เคยไหมครับ เปิดแอปดูหุ้นตอนเช้า แล้วเห็นตัวเลขวิ่งไปมาจนงง? โดยเฉพาะไอ้เจ้า “ดัชนี SET 50” ที่ใครๆ ก็พูดถึง บางวันก็เห็นกราฟ SET 50 Index พุ่งขึ้นอย่างดีใจ บางวันก็ดิ่งลงจนใจหาย แล้วตกลงตอนนี้ตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะกลุ่ม 50 หุ้นใหญ่ (SET 50 Index) มันกำลังบอกอะไรเรากันแน่?
เพื่อนผมคนหนึ่งเพิ่งบ่นให้ฟังว่า “ดูกราฟ SET 50 Index แล้วเวียนหัว ไม่รู้ทิศรู้ทางเลย!” ผมเข้าใจเลยครับ เพราะข้อมูลที่เราเห็นมันเหมือนภาพตัดต่อหลายๆ ชิ้น ทั้งเรื่องตัวเลขเศรษฐกิจ ข่าวสารต่างประเทศ แถมยังมีเรื่องเทคนิคอล (Technical Analysis) อีก ถ้าเราไม่เรียบเรียงดีๆ มันก็ดูสับสนไปหมด วันนี้ในฐานะคอลัมนิสต์ที่คลุกคลีกับเรื่องการเงินมาพอสมควร ผมจะขอชวนทุกท่านมาแกะรอยสถานการณ์ตลาดหุ้นไทย โดยเน้นไปที่ SET 50 Index ด้วยภาษาบ้านๆ ที่เข้าใจง่ายกันครับ
**มองภาพใหญ่: ตลาดหุ้นไทยตอนนี้เป็นไง?**
เอาข้อมูลล่าสุดเท่าที่มีเลยนะครับ (แม้ข้อมูลบางชิ้นจะมาจากช่วงเวลาที่แตกต่างกันไปบ้าง เพราะตลาดมีการอัปเดตตลอด) ตอนที่ข้อมูลล่าสุดเข้ามา ตลาดหลักทรัพย์ไทย หรือ SET ปิดทำการอยู่ ดัชนี SET ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 1,284 จุด ขยับขึ้นมาจิ๊บๆ แค่ 0.01% จากการซื้อขายครั้งสุดท้าย ถ้าเราลองย้อนดูกราฟ SET Index ย้อนหลังไปช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา จะเห็นเลยว่าตลาดบ้านเราไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ ดัชนี SET ลดลงไปเยอะเลยทีเดียว ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา (ข้อมูล ณ ปลายเดือนเมษายน 2568) ดัชนี SET ลดลงไปถึงเกือบ 12% เลยนะครับ ซึ่งกองทุนที่ลงทุนอิงดัชนี SET50 โดยตรง อย่างกองทุน SCB SET50 Index(Acc) ก็สะท้อนภาพนี้ออกมาเหมือนกัน คือผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี (YTD) ติดลบไปกว่า 12% แล้ว และผลตอบแทนราย 3 ปีแบบทบต้นต่อปีก็ยังติดลบประมาณ 5% แต่ถ้ามองยาวมากๆ แบบ 5 ปี หรือ 10 ปี กองทุนนี้เพิ่งจะเห็นผลตอบแทนเป็นบวกเล็กน้อยเท่านั้นเอง (ประมาณ 0.11% และ 0.08% ต่อปี) ซึ่งก็บอกเรากลายๆ ว่าช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทย โดยรวมแล้วอยู่ในช่วงที่ท้าทายเอาเรื่องเลยครับ

ทีนี้มาเจาะลึกที่ SET 50 Index ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเราวันนี้ ข้อมูล ณ ช่วงที่อัปเดตล่าสุด ดัชนี SET 50 อยู่ที่ประมาณ 837 จุด มีการปรับตัวขึ้นมาบ้างในรอบวันล่าสุด (+0.87%) และในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา (+5.12%) อันนี้อาจทำให้บางคนเห็นแล้วเริ่มใจชื้นขึ้นมาหน่อย “หรือตลาดจะกลับมาแล้วนะ?” แต่พอไปดูผลงานย้อนหลัง 12 เดือน ดัชนี SET 50 ยังติดลบอยู่ประมาณ 1.46% นะครับ และที่น่าคิดคือ มีการคาดการณ์จากบางแหล่งว่า สิ้นไตรมาสนี้ SET 50 อาจจะไปอยู่ที่ 845 จุด แต่ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า กลับคาดว่าจะลงไปเหลือประมาณ 812 จุดเสียอีก ซึ่งตัวเลขคาดการณ์พวกนี้ไม่ใช่ของฟันธงนะครับ เป็นแค่การประเมินจากปัจจัยต่างๆ ในช่วงเวลานั้นๆ เท่านั้นเอง ดังนั้น การดูกราฟ SET 50 Index อย่างเดียว อาจให้ภาพที่ไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ ต้องดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย
**เบื้องหลังตัวเลขหุ้น: เศรษฐกิจไทยไปทางไหน?**
ตลาดหุ้นมันเหมือนกระจกสะท้อนสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศครับ ตัวเลขเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาก็ออกมาแบบ “หวานอมขมกลืน” คือมีทั้งส่วนที่พอไปได้และส่วนที่น่ากังวล
* **ส่วนที่พอไปได้:** การส่งออกของเราเติบโตดีกว่าที่คาดไว้ อันนี้เป็นข่าวดีครับ เพราะการส่งออกเป็นเครื่องยนต์สำคัญของไทย นอกจากนี้ การลงทุนภาคเอกชนและการใช้จ่ายส่วนบุคคลก็มีทิศทางดีขึ้นบ้าง รวมถึงความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือนมกราคมก็ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย และดุลบัญชีเดินสะพัดก็เกินดุลมากขึ้นในเดือนพฤศจิกายน (แม้ข้อมูลจะย้อนหลังไปหน่อย)

* **ส่วนที่น่ากังวล:** อัตราเงินเฟ้อดูจะสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย ซึ่งอาจกระทบกำลังซื้อได้ ดัชนี PMI (Purchasing Managers’ Index) ภาคการผลิต ซึ่งสะท้อนมุมมองของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในอุตสาหกรรม ก็ลดลงไปต่ำสุดในรอบ 9 เดือน อันนี้บอกว่าภาคอุตสาหกรรมกำลังชะลอตัว ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมก็ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ ยอดค้าปลีกก็ดูจะเติบโตช้าลง และที่น่าตกใจคือยอดขายรถยนต์ในปี 2024 ลดลงไปถึง 26.18% เลยทีเดียว
สรุปคือ ตัวเลขเศรษฐกิจไทยมันเหมือนคุณหมอหลายคนมาตรวจคนไข้คนเดียวกัน แล้วให้ความเห็นไม่ตรงกันเป๊ะๆ บางคนบอกอาการดีขึ้น บางคนบอกยังน่าห่วง ซึ่งภาพรวมที่ผสมผสานแบบนี้ ก็ส่งผลให้ตลาดหุ้น รวมถึง SET 50 Index ของเราผันผวนและหาทิศทางชัดเจนยากครับ
**มองผ่านเครื่องมือ: สัญญาณจากตลาดอนุพันธ์และเทคนิคอล**
นอกจากตลาดหุ้นปกติแล้ว เรายังมีตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ TFEX ด้วยนะครับ ในตลาด TFEX นี้ มีการซื้อขาย SET50 Index Futures ซึ่งเป็นสัญญาที่อิงกับ SET 50 Index นี่แหละ ราคาล่าสุดของ SET50 Index Futures อยู่ที่ประมาณ 772.3 บาท ปรับลดลงไปเล็กน้อยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา จำนวนสัญญาคงค้าง (Open Interest) ก็มีอยู่เกือบ 5 แสนสัญญา แสดงให้เห็นว่ามีการเก็งกำไรหรือป้องกันความเสี่ยงในตลาดนี้พอสมควร
ส่วนเรื่องการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) ที่นักลงทุนหลายคนใช้ดูกราฟ SET 50 Index เพื่อหาจังหวะซื้อขาย จากข้อมูลเบื้องต้น ทั้งเครื่องมือตระกูล Oscillators และ Moving Averages ต่างก็ให้สัญญาณที่หลากหลายมากครับ บางตัวบอกให้ซื้อ บางตัวบอกให้ขาย บางตัวบอกให้ถือ บางตัวบอกให้ซื้อแข็งแกร่ง หรือขายแข็งแกร่ง ซึ่งความหลากหลายนี้ยิ่งตอกย้ำว่าตลาดตอนนี้ยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจน หรือเรียกง่ายๆ ว่า “เก็งกำไรยาก” นั่นเองครับ การจะตัดสินใจซื้อขายโดยอิงจากสัญญาณทางเทคนิคเพียงอย่างเดียว ในสถานการณ์แบบนี้อาจมีความเสี่ยงสูงได้ครับ

**แล้วเราควรทำอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้?**
จากข้อมูลทั้งหมดที่เราดูมา ทั้งภาพรวมตลาด SET ที่ซบเซาแต่ SET 50 Index เพิ่งขยับขึ้นมานิดๆ ตัวเลขเศรษฐกิจที่ผสมผสาน สัญญาณทางเทคนิคที่ตีกันมั่วไปหมด รวมถึงผลงานของกองทุนที่อิง SET 50 ที่ยังติดลบในระยะสั้นถึงกลาง สิ่งที่บอกเราได้อย่างหนึ่งคือ ตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนครับ
สำหรับนักลงทุนทั่วไป หรือคนที่เพิ่งเริ่มศึกษาและดูกราฟ SET 50 Index เป็นครั้งแรก สิ่งสำคัญคือ:
1. **อย่าเพิ่งรีบร้อน:** ตลาดที่ผันผวนแบบนี้ การกระโดดเข้าไปซื้อขายตามกระแสอาจทำให้ขาดทุนได้ง่ายครับ ใจเย็นๆ ดูกราฟ SET 50 Index ประกอบกับข้อมูลอื่นๆ ไปก่อน
2. **ทำความเข้าใจภาพรวม:** พยายามดูทั้งตัวเลขเศรษฐกิจ ข่าวสารบริษัทจดทะเบียน และปัจจัยภายนอกประเทศที่อาจส่งผลกระทบ อย่ามองแค่ดัชนีตัวเดียวหรือกราฟ SET 50 Index อย่างเดียว
3. **พิจารณา “ความเสี่ยง”:** ตลาดที่ไม่มีทิศทางชัดเจน มีความเสี่ยงสูงกว่าปกติเสมอครับ
4. **มองยาวๆ (ถ้าทำได้):** ถ้าคุณเป็นนักลงทุนระยะยาว และเชื่อมั่นในศักยภาพของเศรษฐกิจไทยในอนาคต (ซึ่งยังมีเครื่องยนต์บางตัวที่ทำงานได้ดี) ช่วงที่ตลาดปรับฐานแบบนี้ อาจเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดีใน SET 50 ที่ราคาลดลงมาก็ได้ แต่ต้องเป็นการลงทุนด้วยเงินเย็น ที่คุณจะไม่เดือดร้อนหากตลาดใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัว
5. **กระจายความเสี่ยง:** อย่าทุ่มเงินทั้งหมดไปที่หุ้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือแม้แต่ SET 50 Index อย่างเดียว ลองพิจารณาการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ หรือกระจายการลงทุนไปในหุ้นนอกกลุ่ม SET 50 ที่มีแนวโน้มที่ดีกว่า
⚠️ **ข้อควรระวัง:** การลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และควรลงทุนด้วยเงินที่พร้อมจะสูญเสียได้เสมอครับ หากคุณมีเงินลงทุนจำกัด หรือต้องการสภาพคล่องสูง การลงทุนในหุ้นช่วงที่ตลาดผันผวนแบบนี้ อาจต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนเป็นพิเศษครับ
สรุปแล้ว การดูกราฟ SET 50 Index เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการทำความเข้าใจตลาดครับ เราต้องนำข้อมูลจากหลายๆ แหล่ง ทั้งเศรษฐกิจ ตัวเลขบริษัท สภาพคล่องในตลาด (เช่น Open Interest ใน TFEX) และสัญญาณทางเทคนิค มาประกอบกัน เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนที่สุด แม้ในสถานการณ์แบบนี้ ภาพนั้นอาจจะยังดูไม่ชัดเจนนักก็ตามครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการลงทุนครับ!