
ช่วงนี้ใครที่ติดตามข่าวสารเรื่องเงินๆ ทองๆ หรือชอบดูความเคลื่อนไหวของหุ้นไทยอยู่บ้าง น่าจะเคยได้ยินคำว่า “SET50” บ่อยๆ ใช่ไหมครับ? บางทีก็มี เซต100 (SET100) พ่วงมาด้วย แล้วเจ้าดัชนีพวกนี้มันบอกอะไรเราได้บ้าง? วันนี้ในฐานะคอลัมนิสต์ที่ชอบเล่าเรื่องการเงินให้ฟังแบบเข้าใจง่ายๆ ผมจะพาไปดูกันครับว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยเมื่อวันก่อน (ข้อมูล ณ วันที่ 3 เมษายน 2568 เวลาปิดตลาด) เป็นยังไงกันบ้าง โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นใหญ่ๆ อย่าง เซต50
ลองนึกภาพตามนะครับ ตลาดหุ้นก็เหมือนตลาดสดขนาดใหญ่ที่มีสินค้าหลากหลายชนิดให้เลือกซื้อ (ก็คือหุ้นของบริษัทต่างๆ นั่นแหละ) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า SET Index นี่ก็เหมือนการดูภาพรวมของราคาสินค้าทั้งหมดในตลาดว่าวันนั้นขึ้นหรือลง โดยดูจากราคาปิดล่าสุด ณ วันที่ 3 เมษายน 2568 เวลา 23:08:32 น. ดัชนี SET ปิดอยู่ที่ 1,192.24 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 3.83 จุด หรือคิดเป็น +0.32% ครับ วันนั้นมีปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ 1,119,086 พันหุ้น คิดเป็นมูลค่า 5,003.17 ล้านบาท ก็ถือว่าเป็นวันที่ตลาดโดยรวมๆ ขยับขึ้นมานิดหน่อย ไม่ได้หวือหวามากนัก เปิดตลาดมาที่ 1,182.32 จุด ระหว่างวันขึ้นไปสูงสุดที่ 1,193.60 จุด และลงไปต่ำสุดที่ 1,181.97 จุด ครับ
คราวนี้มาเจาะดูที่กลุ่มพี่ใหญ่กันบ้าง นั่นก็คือ เซต50 และ เซต100 ครับ ทำไมต้องดูสองตัวนี้? ง่ายๆ เลยครับ ดัชนี เซต50 คือดัชนีที่รวบรวมหุ้นของ 50 บริษัทแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีมูลค่าตลาดรวมใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง ส่วน เซต100 ก็ขยายวงไปถึง 100 บริษัทแรกที่มีคุณสมบัติคล้ายๆ กัน หุ้นในกลุ่มนี้มักจะเป็นบริษัทที่เราคุ้นเคยกันดี เป็นเหมือน “หัวขบวน” ของเศรษฐกิจไทย การที่ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ขึ้นลง มักจะสะท้อนถึงความเชื่อมั่นและทิศทางของนักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนรายใหญ่ๆ ได้ดีเลยครับ

สำหรับ เซต50 เอง วันที่ 3 เมษายน 2568 ปิดที่ 758.13 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.75 จุด หรือ +0.36% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นที่มากกว่าดัชนี SET เล็กน้อยนะครับ ส่วนดัชนี SET50FF (ที่เป็น Free-Float ปรับตามสัดส่วนหุ้นที่หมุนเวียนได้อิสระ) ก็ปิดที่ 757.77 จุด เพิ่มขึ้น 2.15 จุด หรือ +0.28% ทั้งสองดัชนีนี้มีปริมาณและมูลค่าซื้อขายเท่ากันคือ 243,067 พันหุ้น คิดเป็นมูลค่า 3,856.32 ล้านบาท จะเห็นว่าแม้จะเป็นแค่ 50 หรือ 100 บริษัท แต่มีมูลค่าซื้อขายคิดเป็นสัดส่วนที่สูงมากๆ ของมูลค่าซื้อขายรวมทั้งตลาดเลยครับ
ดัชนี SET100 ซึ่งครอบคลุมหุ้นใหญ่กว่า เซต50 ก็ปิดที่ 1,642.83 จุด เพิ่มขึ้น 6.31 จุด หรือ +0.39% และ SET100FF ปิดที่ 1,646.76 จุด เพิ่มขึ้น 5.19 จุด หรือ +0.32% มูลค่าซื้อขายอยู่ที่ 303,347 พันหุ้น คิดเป็น 4,323.79 ล้านบาท ก็สะท้อนทิศทางเดียวกับ เซต50 คือกลุ่มหุ้นใหญ่ๆ ส่วนใหญ่ในวันนั้นปรับตัวขึ้นนะครับ เปิดตลาด SET50 ที่ 751.10 จุด ระหว่างวันขึ้นสูงสุดที่ 759.22 จุด ต่ำสุด 750.77 จุด ส่วน SET100 เปิดที่ 1,627.17 จุด สูงสุด 1,644.96 จุด ต่ำสุด 1,626.59 จุด
แล้วหุ้นตัวอื่นๆ ในตลาดเป็นยังไงบ้างล่ะ? ดัชนีอื่นๆ อย่าง sSET, SETCLMV, SETHD, SETESG ก็ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยตามภาพรวมตลาด ส่วนดัชนี SETWB และ mai กลับปรับตัวลดลงเล็กน้อยครับ พอมาดูภาพรวมทั้งหมด จำนวนหุ้นที่ปรับตัวขึ้น (Gainers) ในตลาด SET มี 188 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง (Unchanges) 203 หลักทรัพย์ และปรับตัวลง (Losers) 162 หลักทรัพย์ ส่วนในตลาด mai มี Gainers 55 หลักทรัพย์, Unchanges 58 หลักทรัพย์, และ Losers 52 หลักทรัพย์ครับ ก็บอกได้ว่าวันนั้นจำนวนหุ้นที่ขึ้นกับลงไม่ได้ต่างกันมากนัก แต่แรงซื้อในกลุ่มหุ้นใหญ่ๆ น่าจะช่วยพยุงดัชนีหลักๆ ไว้ได้

ทีนี้หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่อง SET50 Index Futures ซึ่งเป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับดัชนี เซต50 อีกทีครับ อันนี้มันพิเศษตรงที่นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งในภาวะที่ตลาดขาขึ้น (เราก็ Long หรือซื้อสัญญา) และภาวะที่ตลาดขาลง (เราก็ Short หรือขายสัญญา) กลไกของมันคือการเก็งกำไรกับการเปลี่ยนแปลงของดัชนี เซต50 โดยทุกๆ 1 จุดที่ดัชนี เซต50 เปลี่ยนไป จะมีมูลค่าเท่ากับ 200 บาทต่อสัญญาครับ การซื้อขายแบบนี้เป็นการชำระราคาเป็นเงินสด (Cash Settlement) ไม่ได้เป็นการส่งมอบหุ้นจริงๆ ซึ่งก็เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่นักลงทุนนิยมใช้ในการบริหารความเสี่ยงหรือเก็งกำไรในทิศทางของหุ้นกลุ่มใหญ่
การที่ดัชนี เซต50 และ เซต100 มีความสำคัญ ก็เพราะว่ามันถูกใช้เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดหุ้นไทยโดยรวม เป็นเหมือนตัวชี้วัดสุขภาพของตลาด และสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้ด้วยครับ สำหรับนักลงทุนทั่วไป การติดตามดัชนีเหล่านี้ก็มีประโยชน์ในการใช้เป็นแนวทางในการเลือกหุ้นลงทุน โดยเฉพาะหุ้นที่มีสภาพคล่องสูงและมีมูลค่าตลาดที่มั่นคง นอกจากนี้ยังช่วยในการจัดการพอร์ตการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงได้อีกด้วย
แล้วถ้าอยากจะลงทุนในหุ้นกลุ่ม เซต50 หรือ เซต100 ล่ะ ควรมีกลยุทธ์ยังไงดี? ก็มีหลายแนวทางครับ ทั้งการลงทุนระยะยาวในหุ้นที่มีพื้นฐานดีและมีแนวโน้มการเติบโตที่มั่นคง หรือจะใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) เพื่อจับจังหวะในการซื้อขายระยะสั้น-กลาง การติดตามข่าวสารและปัจจัยพื้นฐานที่อาจส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มนี้ก็เป็นสิ่งสำคัญมากๆ ที่จะช่วยให้เราตัดสินใจลงทุนได้อย่างรอบคอบครับ
สรุปแล้ว ภาพรวมตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2568 ดัชนีหลักๆ อย่าง SET, เซต50, และ SET100 ต่างปรับตัวขึ้นเล็กน้อย สะท้อนว่าแรงซื้อยังมีอยู่ในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นพิเศษครับ การเข้าใจว่า เซต50 และ SET100 คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์หรือวางแผนการลงทุนได้อย่างไร ถือเป็นความรู้พื้นฐานที่ดีสำหรับทุกคนที่คิดจะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยครับ
⚠️ ข้อควรระวังที่สำคัญมากๆ: การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และตราสารทางการเงินมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลของหลักทรัพย์แต่ละตัวและลักษณะของผลิตภัณฑ์ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง และที่สำคัญคือ ข้อมูลที่เรานำเสนอในบทความนี้เป็นข้อมูล ณ วันและเวลาที่ระบุเท่านั้น อาจไม่ใช่ข้อมูลแบบเรียลไทม์ และมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นการรับประกันความถูกต้องแม่นยำ 100% หรือเป็นคำแนะนำในการซื้อขายนะครับ นักลงทุนควรพิจารณาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอครับ