
ในฐานะนักเขียนคอลัมน์การเงินที่คลุกคลีกับตัวเลขและกราฟมานาน สิ่งหนึ่งที่เพื่อนๆ นักลงทุนมักจะถามไถ่กันบ่อยๆ คือ “ฮั่งเส็งวันนี้” เป็นยังไงบ้าง? คำถามสั้นๆ นี้ สะท้อนความสนใจที่กว้างขวาง เพราะดัชนีฮั่งเส็ง ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนจอคอมพิวเตอร์ แต่มันคือลมหายใจของตลาดหุ้นฮ่องกง เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่ส่งผลสะเทือนไปทั่วเอเชีย และกระทั่งถึงกระเป๋าเงินของนักลงทุนอย่างเราๆ ด้วย
ลองนึกภาพตามนะคะ คุณตื่นเช้ามาจิบกาแฟ เปิดข่าวดูพาดหัวใหญ่เกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับตัวเลขที่แดงฉานของ “ฮั่งเส็งวันนี้” หัวใจคุณอาจจะเต้นไม่เป็นจังหวะ หรือถ้าเป็นสีเขียวสดใส คุณก็อาจจะยิ้มมุมปากเบาๆ ดัชนีฮั่งเส็ง (Hang Seng Index) เปรียบเสมือนมาตรวัดอุณหภูมิของตลาดหุ้นฮ่องกง ที่รวมเอาหุ้นของ 40 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเข้าไว้ด้วยกัน คิดเป็นสัดส่วนถึง 65% ของมูลค่าตลาดรวมทั้งหมดเลยทีเดียว ซึ่งหมายความว่า ถ้าบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้มีอาการไอจาม ตลาดหุ้นฮ่องกงก็ป่วยตามไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไม “ฮั่งเส็งวันนี้” ถึงแกว่งตัวขึ้นลงได้หวือหวาเหลือเกิน? เหมือนกับว่าตลาดหุ้นฮ่องกงมีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อลมหายใจจากภายนอก สาเหตุหลักๆ มาจากหลายปัจจัยที่ซับซ้อนทับซ้อนกันไป ลองจินตนาการถึงเหตุการณ์ในอดีตที่คล้ายๆ กับหนังม้วนเก่าที่วนกลับมาฉายซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นความกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเคยทำให้ตลาดหุ้นฮ่องกงต้องเผชิญกับความผันผวนอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะขึ้นแรงหรือลงแรง เพียงแค่มีข่าวเชิงบวกว่าจะมีการเจรจา ก็ทำให้ฮั่งเส็งกระโดดบวกได้เป็นร้อยๆ จุดในวันเดียว หรือข่าวความตึงเครียดด้านภาษีก็ทำเอาดิ่งลงเหวได้ง่ายๆ เช่นกัน นอกจากนี้ เหตุการณ์ไม่คาดฝันทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างสถานการณ์ความขัดแย้งในยุโรป ก็เคยส่งผลให้หุ้นเอเชียรวมถึงฮั่งเส็งแดงทั้งกระดานก่อนที่จะฟื้นตัวกลับมาได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินมักจะย้ำเตือนเสมอว่า ในยุคที่โลกเชื่อมถึงกันแบบไร้พรมแดนแบบนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นมุมหนึ่งของโลกสามารถส่งแรงกระเพื่อมมาถึงตลาดหุ้นฮ่องกงได้ในพริบตา ดังนั้น นักลงทุนจึงจำเป็นต้องติดตามข่าวสารและปัจจัยเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เปรียบเสมือนการอ่านแผนที่ก่อนออกเดินทางไกล เพราะไม่เช่นนั้น คุณอาจจะหลงทางในวังวนของตลาดหุ้นก็เป็นได้

นอกจากเรื่องการเมืองระหว่างประเทศและภูมิรัฐศาสตร์แล้ว นโยบายการเงินก็เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อ “ฮั่งเส็งวันนี้” อย่างมีนัยยะสำคัญ คุณอาจเคยได้ยินข่าวธนาคารกลางประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เฟด” ขึ้นอัตราดอกเบี้ยกันรัวๆ ในช่วงที่ผ่านมา การปรับขึ้นดอกเบี้ยนี้แหละค่ะที่เปรียบเสมือนสายฟ้าฟาดลงกลางตลาดหุ้น เพราะเมื่อต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้น บริษัทต่างๆ ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น กำไรก็ลดลง ความน่าสนใจในการลงทุนในหุ้นก็ลดน้อยลงตามไปด้วย ลองนึกถึงตอนที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท (Wall Street) หรือตลาดหุ้นนิวยอร์ก เจอแรงเทขายครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี นั่นก็เป็นเพราะนักลงทุนกังวลต่อแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องนี่แหละค่ะ ดังนั้น หากคุณเป็นนักลงทุนที่สนใจในตลาดหุ้นฮ่องกง การทำความเข้าใจนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางรายใหญ่ ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะมันคือเข็มทิศที่จะช่วยนำทางคุณในทะเลแห่งการลงทุนที่เต็มไปด้วยคลื่นลมแรง
มาดูในส่วนของตัวเลขเศรษฐกิจกันบ้างค่ะ ตัวเลขเหล่านี้ก็เหมือนกับสัญญาณไฟจราจรที่บอกว่าเศรษฐกิจกำลังจะไปในทิศทางไหน ตัวอย่างเช่น ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Purchasing Managers’ Index: PMI) ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงมุมมองของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อต่อสภาวะเศรษฐกิจ หาก PMI ออกมาดีก็แสดงว่าภาคธุรกิจกำลังเติบโต นักลงทุนก็จะมีความเชื่อมั่นและกล้าที่จะลงทุนมากขึ้น แต่ในทางกลับกัน หากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแย่ อย่างเช่นมีข่าวว่าเศรษฐกิจของประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐฯ กำลังหดตัว หรือมาตรการภาษีไม่แน่นอน ก็จะส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียรวมถึงฮั่งเส็งเปิดตลาดด้วยตัวเลขติดลบ นักลงทุนที่ฉลาดจึงมักจะจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจเหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจโดยรวมและปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสม เหมือนกับการดูกระแสลมก่อนที่จะเดินเรือนั่นเองค่ะ
ทีนี้เรามาเจาะลึกถึงข้อมูลสถิติของ “ฮั่งเส็งวันนี้” ในมุมที่กว้างขึ้นกันบ้างนะคะ ข้อมูลในอดีตแสดงให้เห็นว่า ดัชนีฮั่งเส็งเคยทะยานขึ้นไปทำราคาสูงสุดถึง 33,484.08 จุด เมื่อวันที่ 29 มกราคม ปี 2018 ซึ่งเป็นช่วงเวลาทองของตลาดหุ้นฮ่องกงเลยทีเดียว ในขณะที่ราคาต่ำสุดที่เคยบันทึกไว้คือ 1,894.90 จุด เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ปี 1987 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นท่ามกลางความผันผวนครั้งใหญ่ในตลาดโลก ข้อมูลเหล่านี้บอกอะไรเรา? มันบอกว่าดัชนีฮั่งเส็งมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและเต็มไปด้วยเรื่องราว ทั้งช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์และช่วงเวลาที่ยากลำบาก และไม่ว่าจะ “ฮั่งเส็งวันนี้” จะอยู่ที่จุดไหน ก็ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการเดินทางที่ยาวไกลของตลาดนี้ ในปัจจุบัน บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดที่มีอิทธิพลต่อดัชนีฮั่งเส็งอย่างมากคือ Tencent (รหัสหุ้น HKEX:700) ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีน การเคลื่อนไหวของหุ้นบริษัทนี้จึงส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อภาพรวมของดัชนีฮั่งเส็งโดยรวมเลยทีเดียว การทำความเข้าใจข้อมูลทางสถิติเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนมองเห็นภาพรวมของดัชนีฮั่งเส็งได้ชัดเจนขึ้น และใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง

ดังนั้นแล้ว ไม่ว่า “ฮั่งเส็งวันนี้” จะเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุนอย่างเราๆ คือการไม่ตื่นตระหนกกับความผันผวนในระยะสั้น การลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกงหรือตลาดใดๆ ก็ตาม เปรียบเสมือนการปลูกต้นไม้ คุณต้องให้เวลา รดน้ำ พรวนดิน และอดทนรอคอยผลผลิต การศึกษาหาข้อมูล ติดตามข่าวสาร โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาการค้า นโยบายการเงิน และตัวเลขเศรษฐกิจ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวด นอกจากนี้ การมีกลยุทธ์การลงทุนที่ชัดเจน และการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี ก็เป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในระยะยาว
และหากคุณกำลังมองหาช่องทางในการลงทุนในตลาดต่างประเทศ อย่าลืมพิจารณาถึงแพลตฟอร์มการซื้อขายที่มีความน่าเชื่อถือและมีเงื่อนไขที่เหมาะสมกับสไตล์การลงทุนของคุณ เช่น แพลตฟอร์ม Moneta Markets ที่มักจะมีเครื่องมือและข้อมูลการวิเคราะห์ต่างๆ ให้เลือกใช้ เพื่อช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเลือกใช้แพลตฟอร์มใด การศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเสมอ
**⚠️ คำเตือนสำคัญสำหรับนักลงทุน:** การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ ไม่ควรลงทุนในจำนวนเงินที่คุณไม่สามารถแบกรับความสูญเสียได้ และหากสภาพคล่องทางการเงินของคุณไม่สูงนัก ควรประเมินสถานการณ์อย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง การกระจายความเสี่ยง (Diversification) ด้วยการไม่ใส่ไข่ทั้งหมดไว้ในตะกร้าใบเดียว ก็เป็นอีกหนึ่งหลักการสำคัญที่นักลงทุนควรยึดถือไว้เสมอ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตค่ะ ขอให้ทุกท่านลงทุนอย่างชาญฉลาดและปลอดภัยนะคะ