ใครๆ ก็หลงรักญี่ปุ่น ใช่ไหมครับ? ไม่ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิที่ซากุระบานสะพรั่ง อาหารอร่อยๆ อย่างซูชิ ราเม็ง หรือแม้แต่เทคโนโลยีล้ำๆ ที่ทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้น แต่เคยสงสัยไหมครับว่า นอกจากความสุขจากการท่องเที่ยวแล้ว ความรักในญี่ปุ่นของเราจะเปลี่ยนเป็นโอกาสทางการเงินได้อย่างไร? วันนี้ผมจะพาไปเจาะลึก “ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น” ที่กำลังเป็นดาวเด่นในตลาดโลก และทำไมใครๆ ก็หันมาจับตามอง

ช่วงที่ผ่านมา หลายคนอาจจะได้ยินข่าวว่า ดัชนีนิเคอิ 225 (Nikkei 225) ซึ่งเป็นเหมือนหัวใจสำคัญของตลาดหุ้นญี่ปุ่น พุ่งทะยานทำสถิติสูงสุดในรอบ 34 ปี! ฟังแล้วน่าตื่นเต้นใช่ไหมครับ จากที่เคยถูกมองว่า ‘หลับใหล’ มานานหลายทศวรรษ ตอนนี้แดนอาทิตย์อุทัยกำลังโชว์ฟอร์มได้ดีเยี่ยม ทำเอาตลาดหุ้นทั่วโลกต้องหันขวับมามอง เรามาดูกันว่า เบื้องหลังความร้อนแรงของ ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น ตัวนี้คืออะไรกันแน่
### ดัชนีนิเคอิ 225 คืออะไร? ใบคะแนนสอบเศรษฐกิจญี่ปุ่น
ก่อนจะไปลงทุน เรามาทำความรู้จักพระเอกของเรากันก่อนครับ ดัชนีนิเคอิ 225 (Nikkei 225) คือดัชนีตลาดหุ้นที่สำคัญที่สุดของญี่ปุ่น เปรียบง่ายๆ ก็เหมือน ‘ใบคะแนนสอบ’ ที่บอกเราว่าภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของญี่ปุ่นกำลังเป็นอย่างไร สำนักข่าว Nikkei หรือ Nihon Keizai Shimbun นี่แหละครับ คือผู้ที่ดูแลดัชนีตัวนี้ ซึ่งประกอบไปด้วยบริษัทชั้นนำ 225 บริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ไม่ใช่แค่บริษัทใหญ่ๆ ธรรมดานะครับ แต่เป็น ‘หัวกะทิ’ ของแต่ละอุตสาหกรรมเลยทีเดียว
แล้วอะไรคือจุดแข็งที่ทำให้ดัชนีนิเคอิ 225 น่าสนใจ? InnovestX เขาบอกไว้ชัดเลยครับว่า ดัชนีตัวนี้มีหลายข้อดีที่ดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก ประการแรกเลยคือ มันเป็นตัวแทนของบริษัทชั้นนำที่แข็งแกร่ง มีผลประกอบการดี ประการที่สองคือ มีความหลากหลายของอุตสาหกรรม ไม่ได้กระจุกตัวอยู่ในหมวดใดหมวดหนึ่ง ทำให้กระจายความเสี่ยงได้ดี และประการที่สามคือ มีสภาพคล่องสูง ซื้อขายง่าย ทำให้เป็นที่นิยม และในอดีตที่ผ่านมา ดัชนีตัวนี้ก็มีประวัติผลตอบแทนที่ดีมาโดยตลอด นี่จึงเป็นเหตุผลที่ ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น โดยเฉพาะนิเคอิ 225 ถูกจับตาจากนักลงทุนทั่วโลก

### ทำไมญี่ปุ่นถึงฟื้นตัวแรง? โอกาสที่ซ่อนอยู่หลังม่านซากุระ
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ญี่ปุ่นที่เคยประสบปัญหาเศรษฐกิจซบเซามานานหลายปี หรือที่เรียกว่า ‘ทศวรรษที่สาบสูญ’ (Lost Decades) ทำไมจู่ๆ ถึงกลับมาผงาดได้ขนาดนี้? InnovestX ชี้ให้เห็นถึงปัจจัยสำคัญหลายอย่างครับ ประการแรกคือ เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง หลังจากผ่านพ้นวิกฤตการณ์ต่างๆ มาได้ และประการที่สองคือ นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายและสนับสนุนจากธนาคารกลางญี่ปุ่น ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียนได้ดีขึ้น ดอกเบี้ยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถกู้ยืมและลงทุนได้ง่ายขึ้น
ที่สำคัญคือ โอกาสจากการฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาครับ ลองนึกภาพนักท่องเที่ยวที่อัดอั้นมานาน พอประเทศเปิดก็แห่กันไปเที่ยวญี่ปุ่นกันอย่างคึกคัก โรงแรมเต็ม ร้านอาหารแน่น สนามบินคึกคัก สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวและค้าปลีกของญี่ปุ่นกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และเมื่อธุรกิจเหล่านี้มีรายได้ที่ดีขึ้น ก็ย่อมส่งผลดีต่อตลาดหุ้นโดยรวม ซึ่งบริษัทเหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของ ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ค่าเงินเยนก็มีบทบาทสำคัญไม่น้อยครับ ตามข้อมูลจากสำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) ค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงในช่วงที่ผ่านมา ก็ถือเป็นตัวช่วยชั้นดีสำหรับบริษัทส่งออกของญี่ปุ่น ทำให้สินค้าของญี่ปุ่นมีราคาถูกลงในสายตาผู้ซื้อต่างชาติ และขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ส่งผลให้บริษัทเหล่านี้มีกำไรมากขึ้น และหนุนราคาหุ้นให้พุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ในทางกลับกัน ถ้าค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นมาเมื่อไหร่ หุ้นกลุ่มส่งออกก็อาจจะได้รับผลกระทบในทางลบได้เช่นกัน ดังนั้น ค่าเงินเยนจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เราต้องจับตาดูให้ดีเวลาที่มอง ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น ครับ
### อยากลงทุนในดัชนีนิเคอิ ต้องทำยังไง? ไม่ต้องตีตั๋วไปโตเกียว!
ฟังดูน่าสนใจแล้วใช่ไหมครับ? คำถามต่อมาคือ แล้วเราจะลงทุนใน ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น หรือ ดัชนีนิเคอิ 225 ได้อย่างไร? หลายคนอาจจะคิดว่าต้องไปเปิดบัญชีที่ญี่ปุ่น หรือซื้อหุ้นรายตัวในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ซึ่งฟังดูยุ่งยากใช่ไหมครับ? InnovestX มีทางเลือกที่ง่ายกว่ามาแนะนำครับ
วิธีที่สะดวกและเป็นที่นิยมสำหรับนักลงทุนทั่วไป คือการลงทุนผ่าน ‘กองทุนรวม’ (Mutual Funds) หรือ ‘กองทุนรวมดัชนี’ ที่เราเรียกว่า กองทุน ETF (Exchange Traded Funds) ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่อยู่ในดัชนีนิเคอิ 225 ครับ ลองนึกภาพแบบนี้ครับ แทนที่เราจะเดินเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วเลือกซื้อวัตถุดิบแยกชิ้นมาทำอาหารเองทั้งหมด ซึ่งเราอาจจะไม่รู้ว่าควรซื้ออะไรบ้างในสัดส่วนเท่าไหร่ การซื้อกองทุนรวมก็เหมือนเราซื้อ ‘ข้าวกล่องเบนโตะรวมมิตร’ ที่เชฟมืออาชีพ (ผู้จัดการกองทุน) จัดการเลือกเมนูเด็ดๆ (หุ้นดีๆ) จัดใส่กล่องมาให้เราเรียบร้อยแล้ว เราแค่จ่ายเงินซื้อข้าวกล่องนั้นมาทานได้เลย
ข้อดีของการลงทุนผ่านกองทุนรวมหรือกองทุน ETF เหล่านี้คือ เราไม่ต้องมานั่งเลือกหุ้นทีละตัว ไม่ต้องมาวิเคราะห์เองให้ปวดหัว เพราะมีผู้เชี่ยวชาญจัดการลงทุนและบริหารพอร์ตให้เราหมดแล้ว แถมยังเป็นการลงทุนที่กระจายความเสี่ยงได้ดี เพราะกองทุนเหล่านี้จะลงทุนในหุ้นหลายตัวที่อยู่ในดัชนีเดียวกัน ช่วยลดความผันผวนเมื่อหุ้นตัวใดตัวหนึ่งมีปัญหา นี่จึงเป็นวิธีที่สะดวกและเหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่สนใจโอกาสในตลาดหุ้นญี่ปุ่นครับ

### เจาะลึกส่วนประกอบและปัจจัยภายนอก: ใครหนุนใครฉุด ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น?
ดัชนีนิเคอิ 225 ไม่ได้มีแค่บริษัทเทคโนโลยีอย่างเดียว แม้ว่ากลุ่มเทคโนโลยีจะครองสัดส่วนมากที่สุดก็ตาม (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2565 จาก Nikkei Indexes) แต่ดัชนีนี้ยังประกอบด้วยหุ้นจาก 36 อุตสาหกรรม ที่แบ่งออกเป็น 6 หมวดหมู่ใหญ่ๆ ได้แก่ เทคโนโลยี, สินค้าอุปโภคบริโภค, วัสดุ, สินค้าทุน, การเงิน, และขนส่งกับสาธารณูปโภค การมีบริษัทที่หลากหลายเช่นนี้เอง ทำให้ดัชนีมีความมั่นคงและเป็นตัวแทนเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้รอบด้านจริงๆ
อยากรู้ไหมครับว่าบริษัทชั้นนำใน ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น มีใครบ้าง? ข้อมูลเผยว่ามีบริษัทที่เราคุ้นชื่อกันดีอย่าง Tokyo Electron (ผู้ผลิตอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ยักษ์ใหญ่), Fast Retailing (เจ้าของแบรนด์ Uniqlo ที่เราคุ้นเคย), Softbank (กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีและโทรคมนาคม), Shin-Etsu Chemical (เคมีภัณฑ์ชั้นนำ) และ Daikin (เครื่องปรับอากาศ) บริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจญี่ปุ่น และมีผลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีนิเคอิ 225 อย่างมีนัยสำคัญ
แต่ตลาดหุ้นก็เหมือนคลื่นทะเลนะครับ มีขึ้นมีลงอยู่เสมอ ดัชนีนิเคอิ 225 ก็เช่นกัน สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) รายงานว่า ดัชนีมีการปรับขึ้นลงในแต่ละวัน ซึ่งได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย เช่น แรงซื้อหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ที่คึกคักทั่วโลก ค่าเงินเยนที่ผันผวน หรือแม้แต่ความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการคลังของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงญี่ปุ่นด้วยครับ
นอกจากปัจจัยภายในประเทศแล้ว ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังได้รับอิทธิพลจากนโยบายและการตัดสินใจในระดับนานาชาติด้วยครับ ยกตัวอย่างเช่น การเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ หรือการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นเอง ซึ่งการตัดสินใจเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเอเชียและ ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น ได้ในพริบตา ดังนั้น นักลงทุนจึงควรติดตามข่าวสารทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิดด้วยนะครับ
### บทสรุป: โอกาสมีอยู่จริง แต่ต้อง ‘รอบคอบ’ เสมอ
ฟังดูแล้ว ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น โดยเฉพาะนิเคอิ 225 น่าจะเป็นโอกาสการลงทุนที่หอมหวานใช่ไหมครับ? เพราะเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง นโยบายการเงินก็ยังคงสนับสนุน แถมยังมีโอกาสจากภาคการท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่จำไว้เสมอว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง” ครับ ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ และไม่มีการลงทุนใดที่ไร้ความเสี่ยง 100%
สิ่งสำคัญคือการศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ Fusion Media ย้ำเตือนไว้เลยนะครับว่า ข้อมูลในเว็บไซต์ต่างๆ อาจไม่เรียลไทม์หรือไม่ถูกต้องแม่นยำเสมอไป การซื้อขายตราสารทางการเงินและเงินดิจิทัลก็มีความเสี่ยงสูงมาก ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนใน ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น หรือสินทรัพย์อื่นๆ ควรทำความเข้าใจข้อมูลให้ถ่องแท้ และถ้าไม่มั่นใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนก่อนเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าการตัดสินใจของเราอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสมกับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้
สรุปง่ายๆ ก็คือ โอกาสในตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังมีอยู่จริงครับ แต่เหมือนกับการเดินทางไปญี่ปุ่น เราต้องวางแผนให้ดี ศึกษาเส้นทาง เตรียมตัวให้พร้อม ไม่ใช่แค่ซื้อตั๋วแล้วบินไปเลย การลงทุนก็เช่นกันครับ การมีข้อมูลที่ถูกต้องและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้การเดินทางในโลกการลงทุนของคุณปลอดภัยและมีโอกาสประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้นครับ อย่าเพิ่งทุ่มหมดหน้าตักนะครับ ค่อยๆ ศึกษา ค่อยๆ เริ่มต้น แล้วคุณจะพบว่า ดัชนีหุ้นญี่ปุ่น อาจเป็นอีกหนึ่งพอร์ตการลงทุนที่น่าสนใจในระยะยาวครับ