
เวลาเราดูข่าวเศรษฐกิจ หรือเปิดแอปฯ หุ้น ดูตัวเลขสีแดงๆ เขียวๆ เคยสงสัยไหมว่า ‘set50’ ที่พูดถึงกันบ่อยๆ เนี่ย มันคืออะไรกันแน่ แล้วทำไมตัวเลขมันขึ้นลงถึงมีผลกับเงินในกระเป๋าเราได้? ในฐานะคอลัมนิสต์การเงินที่คลุกคลีกับเรื่องนี้มาพอสมควร วันนี้จะขออาสารับบทเป็นไกด์ พาไปทำความเข้าใจ set50 และภาพรวมเศรษฐกิจไทยแบบบ้านๆ ที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้ครับ
set50 ก็เหมือนกับการรวมตัวของ ‘หัวกะทิ’ บริษัทใหญ่ๆ ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงลิ่ว และมีการซื้อขายหมุนเวียนคึกคัก (สภาพคล่องดี) 50 อันดับแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET นั่นแหละครับ ลองนึกภาพว่าถ้าตลาดหุ้นไทยคือโรงเรียน set50 ก็คือห้องคิงของโรงเรียนนี้ที่มีแต่เด็กเก่ง เด็กดัง มารวมตัวกัน การเคลื่อนไหวของ set50 เลยถูกใช้เป็นตัวชี้วัดสำคัญว่า “โดยรวมแล้ว” ตลาดหุ้นไทยที่ประกอบด้วยหุ้นขนาดใหญ่ เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้น แย่ลง หรือทรงๆ
ช่วงนี้ set50 ดูกระเซาเล็กน้อย ข้อมูลล่าสุด ณ ปลายเดือนเมษายน 2568 set50 ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 743.23 จุด ซึ่งถ้าเทียบกับต้นปี 2568 แล้ว ดัชนี set50 ปรับตัวลดลงไปประมาณ 7.39% เลยทีเดียว (ข้อมูล ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568) ยิ่งถ้าไปเทียบกับจุดสูงสุดตลอดกาลที่เคยทำไว้ที่ 1223.67 จุด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2561 ยิ่งเห็นภาพความแตกต่างชัดเจนขึ้นไปอีก เห็นแบบนี้ นักลงทุนหลายคนอาจจะเริ่มใจแป้ว ยิ่งดูผลตอบแทนย้อนหลัง 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน หรือแม้กระทั่ง 1 ปี ก็ยังติดลบอยู่เลย (เช่น ผลตอบแทน 3 เดือนที่ผ่านมาติดลบถึง 15.20%) นี่แสดงให้เห็นว่าตลาดผันผวนไม่ใช่เล่นๆ ในช่วง 52 สัปดาห์ที่ผ่านมา set50 เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบกว้างๆ ตั้งแต่ 667.69 จุด ไปจนถึง 965.78 จุด เลยทีเดียว

แล้วอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ set50 เคลื่อนไหวแบบนี้ล่ะ? ส่วนใหญ่ก็มาจากเรื่องเศรษฐกิจไทยนี่แหละครับ เหมือนพยากรณ์อากาศที่มีทั้งแดดออกและฝนตก ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ ที่ออกมาก็มีทั้งดีและไม่ค่อยดี
ทางด้านดี เราเห็นสัญญาณบวกจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 8 เดือน ความเชื่อมั่นทางธุรกิจก็ดีขึ้นเล็กน้อย การลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนก็เริ่มฟื้นตัว นอกจากนี้ อัตราการว่างงานของไทยก็ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดยังคงเกินดุลอยู่
แต่ก็มีด้านที่ยังต้องลุ้นอยู่เหมือนกัน เช่น อัตราเงินเฟ้อไทย ณ เดือนมกราคม 2568 อยู่ที่ 1.32% ซึ่งสูงกว่าที่หลายคนคาดการณ์ไว้เล็กน้อย ขณะที่ภาคการผลิตยังมีแรงกดดัน เห็นได้จากดัชนี PMI ภาคการผลิตที่ลดลง และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมก็ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ ยอดขายรถยนต์ในปี 2567 ก็ลดลงไปถึง 26.18% ซึ่งสะท้อนภาวะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ยังไม่สดใส ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ณ เดือนมกราคม 2568 ก็ยังคงที่ที่ 2.25% ซึ่งนโยบายการเงินนี้ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ตลาดจับตาดูใกล้ชิด
เวลาตลาดผันผวนแบบนี้ เหล่านักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญทางการเงินก็จะออกมาให้มุมมองและคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต ซึ่งตอนนี้ตัวเลขคาดการณ์สำหรับ set50 ก็ออกมาหลากหลาย อย่างเช่น มีการคาดการณ์ว่า set50 อาจจะไปอยู่ที่ 845.18 จุด ในช่วงสิ้นไตรมาส หรือ 812.38 จุด ในอีก 12 เดือนข้างหน้า ตัวเลขคาดการณ์เหล่านี้ก็เป็นเพียง ‘แนวโน้ม’ ที่อิงจากข้อมูลปัจจุบันและสมมติฐานต่างๆ นะครับ สถานการณ์จริงอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับปัจจัยเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ไม่แน่นอน

ในฐานะนักลงทุนรายย่อยอย่างเราๆ ที่มอง set50 อยู่ ควรทำความเข้าใจว่าการเคลื่อนไหวของ set50 สะท้อนภาพรวมของบริษัทขนาดใหญ่ในไทย และได้รับอิทธิพลอย่างมากจากตัวเลขเศรษฐกิจมหภาค การที่ set50 ปรับตัวลงในช่วงที่ผ่านมา ก็บอกเราว่าบริษัทใหญ่ๆ เหล่านี้กำลังเผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ส่วนใครที่สนใจเครื่องมือที่ซับซ้อนขึ้นอย่าง set50 Options ในตลาดอนุพันธ์ (TFEX ซึ่งย่อมาจาก Thailand Futures Exchange) อันนั้นก็จะมีการคำนวณราคาและปัจจัยอื่นๆ ที่ละเอียดอ่อนไปอีกขั้น เช่น Settlement Price, Open Interest หรือค่าบ่งชี้ความอ่อนไหวต่อปัจจัยต่างๆ (Option Greeks) ซึ่งเหมาะกับคนที่เข้าใจตลาดลึกๆ แล้ว แต่สำหรับมือใหม่ แค่เข้าใจ set50 ให้ถ่องแท้ก่อนก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว
แล้วในสภาวะตลาดแบบนี้ ควรวางแผนยังไงดี? สิ่งสำคัญที่สุดคืออย่าเพิ่งตื่นตระหนกครับ การที่ set50 ปรับตัวลง อาจมองได้ทั้งว่าเป็นความเสี่ยงและโอกาส สำหรับนักลงทุนระยะยาวที่เชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทไทยในระยะยาว การปรับฐานลงมาก็อาจเป็นจังหวะในการทยอยสะสมได้ แต่สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ความผันผวนสูงแบบนี้ก็ยิ่งต้องระมัดระวัง การศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ ข้อมูลจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เองก็เป็นแหล่งอ้างอิงที่ดีและมีความน่าเชื่อถือ
สรุปง่ายๆ คือ set50 และเศรษฐกิจไทยตอนนี้ก็เหมือนกำลังปรับสมดุล มีทั้งแรงส่งจากความเชื่อมั่น การลงทุน และการบริโภคที่เริ่มฟื้นตัว แต่ก็ยังมีแรงต้านจากภาคการผลิตและยอดขายบางส่วนที่ยังอ่อนแอ นักลงทุนควรมองภาพรวมนี้ให้เข้าใจ ก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้นที่ประกอบอยู่ใน set50 หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่อ้างอิง set50
⚠️ การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะหากเงินทุนของคุณไม่ใช่เงินเย็น หรือมีสภาพคล่องไม่สูง ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนเป็นพิเศษครับ