กราฟฮั่งเส็งเต้นแรง! จับตาดอกเบี้ยเฟด เขย่าตลาดหุ้นฮ่องกง

เฮ้ย! ลองนึกภาพแบบนี้สิครับ เหมือนเรากำลังยืนดูป้ายบิลบอร์ดขนาดยักษ์กลางสี่แยกฮ่องกง ที่ภาพบนป้ายมันขยับขึ้นลงตลอดเวลา นั่นแหละครับ “กราฟฮั่งเส็ง” หรือ ดัชนีฮั่งเส็ง (Hang Seng Index) ที่เรากำลังจะคุยกันวันนี้ คือเครื่องสะท้อนลมหายใจของตลาดหุ้นฮ่องกงเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าเศรษฐกิจแดนมังกรจะไอ จาม หรือทั่วโลกจะเกิดพายุฝน ไอ้เจ้ากราฟฮั่งเส็งนี่แหละครับที่ชอบโชว์ลีลาให้เราลุ้นตลอด

ช่วงนี้ตลาดหุ้นฮ่องกงก็เหมือนนั่งรถไฟเหาะตีลังกาครับ ไม่นิ่ง ไม่นอนใจเลยสักวัน ถ้าลองดูจากกราฟล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ (อ้างอิงจากข้อมูลการเคลื่อนไหวในช่วง 24 ชั่วโมง) ดัชนีฮั่งเส็งก็มีอาการย่อตัวลงมาเล็กน้อย ไม่ได้หวือหวามาก แต่ก็พอจะบอกได้ว่านักลงทุนยังคงกังวลกับหลายๆ เรื่องครับ ไม่ใช่แค่ฮ่องกงนะ แต่ตลาดหุ้นทั่วเอเชียก็ออกอาการเดียวกันเลย นั่นเป็นเพราะอะไรน่ะเหรอครับ? ผู้เชี่ยวชาญหลายสำนัก อย่างรอยเตอร์ส บลูมเบิร์ก หรือแม้แต่ไฟแนนเชียลไทมส์ ต่างก็ชี้ไปที่เรื่อง “อัตราดอกเบี้ย” ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ “เฟด” (Fed) ที่หลายคนยังรอดูรายงานการประชุมเพื่อจับสัญญาณว่าจะขึ้นต่อ หรือจะพอแค่นี้แล้ว

ลองคิดดูง่ายๆ ครับ เหมือนเวลาเราจะกู้เงินซื้อบ้าน ถ้าดอกเบี้ยสูง เราก็ไม่อยากกู้ใช่มั้ยครับ? การลงทุนก็เหมือนกันครับ ถ้าอัตราดอกเบี้ยสูง มันก็เหมือนกับว่าต้นทุนในการทำธุรกิจสูงขึ้น กำไรบริษัทอาจจะน้อยลง นักลงทุนเลยไม่อยากเสี่ยงนำเงินมาลงทุนในหุ้นมากนัก ยิ่งเฟดส่งสัญญาณว่าจะตรึงดอกเบี้ยสูงไว้นานๆ ตลาดหุ้นก็เลยออกอาการหวั่นไหวไปตามๆ กัน ไม่เว้นแม้แต่ตลาดฮ่องกงที่พึ่งพาเงินทุนหมุนเวียนจากทั่วโลกเยอะแยะ

แล้วทำไมจู่ๆ ฮ่องกงถึงดูไม่ค่อยสดใสเหมือนแต่ก่อนล่ะครับ? ปัจจัยสำคัญอีกอย่างที่มองข้ามไม่ได้เลยคือเรื่องของ “เศรษฐกิจจีน” ครับ ฮ่องกงกับจีนก็เหมือนพี่น้องท้องเดียวกัน มีความผูกพันกันอย่างแนบแน่นสุดๆ ถ้าพี่ชายอย่างจีนไอ น้องสาวอย่างฮ่องกงก็มักจะจามตามไปด้วยครับ ข้อมูลจากบลูมเบิร์กก็ย้ำชัดว่า ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของจีน ทั้งเรื่องการฟื้นตัวที่ยังไม่เต็มที่ หรือปัญหาบางอย่างในภาคอสังหาริมทรัพย์ ล้วนเป็นเงาที่บดบังความสดใสของตลาดหุ้นฮ่องกงให้หม่นหมองลงไปด้วย นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ “ภูมิรัฐศาสตร์” ที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่างๆ ดูตึงเครียดขึ้นมาอีก นี่ก็เป็นอีกหนึ่งแรงกดดันที่ทำให้กราฟฮั่งเส็งต้องพบกับความท้าทายอย่างต่อเนื่องครับ

พูดถึงกราฟฮั่งเส็งหรือดัชนีฮั่งเส็งแล้ว หลายคนอาจจะสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่? มันก็เหมือนกับ “เกจวัดสุขภาพ” ของตลาดหุ้นฮ่องกงนั่นแหละครับ ถ้าดัชนีขึ้น แปลว่าโดยรวมแล้วหุ้นส่วนใหญ่มีราคาสูงขึ้น สุขภาพแข็งแรงดี แต่ถ้าดัชนีลง ก็แปลว่าโดยรวมแล้วหุ้นส่วนใหญ่ราคาลดลง สุขภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เจ้าดัชนีนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดเมื่อวานซืนนะครับ แต่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1969 โน่นเลย ถูกบริหารจัดการโดยบริษัท Hang Seng Indexes Company ซึ่งเป็นบริษัทลูกของธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น หรือ HSBC (เอชเอสบีซี) นั่นเองครับ

แล้วใครเป็นคนจัดทีมหุ้นในดัชนีฮั่งเส็งล่ะ? ตอนนี้มีบริษัทที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีฮั่งเส็งอยู่ถึง 82 บริษัทเลยทีเดียวครับ ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ เพื่อสะท้อนภาพรวมของตลาดได้ดีที่สุด โดยการคำนวณจะใช้วิธีถ่วงน้ำหนักตาม “มูลค่าตามราคาตลาด” (Market Capitalization) หมายความว่า หุ้นของบริษัทไหนที่มีมูลค่าตลาดรวมกันเยอะๆ ก็จะมีอิทธิพลต่อกราฟฮั่งเส็งมากเป็นพิเศษ ลองนึกภาพนักกีฬาตัวท็อป 3 คนที่ฟอร์มดีมากๆ ถ้าพวกเขาเล่นได้ดีทั้งทีมก็จะดูดีไปหมด แต่ถ้าฟอร์มตก ทีมก็แย่ตามไปด้วยครับ

สำหรับ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อกราฟฮั่งเส็งมากที่สุดก็หนีไม่พ้น HKEX:700 ซึ่งก็คือหุ้นของบริษัทเทนเซ็นต์ (Tencent) เจ้าพ่อโซเชียลมีเดียและเกมยักษ์ใหญ่ของจีน, HKEX:1398 หรือหุ้นของธนาคารไอซีบีซี (ICBC) ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ HKEX:9988 หุ้นของอาลีบาบา (Alibaba) เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซและเทคโนโลยีแถวหน้าของจีน นั่นหมายความว่าถ้าสามยักษ์ใหญ่เหล่านี้มีข่าวดีหรือร้าย ราคาหุ้นผันผวน ตัวกราฟฮั่งเส็งก็มีโอกาสที่จะพุ่งทะยานหรือดิ่งลงตามไปด้วยแบบทันตาเห็นเลยครับ

แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่ากราฟฮั่งเส็งจะไปทางไหน? นักลงทุนหลายคนก็ใช้ “เครื่องมือและตัวชี้วัดทางเทคนิค” เหมือนเป็นแผนที่นำทางครับ เช่น “ออสซิลเลเตอร์” (Oscillators) หรือ “ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่” (Moving Averages) ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดก็บอกว่าอยู่ในโซน “เป็นกลาง” ยังไม่ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะขึ้นหรือลงรุนแรงนัก นอกจากนี้ยังมี “ปริมาณการซื้อขาย” (Volume) ที่บอกว่ามีคนซื้อขายกันเยอะแค่ไหน และ “สัญญาที่มีการเปิดสถานะคงค้าง” (Open Interest) ที่ใช้ดูความสนใจของตลาด ซึ่งเครื่องมือพวกนี้แหละครับที่ช่วยให้นักลงทุนมองเห็นแนวโน้มและตัดสินใจได้ว่าควรจะเข้าซื้อหรือขายในช่วงไหน

อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือเรื่องของการกำกับดูแลครับ อย่าง ก.ล.ต. ฮ่องกง ก็เตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตให้แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีสำหรับนักลงทุนรายย่อยแล้ว ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้ามาในตลาดฮ่องกงมากขึ้นในอนาคต แต่ก็ต้องรอดูท่าทีต่อไปครับว่าจะเป็นอย่างไร

ฟังดูแล้วอาจจะดูซับซ้อนไปหมดใช่ไหมครับ? สรุปง่ายๆ ว่าการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง โดยเฉพาะการดู “กราฟฮั่งเส็ง” เพื่อตัดสินใจซื้อขายนั้น ไม่ได้มีแค่ปัจจัยเดียว แต่มีหลายปัจจัยซ้อนทับกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการเงินโลกโดยเฉพาะทิศทางอัตราดอกเบี้ยจากเฟด สุขภาพเศรษฐกิจของจีน และสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลกระทบต่อภาพรวมของดัชนีนี้ทั้งสิ้น

ดังนั้น สำหรับนักลงทุนที่สนใจจะลองเสี่ยงโชคในตลาดฮ่องกง หรือกำลังเฝ้ารอจังหวะที่ดีจากกราฟฮั่งเส็ง ขอแนะนำให้ “ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด” ครับ ทั้งข่าวเศรษฐกิจจีน ข่าวจากเฟด และข่าวสารการเมืองระหว่างประเทศ นอกจากนี้ การ “กระจายความเสี่ยง” ก็เป็นสิ่งสำคัญ อย่าเพิ่งทุ่มเงินทั้งหมดไปกับการลงทุนในตลาดเดียว ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน มองภาพในระยะยาว และหากไม่มั่นใจจริงๆ การ “ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ” ก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ

⚠️ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ ไม่ว่าจะตลาดไหนๆ ก็ตามครับ บางแพลตฟอร์มอย่าง โมเนต้า มาร์เก็ตส์ (Moneta Markets) ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่นักลงทุนสามารถศึกษาข้อมูลและเงื่อนไขการซื้อขายที่หลากหลายได้ด้วยตัวเอง แต่ย้ำอีกครั้งว่าทุกการตัดสินใจต้องมาจากการศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนนะครับ ขอให้นักลงทุนทุกท่านโชคดีกับการลงทุนครับ!

Leave a Reply