สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกับผมอีกครั้งในคอลัมน์ที่จะพาไปเจาะลึกเรื่องเงินๆ ทองๆ แบบเข้าใจง่าย ไม่ต้องขมวดคิ้ว วันนี้เรามาคุยกันเรื่องใกล้ตัวนักลงทุน หรือคนที่กำลังคิดจะเริ่มลงทุน หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “เซ็ต” (SET) หรือเห็นตัวเลขวิ่งๆ บนหน้าจอข่าวหุ้น ใช่ไหมครับ แล้วสงสัยไหมว่า setคืออะไรกันแน่? ทำไมตัวเลขนี้ถึงสำคัญกับเศรษฐกิจและกระเป๋าเงินเราจัง
ลองจินตนาการภาพตามนะครับ สมัยก่อนถ้าอยากจะลงทุนในหุ้นบริษัทไหน ก็ต้องไปเคาะประตูบ้านเจ้าของบริษัท หรือไม่ก็หาคนกลางที่พอจะรู้จัก ซึ่งมันวุ่นวายและไม่น่าเชื่อถือเลยใช่ไหมครับ ย้อนกลับไปสัก 60 ปีที่แล้ว บ้านเราก็เริ่มเห็นภาพแบบนี้แหละ เศรษฐกิจกำลังเติบโต แต่ภาคธุรกิจต้องการเงินทุนไปขยายกิจการ ขณะที่คนมีเงินก็อยากหาทางออมหรือลงทุนให้งอกเงย รัฐบาลในตอนนั้นเลยมองว่า เราต้องมี “ตลาด” กลางๆ ที่ทุกคนที่อยากซื้ออยากขายหุ้นมาเจอกันได้แบบเป็นระบบ เป็นระเบียบ
จุดเริ่มต้นจริงๆ ของตลาดทุนไทยยุคใหม่ เชื่อมโยงกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับแรกๆ เลยนะครับ (พ.ศ. ๒๕๐๔ เป็นต้นมา) มีความพยายามก่อตั้ง “ตลาดหุ้นกรุงเทพ” โดยเอกชนมาก่อนตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๕ แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร อาจจะเพราะยังขาดการสนับสนุนจากภาครัฐและความเข้าใจจากประชาชนในวงกว้าง
จนมาถึงยุคที่รัฐบาลจริงจังมากขึ้น มีการออกกฎหมายดูแลบริษัทเงินทุนและหลักทรัพย์ และที่สำคัญคือได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศอย่าง ศาสตราจารย์ ซิดนีย์ เอ็ม รอบบิ้นส์ มาศึกษาและให้คำแนะนำว่าจะสร้างตลาดทุนไทยให้แข็งแกร่งได้อย่างไร จนในที่สุดก็คลอด “พระราชบัญญัติ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๑๗” ออกมา ซึ่งนี่คือการจัดตั้ง **ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย** หรือที่เราเรียกติดปากว่า SET อย่างเป็นทางการนั่นเองครับ

setคือ กลไกสำคัญที่เปรียบเสมือนหัวใจของตลาดทุนไทยเลยก็ว่าได้ครับ เป็นนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมาย มีหน้าที่หลักๆ คือเป็น “ตลาดกลาง” ให้บริษัทต่างๆ ที่ต้องการระดมทุน (โดยการเสนอขายหุ้นให้ประชาชน) เข้ามาจดทะเบียน และเป็นที่ที่นักลงทุนรายย่อยอย่างเราๆ หรือนักลงทุนสถาบันต่างๆ จะเข้ามา “ซื้อขาย” หุ้นของบริษัทเหล่านั้นได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และภายใต้กฎเกณฑ์ที่ชัดเจน
ไม่ใช่แค่เรื่องการซื้อขายนะครับ setคือ ศูนย์กลางบริการด้านการลงทุนแบบครบวงจร ตั้งแต่การรับฝากหลักทรัพย์ (ที่เราซื้อขายกันส่วนใหญ่เป็นแบบไร้ใบหุ้นแล้วนะครับ) การชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ (อันนี้สำคัญมาก ทำให้มั่นใจว่าซื้อแล้วได้ของ ขายแล้วได้เงิน) ไปจนถึงการให้ข้อมูลข่าวสาร ส่งเสริมความรู้ด้านการลงทุน และที่สำคัญคือการ “กำกับดูแล” การซื้อขายและบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ให้เป็นไปอย่างโปร่งใสและยุติธรรม อยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือที่เราเรียกว่า ก.ล.ต. นั่นแหละครับ
ทีนี้ เราเห็นตัวเลข “ดัชนี” วิ่งๆ อยู่บนหน้าจอ ใช่ไหมครับ ตัวเลขเหล่านี้ก็เป็นส่วนสำคัญที่สะท้อนภาวะของตลาดหุ้น โดยเฉพาะตัวที่เป็นที่รู้จักที่สุดคือ **SET Index** (ดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย) หลายคนมักจะคิดว่า setคือ ตัวเลขนี้เลย ซึ่งก็ไม่ผิดเสียทีเดียว เพราะ SET Index เนี่ยแหละคือตัวแทนภาพรวมของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

**SET Index คืออะไร?** มันคือตัวเลขที่บอกว่าราคาหุ้นโดยเฉลี่ยของ “หุ้นทุกตัว” ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ ขณะนั้น เทียบกับราคาหุ้นเมื่อ “วันฐาน” คือวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๘ ซึ่งกำหนดให้มีค่าเริ่มต้นที่ ๑๐๐ จุด พูดง่ายๆ คือ ถ้าวันนี้ SET Index อยู่ที่ ๑,๕๐๐ จุด ก็แสดงว่าราคาหุ้นโดยเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้น ๑๕ เท่าจากวันแรกที่ตลาดเปิด (คร่าวๆ นะครับ การคำนวณจริงซับซ้อนกว่านั้นนิดหน่อย เพราะใช้วิธีถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตามราคาตลาด หรือ Market Cap Weighted หมายถึง หุ้นบริษัทใหญ่ๆ จะมีผลต่อดัชนีมากกว่าหุ้นบริษัทเล็กๆ ครับ) เวลาเห็นดัชนีขึ้นก็แปลว่าภาพรวมตลาดหุ้นกำลังไปได้ดี ถ้าดัชนีลงก็แปลว่าภาพรวมตลาดหุ้นกำลังปรับตัวลง
นอกจาก SET Index แล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมีดัชนีอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นเหมือนตัวชี้วัดย่อยๆ ให้เราดูภาวะตลาดในมุมที่แตกต่างกันไปครับ เช่น:
* **SET50 Index:** วัดราคาหุ้น ๕๐ ตัวแรก ที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุด และมีสภาพคล่องสูง (ซื้อขายง่าย) เปรียบเสมือนตัวแทนของหุ้น “บิ๊กแคป” (Big Cap) ในตลาด
* **SET100 Index:** คล้ายกับ SET50 แต่ขยายเป็น ๑๐๐ ตัวแรก ก็จะครอบคลุมหุ้นขนาดใหญ่และกลางมากขึ้น
* **SETHD Index:** อันนี้สำหรับสายลงทุนเน้นเงินปันผลครับ วัดราคาหุ้น ๓๐ ตัวที่จ่ายปันผลดีต่อเนื่อง (High Dividend)
* **sSET Index:** ตัวนี้วัดหุ้นขนาดเล็ก (Small Cap) ที่อยู่นอก SET50 และ SET100 แต่อยู่ในกลุ่มที่มีสภาพคล่องดี
* **SETTHSI Index:** น่าสนใจสำหรับคนที่เน้นลงทุนแบบยั่งยืน (Sustainable Investing) ตัวนี้วัดหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)

การมีดัชนีหลากหลายแบบนี้ ช่วยให้นักลงทุนมองเห็นภาพตลาดในมิติต่างๆ ครับ จะดูภาพรวม (SET Index) หรือจะเจาะกลุ่มหุ้นใหญ่ (SET50, SET100) หุ้นเล็ก (sSET) หรือหุ้นที่เน้นปันผล (SETHD) ก็ทำได้ นอกจากนี้ ยังมีดัชนีแบ่งตาม “กลุ่มอุตสาหกรรม” และ “หมวดธุรกิจ” อีก เช่น ดัชนีกลุ่มธนาคาร ดัชนีกลุ่มพลังงาน ซึ่งทำให้เราเห็นได้ว่าภาคเศรษฐกิจไหนกำลังเป็นอย่างไร
ข้อมูลสถิติต่างๆ ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยแพร่ เช่น มูลค่าการซื้อขายในแต่ละวัน หรือการซื้อขายของนักลงทุนแต่ละกลุ่ม (นักลงทุนสถาบัน, บัญชีบริษัทหลักทรัพย์, นักลงทุนต่างประเทศ, นักลงทุนในประเทศ) ก็เป็นเหมือนสัญญาณบอกเล่าเรื่องราวในตลาดได้เหมือนกันนะครับ เช่น ถ้าเห็นนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิเยอะๆ ติดต่อกัน ก็อาจเป็นสัญญาณว่ามีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้เงินทุนไหลออก หรือถ้านักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อเยอะๆ ก็อาจจะสะท้อนความเชื่อมั่นในตลาดในระยะยาว เป็นต้น (แต่ก็เป็นเพียงสัญญาณหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมดนะครับ) อย่างข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๘ ที่ผ่านมา ดัชนี SETคือ ๑,๒๐๓.๗๒ จุด ภาพรวมตลาดในวันนั้นก็ปรับตัวลงเล็กน้อย มูลค่าซื้อขายรวมกว่า ๗ หมื่นล้านบาท ซึ่งในวันนั้นจะเห็นว่านักลงทุนต่างชาติขายสุทธิค่อนข้างมาก ขณะที่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยในประเทศเป็นฝ่ายซื้อสุทธิครับ
สรุปแล้ว setคือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นตลาดกลางที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เป็นแหล่งระดมทุนให้ภาคธุรกิจเติบโต และเป็นช่องทางให้ประชาชนเข้าถึงการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างๆ ตัวเลขดัชนี SET Index ก็เป็นเหมือนมาตรวัดสุขภาพของตลาดหุ้นไทยโดยรวม ส่วนดัชนีอื่นๆ ก็ช่วยให้เรามองเห็นภาพตลาดในมุมที่แคบลงและหลากหลายมากขึ้น
สำหรับคนที่กำลังสนใจอยากก้าวเข้าสู่โลกของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ สิ่งสำคัญที่สุดก่อนจะเริ่มคือ “การศึกษา” ครับ setคือแหล่งข้อมูลที่ดี มีเว็บไซต์ set.or.th ที่รวบรวมข้อมูลทุกอย่างไว้ ทั้งความรู้พื้นฐาน โครงสร้างตลาด ข้อมูลบริษัทจดทะเบียน และข่าวสารต่างๆ ลองเข้าไปดูครับ
**คำแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น:**
1. **ทำความเข้าใจ:** เรียนรู้ว่า setคืออะไร หุ้นคืออะไร การลงทุนมีความเสี่ยงอย่างไร
2. **ประเมินตัวเอง:** ดูว่าเรารับความเสี่ยงได้แค่ไหน มีเงินเย็น (เงินที่ยังไม่มีแผนใช้ในเร็วๆ นี้) เท่าไหร่
3. **เริ่มจากน้อยๆ:** อาจจะเริ่มจากการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นไทยก่อน เพื่อให้ผู้จัดการกองทุนมืออาชีพช่วยดูแล หรือจะลองเปิดพอร์ตหุ้นแล้วเริ่มจากหุ้นตัวที่เราเข้าใจธุรกิจของเขาดีก็ได้
4. **ใช้เครื่องมือที่ช่วย:** บริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งมีแอปพลิเคชันซื้อขายหุ้นออนไลน์ เช่น Streaming app ที่ช่วยให้เราซื้อขายหุ้น ติดตามราคา และดูข้อมูลต่างๆ ได้สะดวก
⚠️ **สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้เสมอ:** setคือโอกาสในการสร้างความมั่งคั่ง แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยง ราคาหุ้นมีขึ้นมีลงได้ตลอดเวลา บางช่วงอาจจะผันผวนรุนแรง การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน และควรลงทุนด้วยเงินที่พร้อมจะสูญเสียได้ทั้งหมดเท่านั้น หากเงินทุนหมุนเวียนไม่สูง หรือเป็นเงินที่จำเป็นต้องใช้ในระยะสั้น **ไม่แนะนำ** ให้นำมาลงทุนในหุ้นโดยเด็ดขาดครับ
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านเข้าใจว่า setคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรมากขึ้นนะครับ พบกันใหม่คอลัมน์หน้า สวัสดีครับ!