั้นพิเศษกว่าตรงที่ “รวม” เอาตลาดเกิดใหม่เข้าไปด้วยอีก 27 ประเทศ นั่นหมายความว่า ถ้าคุณลงทุนใน **ACWI** คุณจะได้กระจายการลงทุนไปยังประเทศเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วด้วย ซึ่งตลาดเกิดใหม่เหล่านี้ก็มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ถึงแม้จะมีความผันผวนสูงกว่าตลาดพัฒนาแล้วบ้างก็ตาม

ลองมาดูโครงสร้างของดัชนี **เอ็มเอสซีไอ เอซีดับเบิลยูไอ** กันหน่อยครับ (สัดส่วนเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามราคาหุ้นในตลาด) โดยส่วนใหญ่แล้ว สหรัฐอเมริกา จะมีสัดส่วนใหญ่ที่สุดในดัชนีนี้ ตามมาด้วยประเทศอื่นๆ เช่น ญี่ปุ่น, สหราชอาณาจักร, จีน, แคนาดา ส่วนใน **เอ็มเอสซีไอ เวิลด์** สัดส่วนของสหรัฐอเมริกาจะยิ่งสูงขึ้นไปอีก และจะเน้นไปที่ประเทศพัฒนาแล้วในยุโรปมากกว่า
ในด้านกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งสองดัชนีมีความคล้ายคลึงกันครับ จะเน้นไปที่กลุ่ม เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology), การเงิน (Financials), ดูแลสุขภาพ (Healthcare), สินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) และอุตสาหกรรม (Industrials) ซึ่งก็ไม่แปลกใจเลย เพราะเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นแกนหลักของเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน ส่วนหุ้นรายตัวที่อยู่ในดัชนีเหล่านี้ ก็แน่นอนว่าต้องเป็นบริษัทที่เราคุ้นชื่อกันดี เช่น แอปเปิล (Apple), ไมโครซอฟท์ (Microsoft), อเมซอน (Amazon), อัลฟาเบท (Alphabet บริษัทแม่ Google), เอ็นวิเดีย (Nvidia) และอื่นๆ อีกมากมาย การลงทุนในดัชนีพวกนี้ก็เหมือนได้เป็นเจ้าของเสี้ยวเล็กๆ ของบริษัทชั้นนำเหล่านี้ไปพร้อมๆ กัน
ข้อดีของการลงทุนในดัชนีแบบนี้คืออะไร? อย่างแรกเลยคือ “การกระจายความเสี่ยง” ที่ยอดเยี่ยมครับ ไม่ต้องกังวลว่าถ้าหุ้นตัวใดตัวหนึ่งล้ม เราจะเสียหายหนัก เพราะเราลงทุนในหุ้นเกือบ 3,000 ตัวทั่วโลกแล้ว ต่อมาคือความ “ง่าย” ครับ เราไม่ต้องมานั่งวิเคราะห์หุ้นรายตัวเองว่าบริษัทไหนดีหรือไม่ดี เพราะดัชนีจะมีการปรับเปลี่ยนหุ้นที่อยู่ในตะกร้าของตัวเองตามเกณฑ์อยู่แล้ว หุ้นตัวไหนที่อ่อนแอ หรือไม่เข้าเกณฑ์ ก็จะถูกคัดออกไปเองโดยธรรมชาติ นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมการลงทุนในกองทุนดัชนีมักจะต่ำกว่ากองทุนรวมที่ผู้จัดการกองทุนเลือกหุ้นเอง (Active Fund) ด้วยครับ เพราะเป็นกลยุทธ์แบบ “Passive” คือซื้อตามดัชนี ไม่ได้ใช้ความพยายามในการเลือกหุ้นรายตัวมากนัก
แล้วผลตอบแทนล่ะเป็นยังไง? การลงทุนในดัชนีหุ้นระดับโลกอย่าง **เอ็มเอสซีไอ เอซีดับเบิลยูไอ** มีศักยภาพที่จะให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจในระยะยาวครับ ลองดูข้อมูลในอดีตกัน (ตัวเลขเหล่านี้เป็นค่าเฉลี่ยต่อปี และเป็นข้อมูล ณ ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เช่น ณ สิ้นเดือน พ.ย. 2565 สำหรับดัชนี):
* **ดัชนี เอ็มเอสซีไอ เอซีดับเบิลยูไอ:**
* 3 ปี ย้อนหลัง: เฉลี่ยประมาณ 6.63% ต่อปี
* 5 ปี ย้อนหลัง: เฉลี่ยประมาณ 6.41% ต่อปี
* 10 ปี ย้อนหลัง: เฉลี่ยประมาณ 8.66% ต่อปี
* ตั้งแต่ปี 2543: เฉลี่ยประมาณ 5.60% ต่อปี
* **ดัชนี เอ็มเอสซีไอ เวิลด์:**
* 3 ปี ย้อนหลัง: เฉลี่ยประมาณ 8.04% ต่อปี
* 5 ปี ย้อนหลัง: เฉลี่ยประมาณ 7.90% ต่อปี
* 10 ปี ย้อนหลัง: เฉลี่ยประมาณ 10.12% ต่อปี
* ตั้งแต่ปี 2543: เฉลี่ยประมาณ 8.00% ต่อปี
จะเห็นว่าในหลายช่วงเวลาที่ผ่านมา ดัชนีที่เน้นเฉพาะตลาดพัฒนาแล้วอย่าง **เอ็มเอสซีไอ เวิลด์** อาจให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า **เอ็มเอสซีไอ เอซีดับเบิลยูไอ** เล็กน้อย ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่ผลตอบแทนจะแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลา ขึ้นอยู่กับว่าตลาดพัฒนาแล้วหรือตลาดเกิดใหม่ทำผลงานได้ดีกว่ากันในช่วงนั้นครับ
ถ้าดูผลตอบแทนของกองทุนรวมที่อ้างอิงดัชนีโดยตรง อย่างกองทุนหลักที่เป็น **อีทีเอฟ** ชื่อ **ไอแชร์ส เอ็มเอสซีไอ เอซีดับเบิลยูไอ อีทีเอฟ** (iShares MSCI ACWI ETF) ซึ่งเป็นกองทุนขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูงในระดับโลก (ข้อมูล ณ 30 ก.ย. 2566 โดยประมาณ):
* 1 ปี ย้อนหลัง: ประมาณ 20.95% (เทียบกับดัชนี 20.80%)
* 3 ปี ย้อนหลัง: ประมาณ 6.86% (เทียบกับดัชนี 6.89%)
* 5 ปี ย้อนหลัง: ประมาณ 6.48% (เทียบกับดัชนี 6.46%)
* ตั้งแต่จัดตั้ง (มี.ค. 2551): ประมาณ 6.10% (เทียบกับดัชนี 5.96%)
จะเห็นว่าผลการดำเนินงานของกองทุนจะใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงอย่างมาก นั่นเป็นเพราะกองทุนดัชนีมีเป้าหมายที่จะเลียนแบบผลตอบแทนของดัชนีให้ใกล้เคียงที่สุดนั่นเองครับ และถ้าเทียบกับผลตอบแทนของดัชนีหุ้นใหญ่อย่าง S&P 500 ของสหรัฐฯ ที่เฉลี่ยประมาณ 10.47% ต่อปีตั้งแต่จัดตั้งในปี 2536 ก็พอจะเห็นภาพว่า การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศในระยะยาวนั้นมีศักยภาพในการให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน หรือแม้แต่เอาชนะอัตราเงินเฟ้อได้ครับ

สำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจลงทุนใน **เอ็มเอสซีไอ เอซีดับเบิลยูไอ** ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยครับ เพราะตอนนี้มีกองทุนรวมในประเทศไทยที่ไปลงทุนต่อในกองทุน **อีทีเอฟ** ขนาดใหญ่ที่อ้างอิงดัชนีนี้อยู่แล้ว เช่น **กองทุนเปิดเคแทม โกลบอล อิควิตี้ พาสซีฟ ฟันด์ ชนิดสะสมมูลค่า (KT-GEQ-A)** ของ บลจ.เคทีเอ็ม หรือ **กองทุนเปิดกรุงศรีเวิลด์อิควิตี้อินเด็กซ์ (KFWINDX)** ของ บลจ.กรุงศรี กองทุนเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นสะพานให้เราเข้าไปลงทุนในกองทุน **ไอแชร์ส เอ็มเอสซีไอ เอซีดับเบิลยูไอ อีทีเอฟ** ได้โดยตรง สะดวกสบาย ไม่ต้องไปเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศเองครับ
สรุปแล้ว การลงทุนในดัชนี **เอ็มเอสซีไอ เอซีดับเบิลยูไอ** หรือที่เรียกกันว่า **acwi คือ** วิธีการลงทุนที่น่าสนใจมากสำหรับคนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงไปทั่วโลก ทั้งในตลาดพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ โดยใช้เงินลงทุนเริ่มต้นไม่มาก จัดการง่าย และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้น หรือยังไม่ค่อยมีเวลาติดตามข่าวสารตลาดหุ้น การลงทุนผ่านกองทุนดัชนี **ACWI** ก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวครับ อาจจะเริ่มจากเงินจำนวนไม่มาก และลงทุนแบบสม่ำเสมอ (Dollar-Cost Averaging – DCA) ไปเรื่อยๆ ก็ได้ เพราะการลงทุนในหุ้นมักจะให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่อลงทุนในระยะยาวครับ
**⚠️ แต่ต้องไม่ลืมนะครับว่า การลงทุนมีความเสี่ยง** แม้จะเป็นการลงทุนในดัชนีที่กระจายความเสี่ยงไปทั่วโลกแล้วก็ตาม แต่ราคาหุ้นก็ขึ้นลงได้ตลอดเวลาตามสภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยอื่นๆ เราอาจจะขาดทุนได้เช่นกันหากขายในช่วงที่ตลาดปรับตัวลง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลของกองทุนรวมที่เราจะเลือกลงทุนให้รอบคอบ ทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน ค่าธรรมเนียม และความเสี่ยงต่างๆ ก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ และหากสภาพคล่องทางการเงินของเราไม่สูงนัก คืออาจจำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้ในเร็วๆ นี้ ก็อาจจะต้องพิจารณาให้ดีก่อนที่จะนำมาลงทุนในตลาดหุ้นครับ การลงทุนที่ดีคือการลงทุนที่เราเข้าใจ และไม่ทำให้ชีวิตต้องลำบากนั่นเอง.