สวัสดีครับเพื่อนๆ นักลงทุนและผู้ที่สนใจเรื่องราวการเงินทั่วโลก วันนี้ผมในฐานะคอลัมนิสต์การเงินประจำคอลัมน์นี้ ขอพาเพื่อนๆ ทุกคนบินลัดฟ้าไปยังใจกลางทวีปยุโรป ไปทำความรู้จักกับ “ของดี” อีกอย่างหนึ่งจากประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางแฟชั่น ศิลปะ และวัฒนธรรมอย่างฝรั่งเศสครับ ใช่แล้วครับ เรากำลังจะคุยกันเรื่อง หุ้นฝรั่งเศส นั่นเอง!
หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับการลงทุนในหุ้นอเมริกา หรือหุ้นไทย แต่ตลาดหุ้นยุโรป โดยเฉพาะตลาดหุ้นฝรั่งเศส ก็มีเสน่ห์และความน่าสนใจไม่แพ้กัน ยิ่งถ้าเรามองหาโอกาสในการกระจายความเสี่ยง หรือต้องการทำความเข้าใจภาพรวมเศรษฐกิจของยุโรป การทำความรู้จักกับ หุ้นฝรั่งเศส ถือเป็นแต้มต่อที่ดีเลยครับ
ถ้าจะพูดถึงตัวแทนหลักของ หุ้นฝรั่งเศส ที่เป็นเหมือน “ดัชนีชี้วัด” หรือ “เทอร์โมมิเตอร์” บอกสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศและของยุโรปส่วนใหญ่ ก็ต้องยกให้ ดัชนี CAC 40 (อ่านว่า ซี-เอ-ซี สี่สิบ) ครับ เจ้าดัชนีตัวนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย มันก็คือการรวบรวมเอาหุ้นของ 40 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์ปารีส (Euronext Paris) มาคำนวณ โดยให้น้ำหนักตามมูลค่าตลาดของบริษัทนั้นๆ พูดง่ายๆ คือบริษัทไหนใหญ่ ราคาดี มีคนซื้อขายเยอะ ก็จะมีอิทธิพลต่อดัชนีนี้มากหน่อยครับ
รู้ไหมครับว่า ดัชนี CAC 40 เริ่มคำนวณมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) โดยกำหนดจุดเริ่มต้นไว้ที่ 1,000 จุด ซึ่งจากวันนั้นถึงวันนี้ ดัชนีตัวนี้ก็ผันผวนขึ้นลงตามสภาวะเศรษฐกิจและการเมืองโลกมาโดยตลอด ที่น่าสนใจคือ แม้จะเป็นบริษัทฝรั่งเศสแท้ๆ แต่ประมาณ 40-50% ของหุ้นในดัชนีนี้กลับถูกถือครองโดยนักลงทุนต่างชาตินะครับ นี่แสดงให้เห็นว่า หุ้นฝรั่งเศส เป็นที่จับตามองของนักลงทุนทั่วโลกจริงๆ
ทีนี้ลองมาดูสถานการณ์ล่าสุดของ หุ้นฝรั่งเศส โดยเฉพาะดัชนี CAC 40 กันบ้างครับ ตามข้อมูลช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นยุโรป รวมถึง CAC 40 ก็มีการปรับตัวที่น่าสนใจครับ มีช่วงที่บวกแรงต่อเนื่องถึง 10 วันทำการเลยทีเดียว ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีมากๆ แต่หลังจากนั้นก็มีวันที่ต้องย่อตัวลงมาบ้าง อย่างข้อมูลช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ตามรายงานจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์ ก็พบว่าตลาดหุ้นยุโรปปิดลบครับ

ปัจจัยที่กดดัน หุ้นฝรั่งเศส ในช่วงนั้น ส่วนหนึ่งมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับท่าทีด้านภาษีของสหรัฐอเมริกาครับ เวลาที่ประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกามีการเปลี่ยนแปลงนโยบายอะไรสักอย่าง มันมักจะส่งแรงสั่นสะเทือนมาถึงตลาดการเงินทั่วโลกเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศเก็บภาษียา หรือภาษีนำเข้าภาพยนตร์จากต่างประเทศ ความไม่แน่นอนแบบนี้แหละครับที่ตลาดหุ้นไม่ชอบเอาเสียเลย
แต่ในวันเดียวกันนั้นเอง (ช่วงเช้าตามเวลาท้องถิ่น) ตามข้อมูลจาก Trading Economics ดัชนี CAC 40 ก็เคยปรับขึ้นได้ถึง 0.4% นะครับ ซึ่งส่วนหนึ่งได้แรงหนุนจากหุ้นรายตัวอย่าง STMicroelectronics (บริษัทเซมิคอนดักเตอร์) ที่ได้รับการอัปเกรดคำแนะนำจาก Goldman Sachs และหุ้น Renault (ผู้ผลิตรถยนต์) ที่มีข่าวดีเกี่ยวกับยอดขายและกำไรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นของแบรนด์ Dacia
ในขณะเดียวกัน ก็มีหุ้นบางกลุ่มที่ฉุดตลาดลงเหมือนกันครับ อย่างกลุ่มบริษัทด้านสุขภาพ โดยเฉพาะ Novo Nordisk และ Philips ที่มีการปรับลดคาดการณ์อัตรากำไร ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลง ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีว่า แม้ดัชนีรวมจะดีหรือไม่ดี หุ้นรายตัวก็ยังมีความแตกต่างกันตามปัจจัยเฉพาะของบริษัทครับ

หากมองภาพรวมตั้งแต่ต้นปี 2024 จนถึงวันที่ 18 มิถุนายน 2024 ดัชนี CAC 40 ยังคงปรับเพิ่มขึ้นมาได้ประมาณ 0.95% นะครับ ถึงแม้ช่วงหลังๆ จะมีแรงกดดันอยู่บ้าง และที่สำคัญคือ ดัชนีนี้เคยทำจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 8259.20 จุด ในเดือนพฤษภาคม 2024 ด้วย ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า หุ้นฝรั่งเศส ก็มีช่วงเวลาที่ร้อนแรงไม่แพ้ตลาดอื่นเลย
นอกจากปัจจัยรายบริษัทและข่าวรายวันแล้ว สภาพเศรษฐกิจมหภาคและนโยบายจาก ‘ธนาคารกลาง’ ต่างๆ ก็มีอิทธิพลมหาศาลต่อ หุ้นฝรั่งเศส ครับ ลองคิดดูว่าอัตราดอกเบี้ย หรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ มันส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการเงิน กำลังซื้อของผู้บริโภค และผลกำไรของบริษัททั้งหลาย
ในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนทั่วโลกต่างกำลังจับตาดูการตัดสินใจและถ้อยแถลงจากธนาคารกลางหลักๆ อย่าง ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ครับ แม้ตลาดจะคาดการณ์ว่า Fed น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในการประชุมช่วงต้นเดือนพฤษภาคม (ตามข่าว ณ ขณะนั้น) แต่สิ่งที่นักลงทุนอยากรู้จริงๆ คือท่าทีในอนาคต และมุมมองของ Fed ต่อผลกระทบจากนโยบายต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องภาษี นอกจากนี้ เราก็ยังรอฟังความเห็นจากเจ้าหน้าที่ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ด้วยครับ เพราะการตัดสินใจของ ECB ย่อมส่งผลโดยตรงต่อสภาพคล่องและบรรยากาศการลงทุนในยูโรโซน ซึ่งฝรั่งเศสก็เป็นส่วนสำคัญในนั้น (มีสัดส่วนประมาณหนึ่งในห้าของเศรษฐกิจยุโรปทั้งหมด)
ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจเองก็เป็นอีกภาพสะท้อนที่นักลงทุนใช้ตัดสินใจครับ ผลสำรวจล่าสุดจากภาคเอกชนชี้ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนยังคงขยายตัวอยู่จริงในเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่เป็นการขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงครับ ความต้องการโดยรวมยังค่อนข้างอ่อนแอ โดยเฉพาะในภาคบริการที่ดูเหมือนจะแทบไม่เติบโตเลย ภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างเปราะบางครับ ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคอื่นๆ ที่ส่งผลต่อ CAC 40 ที่เราต้องคอยติดตามก็มีตั้งแต่ อัตราการจ้างงานและอัตราการว่างงาน, ตัวเลข GDP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ), อัตราดอกเบี้ย (ที่กล่าวไปแล้ว), และตัวเลขอุตสาหกรรมนำเข้าและส่งออก เหล่านี้ล้วนเป็น “สัญญาณชีพ” ของเศรษฐกิจที่ส่งผลโดยตรงต่อราคา หุ้นฝรั่งเศส ครับ
และอย่าลืมปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่คาดเดาได้ยากแต่ส่งผลรุนแรงนะครับ นอกเหนือจากเรื่องเศรษฐกิจและนโยบายการเงินแล้ว เหตุการณ์ทางการเมืองก็เป็นอีกเรื่องที่สร้างความผันผวนให้กับ หุ้นฝรั่งเศส ได้ อย่างท่าทีด้านภาษีของสหรัฐฯ ที่กล่าวไปแล้ว ก็เป็นตัวอย่างของปัจจัยภายนอกที่เข้ามากดดันตลาด หรือแม้แต่สถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้นในฝรั่งเศสเอง ก็สามารถส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและราคาหุ้นได้ทันทีครับ ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศอื่นๆ ในยุโรป หรือแม้กระทั่งความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน (ที่จีนกำลังพิจารณาข้อเสนอการเจรจาเรื่องภาษี) ก็ล้วนเป็นสิ่งที่นักลงทุน หุ้นฝรั่งเศส ต้องจับตามองครับ

สุดท้าย เหตุสุดวิสัยที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับฝรั่งเศส เช่น การโจมตีของผู้ก่อการร้าย หรือภัยธรรมชาติขนาดใหญ่ ก็เป็นปัจจัยที่เคยส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อดัชนีและราคา หุ้นฝรั่งเศส มาแล้วในอดีต ความเปราะบางจากปัจจัยเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ลงทุนต้องตระหนักเสมอครับ
พอพูดถึง หุ้นฝรั่งเศส และดัชนี CAC 40 หลายคนอาจจะยังนึกภาพไม่ออกว่าบริษัทชั้นนำ 40 แห่งนี้มีใครบ้าง ยกตัวอย่างชื่อที่เราน่าจะคุ้นเคยกันดีนะครับ:
* **LVMH Moët Hennessy – Louis Vuitton SE:** อันนี้คือ “เจ้าพ่อ” วงการสินค้าหรูระดับโลกเลยครับ มีแบรนด์ดังในเครือเพียบ ทั้ง Louis Vuitton, Christian Dior, Dom Perignon ผลิตตั้งแต่กระเป๋า เสื้อผ้า น้ำหอม นาฬิกา ไปจนถึงไวน์และสุราชั้นยอด เรียกว่าครอบคลุมทุกอย่างที่เกี่ยวกับความหรูหราและไลฟ์สไตล์ครับ
* **Sanofi S.A.:** บริษัทนี้อยู่ในกลุ่มเภสัชกรรม เป็นบริษัทยาและวัคซีนระดับโลก ที่คอยคิดค้น วิจัย พัฒนา และจำหน่ายยาเพื่อรักษาโรคต่างๆ ครอบคลุมหลากหลายกลุ่มโรคครับ
* **Danone S.A.:** ถ้าชอบทานนม โยเกิร์ต หรือน้ำดื่ม อาจจะคุ้นชื่อนี้ บริษัทนี้เป็นผู้นำด้านอาหารและเครื่องดื่ม มีผลิตภัณฑ์หลากหลายภายใต้แบรนด์ดังๆ เช่น Activia หรือ Evian วางขายทั่วโลกเลยครับ
* **Air France-KLM Group:** อันนี้ชัดเจนเลยครับ เป็นกลุ่มธุรกิจการบินขนาดใหญ่ ที่เกิดจากการรวมตัวกันของสายการบินแห่งชาติฝรั่งเศส (Air France) และเนเธอร์แลนด์ (KLM) ให้บริการทั้งเครื่องบินโดยสาร เครื่องบินขนส่งสินค้า และบริการซ่อมบำรุงอากาศยาน เวลาเราบินไปเที่ยวยุโรปก็อาจจะได้ใช้บริการของกลุ่มนี้แหละครับ
เห็นไหมครับว่าบริษัทที่อยู่ในกลุ่ม หุ้นฝรั่งเศส ชั้นนำเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่เราคุ้นชื่อ และเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของตัวเองในระดับโลก ซึ่งการที่พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของดัชนี CAC 40 ก็ยิ่งสะท้อนถึงความสำคัญของดัชนีนี้ในตลาดการเงินโลกครับ
สรุปแล้ว การลงทุนใน หุ้นฝรั่งเศส ผ่านดัชนี CAC 40 ก็เหมือนการได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับบริษัทชั้นนำของยุโรปและของโลกครับ ซึ่งราคาหุ้นและการเคลื่อนไหวของดัชนีก็ได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัยมากๆ ทั้งตัวเลขเศรษฐกิจ การตัดสินใจของธนาคารกลาง นโยบายทางการเมือง และเหตุการณ์ภายนอกต่างๆ
ก่อนจะตัดสินใจ “ร่วมเดินทาง” ไปกับ หุ้นฝรั่งเศส มีข้อคิดเล็กๆ น้อยๆ ที่อยากฝากไว้ครับ ในฐานะคอลัมนิสต์การเงิน ผมอยากเน้นย้ำเสมอว่า การลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยงครับ ไม่ว่าจะเป็นหุ้นประเทศไหนก็ตาม
⚠️ ข้อควรตระหนัก:
* การซื้อขายตราสารทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ดัชนี หรือแม้แต่เงินดิจิทัล มีความเสี่ยงสูงมากนะครับ เพื่อนๆ อาจสูญเสียเงินลงทุนบางส่วนหรือทั้งหมดได้เลย
* ราคา หุ้นฝรั่งเศส และดัชนีต่างๆ มีความผันผวนสูง และได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้ (การเงิน กฎหมาย การเมือง)
* การซื้อขายด้วยมาร์จิน (เงินกู้ยืมเพื่อการลงทุน) ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงทางการเงินขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวครับ
* ข้อมูลและราคาที่เราเห็นจากแหล่งต่างๆ บางครั้งอาจจะไม่ใช่แบบเรียลไทม์เป๊ะๆ นะครับ เนื่องจากอาจมาจากผู้ดูแลสภาพคล่องซึ่งราคาอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดเล็กน้อย และเป็นเพียงราคาอ้างอิงเท่านั้น ไม่เหมาะกับการใช้เพื่อการซื้อขายแบบตรงไปตรงมาโดยอาศัยข้อมูลนั้นเพียงอย่างเดียวครับ
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนใน หุ้นฝรั่งเศส หรือสินทรัพย์ใดๆ ก็ตาม ควรตระหนักถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องให้รอบด้านครับ พิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุนของตัวเอง ระดับประสบการณ์ในการลงทุน และที่สำคัญคือ “ระดับการยอมรับความเสี่ยง” ของเราเองว่ารับได้แค่ไหนถ้าการลงทุนนั้นไม่ได้เป็นไปตามคาด
ถ้าไม่แน่ใจ ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการเงินที่เชื่อถือได้ครับ การมีความรู้และเข้าใจในสิ่งที่เรากำลังจะลงทุน เป็นเกราะป้องกันความเสี่ยงที่ดีที่สุดครับ
ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มการลงทุนระดับนานาชาติหลายแห่งที่เสนอตราสารหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นหุ้นรายตัว หรือผลิตภัณฑ์ที่อ้างอิงกับดัชนีอย่าง CAC 40 ซึ่งเพื่อนๆ สามารถศึกษาและเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม แต่ไม่ว่าจะเลือกแพลตฟอร์มไหน หรือตราสารแบบไหน หัวใจสำคัญคือ “การทำการบ้าน” และ “การบริหารความเสี่ยง” ครับ
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆ เข้าใจภาพรวมของ หุ้นฝรั่งเศส และดัชนี CAC 40 ได้มากขึ้นนะครับ ตลาดการเงินโลกซับซ้อนแต่ก็มีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ ขอให้ทุกคนลงทุนอย่างมีสติ และประสบความสำเร็จในการเดินทางสายการเงินครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ!