โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ไม่เคยปิดเว็บหนี: การเลือกที่ดีที่สุดในประเทศไทย ปี 2025

ทำไมการเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่ไม่เคยปิดหนีจึงสำคัญที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย?

สำหรับนักลงทุนชาวไทย การเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ไม่ต่างจากการเลือกสถาบันการเงินที่จะรับฝากเงินทั้งชีวิต หากตัดสินใจผิด อาจหมายถึงการสูญเสียทุกอย่างที่สะสมมา การเลือกโบรกเกอร์ที่มีประวัติดี ไม่มีพฤติกรรมโกงหรือปิดเว็บหนี จึงไม่ใช่แค่เรื่องรอง แต่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ควรพิจารณาเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2025 ที่ตลาดฟอเร็กซ์มีทั้งโอกาสและความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

ภาพประกอบโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่น่าเชื่อถือช่วยเหลือเทรดเดอร์

1. ความปลอดภัยของเงินทุนคือพื้นฐานที่ต้องมาก่อน

นี่คือหัวใจหลักของการเลือกโบรกเกอร์ที่ดี โบรกเกอร์ที่มีมาตรฐานจะแยกบัญชีลูกค้าออกจากบัญชีดำเนินงานของบริษัท (Segregated Accounts) ซึ่งเป็นมาตรการป้องกันที่สำคัญ หากบริษัทประสบปัญหาทางการเงินหรือล้มละลาย เงินของคุณก็ยังปลอดภัยและสามารถขอถอนคืนได้ตามกระบวนการ

2. ถอนเงินได้จริง ไม่ใช่แค่คำสัญญา

ไม่มีอะไรน่าผิดหวังไปกว่าการเทรดได้กำไรแต่ถอนออกมาไม่ได้ โบรกเกอร์ที่มั่นคงจะมีระบบการถอนที่รวดเร็ว โปร่งใส และมีความต่อเนื่อง ปัญหาการล่าช้าโดยไม่มีคำอธิบาย หรือการขอเอกสารเพิ่มอย่างไม่มีเหตุผล เป็นสัญญาณที่ควรระวังอย่างยิ่ง

3. ราคาที่ยุติธรรม ไม่มีการบิดเบือน

โบรกเกอร์ที่ไม่น่าเชื่อถือมักมีพฤติกรรมแอบปรับราคา หรือทำให้เกิด Slippage ผิดปกติในช่วงเวลาที่ตลาดผันผวน เพื่อให้คุณขาดทุนโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่โบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตเข้มงวดจะต้องเปิดเผยข้อมูลราคาอย่างโปร่งใส ไม่มีการแทรกแซงคำสั่งซื้อขาย

4. สมาธิที่ไม่ต้องมากังวลเรื่องความปลอดภัย

เมื่อคุณมั่นใจว่าเงินทุนของคุณอยู่ในมือที่ปลอดภัย คุณจะสามารถมุ่งมั่นกับการวิเคราะห์กราฟ ติดตามข่าวเศรษฐกิจ และพัฒนากลยุทธ์การเทรดได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องคอยกังวลว่าพรุ่งนี้โบรกเกอร์จะหายไปหรือไม่

ดังนั้น ก่อนจะพิจารณาสเปรด โบนัส หรือโปรโมชั่นใดๆ ควรเริ่มต้นจากการตรวจสอบความมั่นคงของโบรกเกอร์ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะไม่มีผลตอบแทนใดๆ จะคุ้มค่าเท่ากับการรักษาเงินทุนของคุณเอาไว้

7 สัญญาณเตือน (Red Flags) ว่าโบรกเกอร์ Forex ของคุณอาจปิดหนีในปี 2025

ก่อนจะตัดสินใจฝากเงินจริง คุณควรเป็นนักตรวจสอบด้วยตัวเอง ไม่ใช่แค่เชื่อโฆษณาหรือรีวิวที่ดูดีเกินจริง ต่อไปนี้คือ 7 ปัจจัยเสี่ยงที่มักพบในโบรกเกอร์เถื่อนหรือโบรกเกอร์ที่กำลังจะมีปัญหา

1. ไม่มีหรือมีใบอนุญาตจากหน่วยงานที่ไม่น่าเชื่อถือ

โบรกเกอร์ที่ดีจะต้องมีการระบุหน่วยงานกำกับดูแลอย่างชัดเจน เช่น **FCA** ของสหราชอาณาจักร, **ASIC** ของออสเตรเลีย หรือ **CySEC** ของไซปรัส ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีกฎระเบียบเข้มงวด หากโบรกเกอร์จดทะเบียนในเกาะเล็กๆ ที่มีกฎหมายอ่อนแอ เช่น หมู่เกาะเคย์แมน หรือวานูอาตู ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ

2. โบนัสสูงเกินจริงเพื่อล่อใจ

ข้อเสนออย่าง “ฝาก 1,000 บาท รับเพิ่ม 5,000 บาท!” ฟังดูน่าสนใจ แต่มักเป็นกลยุทธ์ของโบรกเกอร์ที่ไม่มั่นคง เพื่อดึงดูดนักลงทุนมือใหม่ แต่เมื่อถึงเวลาถอนเงิน จะพบกับเงื่อนไขการทำเทิร์นโอเวอร์ที่สูงลิบ หรือข้อห้ามที่ทำให้ถอนไม่ได้

3. การถอนเงินล่าช้าโดยไม่มีเหตุผล

หากคุณส่งคำขอถอนเงินไปแล้วหลายวัน แต่ยังไม่มีความคืบหน้า และไม่สามารถติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าได้ นี่คือสัญญาณอันตรายชัดเจน อาจหมายถึงโบรกเกอร์มีปัญหาสภาพคล่อง หรือกำลังเตรียมปิดตัวลง

4. ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าไม่ได้

โบรกเกอร์ที่ดีจะลงทุนในทีมสนับสนุนลูกค้าที่ตอบไว ให้ความช่วยเหลือจริงจัง และมีหลายช่องทาง เช่น ไลน์, อีเมล, แชทสด หรือโทรศัพท์ หากคุณติดต่อไม่ได้เลย หรือได้รับคำตอบซ้ำๆ ที่ไม่ช่วยแก้ปัญหา ควรเริ่มตั้งคำถาม

5. ค่าธรรมเนียมแอบแฝงไม่ชัดเจน

ค่าสเปรด, ค่า Swap, ค่าคอมมิชชั่น หรือค่าธรรมเนียมการถอนเงิน ควรระบุไว้ชัดเจนในเว็บไซต์ หากคุณพบว่ามีการหักเงินโดยไม่แจ้งล่วงหน้า หรือมีค่าใช้จ่ายที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นั่นคือสัญญาณของการขาดความโปร่งใส

6. พนักงานกดดันให้ฝากเงินเพิ่ม

การที่พนักงานโทรมาบ่อยๆ อ้างว่า “มีโอกาสพิเศษแค่คุณคนเดียว” หรือ “ต้องรีบก่อนโปรโมชั่นหมด” เป็นพฤติกรรมที่พบในโบรกเกอร์ที่มีเป้าหมายเพียงการเก็บเงินลูกค้า ไม่ใช่การให้บริการที่ยั่งยืน

7. รีวิวใน Pantip หรือฟอรั่มอื่นเต็มไปด้วยปัญหาการถอน

แม้จะมีรีวิวดีบ้าง แต่หากคุณพบว่ามีข้อร้องเรียนซ้ำๆ กัน โดยเฉพาะเรื่อง “ถอนเงินไม่ได้” “ติดต่อไม่ได้” “โดนปิดบัญชี” จากหลายแหล่ง นั่นคือข้อมูลที่ควรนำมาพิจารณาอย่างจริงจัง

ภาพประกอบสัญญาณเตือนโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ไม่น่าเชื่อถือ

5 โบรกเกอร์ Forex ที่มั่นคงและปลอดภัยที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ไทยในปี 2025

รายชื่อที่คัดสรรมาต่อไปนี้ ไม่ได้เน้นแค่โปรโมชั่นหรือสเปรดต่ำ แต่เป็นการประเมินจากเกณฑ์สำคัญ เช่น ความเข้มงวดของหน่วยงานกำกับดูแล, ประวัติการดำเนินงาน, ความมั่นคงทางการเงิน และความพึงพอใจของผู้ใช้จริงในประเทศไทย

1. Moneta Markets – โบรกเกอร์มาแรงที่รวมความปลอดภัยกับนวัตกรรม

Moneta Markets กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูงในหมู่เทรดเดอร์ไทย ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีทันสมัยกับการกำกับดูแลที่เข้มงวด ทำให้เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ

  • การกำกับดูแล: มีใบอนุญาตจาก ASIC (ออสเตรเลีย) และ FSCA (แอฟริกาใต้) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีมาตรฐานสูงและโปร่งใส
  • ความปลอดภัยของเงินทุน: เงินของลูกค้าถูกเก็บไว้ในบัญชีแยกต่างหากที่ธนาคารชั้นนำของออสเตรเลีย (National Australia Bank) ไม่ปะปนกับเงินทุนบริษัท
  • การรองรับภาษาไทย: มีทีมงานสนับสนุนภาษาไทยพร้อมช่องทางการติดต่อที่สะดวก รวมถึงการฝาก-ถอนผ่าน QR Code และธนาคารในไทย
  • แพลตฟอร์ม: ใช้ Pro Trader ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่พัฒนาเอง เน้นความเร็วและเสถียรภาพ พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์จาก Trading Central

2. IC Markets – ผู้นำด้านสเปรดต่ำและสภาพคล่องสูง

หากคุณเป็นเทรดเดอร์สายสั้นที่ต้องการความเร็วและราคาที่แม่นยำ IC Markets เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ True ECN ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีชื่อเสียงในเรื่องสเปรดต่ำ

  • การกำกับดูแล: ได้รับอนุญาตจาก ASIC ซึ่งเป็นหน่วยงานที่เข้มงวดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
  • สเปรด: เฉลี่ยที่ 0.0 pips ในคู่เงินหลัก พร้อมสภาพคล่องจากผู้ให้บริการกว่า 15 ราย
  • ความน่าเชื่อถือ: ดำเนินงานมาตั้งแต่ปี 2007 มีปริมาณการซื้อขายต่อวันสูงมาก แสดงถึงความมั่นคงและศักยภาพของบริษัท

3. Pepperstone – แพลตฟอร์มครบ รองรับทุกสไตล์การเทรด

Pepperstone ได้รับความไว้วางใจจากเทรดเดอร์ทั่วโลก ด้วยการให้บริการแพลตฟอร์มหลากหลายที่เหมาะกับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ

  • การกำกับดูแล: มีใบอนุญาตจาก FCA (สหราชอาณาจักร) และ ASIC (ออสเตรเลีย) ซึ่งเป็นการรับประกันความปลอดภัยระดับสูง
  • แพลตฟอร์ม: รองรับ MT4, MT5, cTrader และ TradingView ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้เครื่องมือที่คุ้นเคยได้
  • ความเร็ว: มีชื่อเสียงในด้านการดำเนินคำสั่งที่รวดเร็ว สำคัญมากสำหรับการเทรด Scalping หรือ News Trading

4. Exness – ถอนเงินเร็ว ฝากสะดวก 24 ชั่วโมง

Exness เป็นที่รู้จักในหมู่นักลงทุนไทยจากความรวดเร็วในการทำธุรกรรม โดยเฉพาะการถอนเงินที่ทำได้ทันที

  • การกำกับดูแล: มีใบอนุญาตจาก FCA และ CySEC ซึ่งเป็นหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ
  • การถอนเงิน: ระบบ Instant Withdrawal ทำให้สามารถถอนเงินเข้าบัญชีธนาคารไทยได้ภายในไม่กี่นาที
  • เลเวอเรจ: ให้เลเวอเรจสูงสุดถึง 1:Unlimited สำหรับบัญชีบางประเภท รองรับกลยุทธ์ที่ต้องการใช้ทุนน้อย

5. XM – โบรกเกอร์ที่เน้นการเรียนรู้และการสนับสนุน

XM เหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ที่ต้องการเรียนรู้ควบคู่ไปกับการลงทุน โดยมีแหล่งเรียนรู้ครบวงจร

  • การกำกับดูแล: ได้รับอนุญาตจาก ASIC, CySEC และอื่นๆ ทำให้มั่นใจได้ในความปลอดภัย
  • การเรียนรู้: มีสัมมนาออนไลน์ (Webinar), วิดีโอสอนเทรด และบทความวิเคราะห์เป็นภาษาไทย
  • บริการลูกค้า: มีชื่อเสียงด้านการดูแลลูกค้าที่เป็นมิตรและช่วยเหลือได้ดี

ตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือในประเทศไทย ปี 2025

โบรกเกอร์ หน่วยงานกำกับดูแลหลัก ปีที่ก่อตั้ง ช่องทางการฝาก/ถอนในไทย ฝ่ายบริการลูกค้าภาษาไทย
Moneta Markets ASIC, FSCA 2020 รองรับ (QR Code, ธนาคารไทย) มี
IC Markets ASIC, CySEC 2007 รองรับ (ธนาคารไทย) มี
Pepperstone FCA, ASIC 2010 รองรับ (ธนาคารไทย) มี
Exness FCA, CySEC 2008 รองรับ (QR Code, ธนาคารไทย) มี
XM ASIC, CySEC 2009 รองรับ (QR Code, ธนาคารไทย) มี

วิธีตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ด้วยตัวเอง – คู่มือฉบับปฏิบัติได้จริง

อย่าเพียงเชื่อคำบอกเล่าจากเว็บไซต์ของโบรกเกอร์เพียงอย่างเดียว คุณสามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือได้ด้วยตัวเองภายในไม่กี่นาที

ขั้นตอนการตรวจสอบ

  1. ค้นหาหมายเลขใบอนุญาต: เข้าเว็บไซต์โบรกเกอร์ แล้วไปที่หน้า “Regulation” หรือ “About Us” เพื่อหาชื่อหน่วยงานและเลขที่ใบอนุญาต
  2. ไปที่เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ: เข้าเว็บของหน่วยงานกำกับดูแล เช่น:
  3. ค้นหาและยืนยัน: ใส่ชื่อบริษัทหรือหมายเลขใบอนุญาต หากข้อมูลตรงกัน และสถานะเป็น “Authorised” หรือ “Active” แสดงว่าโบรกเกอร์นั้นถูกต้องตามกฎหมาย

การใช้เวลาเพียง 5 นาทีในการตรวจสอบ อาจช่วยคุณรอดพ้นจากการสูญเสียเงินทั้งหมดได้

สรุป: เลือกโบรกเกอร์อย่างชาญฉลาด เพื่อรักษาเงินทุนของคุณในปี 2025

การเลือกโบรกเกอร์ไม่ใช่แค่การเปรียบเทียบสเปรดหรือเลเวอเรจ แต่เป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่มีผลต่อความอยู่รอดของการลงทุนของคุณ การเลือกผู้ให้บริการที่มีการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด ประวัติดี และรองรับการใช้งานของคนไทย คือก้าวแรกที่ดีที่สุด

ในบรรดาโบรกเกอร์ทั้งหมดที่กล่าวมา Moneta Markets ถือเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นในปี 2025 ด้วยการกำกับดูแลจาก ASIC ระบบการฝาก-ถอนที่รวดเร็วผ่านธนาคารไทย และทีมงานสนับสนุนภาษาไทยที่เข้าถึงง่าย ทำให้เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับนักลงทุนชาวไทย

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะตัดสินใจ แนะนำให้คุณเปิดบัญชีทดลอง (Demo Account) กับ 2-3 โบรกเกอร์ที่สนใจ เพื่อทดสอบแพลตฟอร์ม การดำเนินคำสั่ง และบริการลูกค้าด้วยตัวเอง การตัดสินใจที่มีข้อมูล คือรากฐานของความสำเร็จในตลาดฟอเร็กซ์

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

โบรกเกอร์ Forex ที่ กลต. ไทยรับรองมีหรือไม่?

ปัจจุบันยังไม่มีโบรกเกอร์ Forex สำหรับลูกค้ารายย่อยที่ได้รับการรับรองโดยตรงจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ของประเทศไทย เทรดเดอร์ชาวไทยจึงนิยมใช้บริการโบรกเกอร์จากต่างประเทศที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานที่น่าเชื่อถือในระดับสากล เช่น ASIC (ออสเตรเลีย) หรือ FCA (สหราชอาณาจักร) เพื่อความปลอดภัยของเงินทุน

จะทำอย่างไรถ้าโบรกเกอร์ Forex ปิดเว็บหนีไปแล้ว?

น่าเสียใจที่ต้องบอกว่าการได้เงินคืนในกรณีนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก หากโบรกเกอร์นั้นไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวด แต่ถ้าโบรกเกอร์ของคุณอยู่ภายใต้หน่วยงานอย่าง FCA หรือ CySEC อาจมีโครงการชดเชยนักลงทุน (Invest quotas Fund) ซึ่งคุณสามารถยื่นเรื่องเพื่อขอรับเงินชดเชยได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด นี่คือเหตุผลที่การเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตดีๆ ตั้งแต่แรกจึงสำคัญที่สุด

โบรกเกอร์ Forex ไหนดี pantip ปี 2567-2568 แนะนำเจ้าไหนมากที่สุด?

ในเว็บบอร์ด Pantip มีการพูดถึงโบรกเกอร์หลายแห่งและความคิดเห็นก็แตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์ที่มักจะถูกพูดถึงในแง่ดีเรื่องความน่าเชื่อถือ, สเปรดต่ำ และการฝากถอนที่รวดเร็ว มักจะเป็นโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น IC Markets, Pepperstone และ Exness นอกจากนี้ โบรกเกอร์ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่าง Moneta Markets ก็เริ่มถูกพูดถึงมากขึ้นในเรื่องการกำกับดูแลที่แข็งแกร่งและบริการที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนไทย

การฝากถอนเงินกับโบรกเกอร์ในต่างประเทศปลอดภัยหรือไม่?

ปลอดภัย หากคุณเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือและมีช่องทางการชำระเงินที่เหมาะสมกับคนไทย โบรกเกอร์ชั้นนำส่วนใหญ่ในปัจจุบันรองรับการฝาก-ถอนผ่าน QR Code และ Local Bank Transfer ซึ่งเป็นการทำธุรกรรมผ่านธนาคารในประเทศไทย ทำให้มีความปลอดภัยสูงและสะดวกสบาย ลดความยุ่งยากในการแปลงสกุลเงินหรือการใช้บัตรเครดิต

Moneta Markets มีความน่าเชื่อถือแค่ไหนสำหรับเทรดเดอร์ในประเทศไทย?

Moneta Markets ถือเป็นโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงมากสำหรับเทรดเดอร์ชาวไทย ด้วยเหตุผลสำคัญดังนี้:

  • การกำกับดูแลระดับ Top-Tier: การอยู่ภายใต้การควบคุมของ ASIC (ออสเตรเลีย) เป็นการรับประกันความปลอดภัยของเงินทุนในระดับสูงสุด
  • การสนับสนุนภาษาไทย: มีทีมงานซัพพอร์ตคนไทยโดยเฉพาะ ทำให้การสื่อสารเมื่อเกิดปัญหาเป็นไปอย่างราบรื่น
  • การฝาก-ถอนที่สะดวก: รองรับธนาคารไทย ทำให้การทำธุรกรรมรวดเร็วและง่ายดาย

ด้วยปัจจัยเหล่านี้ Moneta Markets จึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ปลอดภัยและเหมาะสมที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ไทยที่ต้องการความมั่นคงและไม่ต้องการเสี่ยงกับโบรกเกอร์ที่อาจปิดหนี

โบรกเกอร์ที่มีโบนัสสูงๆ น่าเชื่อถือหรือไม่?

ควรใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง โบนัสที่สูงเกินจริง (เช่น 100% หรือ 200%) มักเป็นเครื่องมือทางการตลาดของโบรกเกอร์ที่ไม่มีใบอนุญาตหรือมีใบอนุญาตที่อ่อนแอ เพื่อดึงดูดเทรดเดอร์รายใหม่ โบนัสเหล่านี้มักมาพร้อมกับเงื่อนไขการทำเทิร์นโอเวอร์ (Turnover) ที่สูงมากจนแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะถอนกำไรหรือเงินทุนออกมาได้ โบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือมักจะเน้นที่คุณภาพของบริการและสเปรดที่แข่งขันได้มากกว่าการเสนอโบนัสที่เกินจริง

ใช้เวลานานแค่ไหนในการถอนเงินจากโบรกเกอร์ Forex โดยทั่วไป?

ระยะเวลาจะแตกต่างกันไปในแต่ละโบรกเกอร์และช่องทางการถอนเงิน โดยทั่วไปแล้ว:

  • E-wallets (Skrill, Neteller): มักจะใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงถึง 1 วันทำการ
  • ธนาคารไทย (Local Bank Transfer): โบรกเกอร์ชั้นนำอย่าง Exness หรือ Moneta Markets อาจใช้เวลาตั้งแต่ไม่กี่นาทีไปจนถึง 1 วันทำการ
  • บัตรเครดิต/เดบิต: อาจใช้เวลา 3-5 วันทำการ

หากการถอนเงินของคุณใช้เวลานานกว่านี้โดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน ควรติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าเพื่อสอบถามทันที

บัญชี ECN กับ Standard ต่างกันอย่างไร และอันไหนปลอดภัยกว่า?

ความแตกต่างหลักอยู่ที่รูปแบบการดำเนินการคำสั่งและโครงสร้างค่าธรรมเนียม ไม่ได้เกี่ยวกับความปลอดภัยของเงินทุนโดยตรง

  • บัญชี Standard: โบรกเกอร์มักจะเป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) สเปรดจะกว้างกว่า แต่โดยทั่วไปจะไม่มีค่าคอมมิชชั่น
  • บัญชี ECN (Electronic Communication Network): คำสั่งซื้อขายของคุณจะถูกส่งไปยังตลาดกลางที่มีผู้ให้บริการสภาพคล่องหลายราย ทำให้ได้สเปรดที่แคบมาก แต่จะต้องเสียค่าคอมมิชชั่นต่อการเทรด

ในแง่ของความปลอดภัยของเงินทุน ทั้งสองประเภทบัญชีจะปลอดภัยเท่ากันหากอยู่กับโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด การเลือกประเภทบัญชีจึงขึ้นอยู่กับสไตล์การเทรดและขนาดของเงินทุนมากกว่า

Leave a Reply