เจาะลึก “นิเคอิรอบบ่าย”: ขึ้นหรือลง? รู้ทันก่อนลงทุน!

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน วันนี้ผมมีเรื่องใกล้ตัวที่หลายคนกำลังจับตาอยู่มาเล่าให้ฟังครับ โดยเฉพาะเรื่องของ “หุ้น” ที่เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็คุยกันในวงเพื่อนฝูง หรือแม้แต่ในกลุ่มไลน์ต่างๆ บางคนอาจจะกำลังลุ้นตัวโก่งกับตัวเลขที่ขยับขึ้นลงรายวัน อย่าง “นิเคอิรอบบ่าย” ที่เป็นหนึ่งในหุ้นยอดนิยมติดปากคนไทย วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่า เจ้าตลาดหุ้นญี่ปุ่นตัวนี้ มันมีเสน่ห์ดึงดูดอะไร และมัน “รอบบ่าย” แล้วจะไปทางไหนกันแน่

ลองนึกภาพตามนะครับว่าตลาดหุ้นทั่วโลกตอนนี้ก็เหมือนกับถนนใหญ่ที่มีรถราวิ่งสวนกันขวักไขว่ บางคันก็เร่งเครื่องเต็มที่ บางคันก็ติดไฟแดง บางคันก็เลี้ยวกลับกระทันหัน นี่แหละครับคือความผันผวนที่เราเห็นอยู่ทุกวัน เมื่อไม่นานมานี้ ดัชนีหลักอย่าง ดาวโจนส์ (Dow Jones) เอสแอนด์พี 500 (S&P 500) และแนสแด็ก (Nasdaq) ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดูเหมือนจะวิ่งฉิวไปข้างหน้าอย่างสดใส ทำให้หลายคนใจชื้น แต่อีกด้านหนึ่ง ดัชนีฟุตซี่ 100 (FTSE 100) ของอังกฤษกลับดูซบเซาลงเล็กน้อย ส่วนตลาดหุ้นในยุโรปก็มีทั้งที่ปรับตัวขึ้นและลงปะปนกันไป ราวกับว่าต่างคนต่างมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง

แล้วพอหันมามองขวัญใจนักลงทุนหลายคนอย่างตลาดหุ้นญี่ปุ่น หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ “ดัชนีนิเคอิ 225” (Nikkei 225) เนี่ยสิครับ ต้องบอกว่าช่วงที่ผ่านมาเขาเพิ่งสร้างสถิติสูงสุดใหม่ไปหมาดๆ แต่ก็ไม่วายที่จะปรับตัวลดลงมาในบางช่วงเวลา คล้ายกับว่าได้ขึ้นไปยืนบนยอดเขาชมวิวสวยๆ แล้วก็ต้องลงมาพักเหนื่อยอยู่บ้าง ความผันผวนแบบนี้แหละครับที่ทำให้หลายคนงุนงงว่า ตกลงแล้วอนาคตของนิเคอิ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “นิเคอิรอบบ่าย” จะเป็นอย่างไรกันแน่

พูดถึงดัชนีนิเคอิ 225 แล้ว หลายคนอาจจะสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่? อธิบายง่ายๆ ครับ มันคือดัชนีหลักที่สะท้อนภาพรวมของตลาดหุ้นญี่ปุ่น เหมือนกับเป็นตัวชี้วัดสุขภาพเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ดัชนีนี้ถูกคำนวณและเผยแพร่โดยหนังสือพิมพ์ Nikkei Inc. ซึ่งเป็นสื่อเศรษฐกิจชื่อดังของญี่ปุ่น โดยมีองค์ประกอบมาจากราคาหุ้นของ 225 บริษัทชั้นนำที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange) ลองนึกภาพบริษัทใหญ่ๆ อย่าง โตโยต้า (Toyota) หรือ โซนี่ (Sony) ที่ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของดัชนีนี้ การเคลื่อนไหวของดัชนีนิเคอิ 225 จึงบอกเล่าเรื่องราวของบริษัทเหล่านี้และภาพรวมเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี

สำหรับนักลงทุนที่ชอบความตื่นเต้นและอยากจะลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นโดยตรง ก็มี ดัชนีนิเคอิ 225 ฟิวเจอร์ส (Nikkei 225 Futures) ให้ได้ซื้อขายกันด้วย ซึ่งแน่นอนว่าการซื้อขายอนุพันธ์ (Derivatives) แบบนี้ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงกว่าหุ้นปกติเช่นกันครับ

แล้วอะไรคือปัจจัยที่ทำให้นิเคอิถึงได้ผันผวนแบบนี้ล่ะครับ? ก็เหมือนกับตลาดหุ้นทั่วๆ ไปครับ มีหลายเรื่องที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผลการเลือกตั้งในประเทศนั้นๆ ข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคที่ออกมา เช่น อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย หรือแม้แต่ตัวเลขการว่างงาน รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ที่ประกาศออกมาในแต่ละไตรมาส อย่างหุ้นเทคโนโลยีชื่อดังอย่าง เทสลา (Tesla) ชิโพเทิล (Chipotle) หรือ เอ็นวิเดีย (Nvidia) ที่การเคลื่อนไหวของพวกเขาส่งผลสะเทือนไปทั่วโลกก็เป็นตัวอย่างที่ดีครับ

บางครั้ง นักลงทุนก็กำลังจับตาดูว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve หรือ Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเมื่อไหร่ การคาดการณ์นี้ส่งผลให้เกิดการโยกย้ายเงินทุนครั้งใหญ่ และทำให้หุ้นบางกลุ่มอย่าง “หุ้นคุณค่า” (Value Stocks) ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งดูน่าสนใจขึ้นมาทันที ราวกับว่าได้เจอของดีราคาถูกก่อนที่คนอื่นจะแห่กันมาซื้อนั่นแหละครับ

ทีนี้มาถึงจุดที่น่าสนใจสำหรับหลายๆ คนที่ลุ้นกันอยู่ทุกวัน นั่นคือ “นิเคอิรอบบ่าย” ซึ่งในบ้านเราบางคนก็เรียกมันว่า “หุ้นนิเคอิบ่าย” และมักจะถูกพูดถึงคู่กับหุ้นเกาหลี หุ้นจีนบ่าย หรือหุ้นฮั่งเส็งบ่าย เหมือนกับการลุ้นผลสลากกินแบ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งต้องบอกว่าความนิยมในกลุ่มการลุ้นหุ้นแบบนี้ สะท้อนให้เห็นว่ามีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่มองการลงทุนในตลาดหุ้นในมุมของการ “เสี่ยงโชค” มากกว่าการลงทุนที่เน้นพื้นฐานระยะยาว

จากข้อมูลล่าสุดที่เราเห็น ตัวเลขปิดตลาดของดัชนีหลักๆ หลายตัวทั่วโลก โดยเฉพาะดัชนีเซ็ต (SET) ของไทย ดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jones) ดัชนีนิเคอิ (Nikkei) และดัชนีฮั่งเส็ง (Hang Seng) ต่างก็ปรับตัวลดลงเล็กน้อยในวันทำการล่าสุด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าถึงแม้จะเคยขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ แต่ตลาดก็มีการปรับฐานหรือพักตัวอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) สำหรับดัชนีนิเคอิก็ยังชี้ไปในทิศทางของ “แนวโน้มขาลง” หรือ “ตลาดหมี” (Bearish Trend) ซึ่งหมายความว่าตลาดอาจจะยังไม่ได้กลับตัวขึ้นในเร็วๆ นี้ครับ

ทีนี้มาถึงเรื่องสำคัญที่ผมอยากจะเน้นย้ำมากๆ เลยครับ การลงทุนในตราสารทางการเงินทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นหุ้น อนุพันธ์ (Derivatives) หรือแม้แต่สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) อย่างบิตคอยน์ (Bitcoin) และอีเทอร์ (Ether) ล้วนมีความเสี่ยงสูงมากครับ ราคาของคริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) นั้นผันผวนอย่างรุนแรง บางครั้งขึ้นลงเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ในชั่วข้ามคืนก็มีให้เห็นมาแล้ว

เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน” ไหมครับ? คำกล่าวนี้ไม่ใช่แค่คำเตือนทั่วๆ ไป แต่มันคือสัจธรรมที่นักลงทุนทุกคนต้องจำให้ขึ้นใจเลยครับ เพราะฉะนั้น ก่อนที่เราจะตัดสินใจเอาเงินที่เราหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงไปลงทุนในอะไรก็ตาม เราต้องทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายให้ถ่องแท้เสียก่อน ไม่ใช่แค่ฟังจากเพื่อนบอกมา หรือดูจากกระแสปากต่อปากครับ

การศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญที่สุดครับ ลองใช้เครื่องมือต่างๆ ในการวิเคราะห์ดู เช่น “ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่” (Moving Average) หรือ “แนวรับแนวต้าน” (Support and Resistance) เพื่อทำความเข้าใจทิศทางของราคา หากไม่แน่ใจจริงๆ การปรึกษาและขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและการลงทุนก็เป็นทางเลือกที่ฉลาดมากๆ ครับ

สำหรับใครที่กำลังมองหาช่องทางในการเข้าถึงตลาดเหล่านี้ แพลตฟอร์มการซื้อขายระหว่างประเทศอย่าง โมเนตา มาร์เก็ตส์ (Moneta Markets) ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สามารถพิจารณาได้นะครับ แพลตฟอร์มเหล่านี้มักจะนำเสนอเงื่อนไขการซื้อขายที่หลากหลาย ซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกได้ตามความถนัดและความเหมาะสมกับสไตล์การลงทุนของตัวเอง แต่ไม่ว่าจะเลือกใช้แพลตฟอร์มไหน ก็ต้องตรวจสอบความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยให้ดีนะครับ

นอกจากเรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นแล้ว อย่าลืมว่าเรื่อง “การเงินส่วนบุคคล” ก็สำคัญไม่แพ้กันนะครับ บางคนวางแผนจัดการมรดก หรือต้องจัดการเรื่องเงินกับคู่สมรสและครอบครัว เรื่องเหล่านี้อาจดูไม่หวือหวาเท่าการลุ้น “นิเคอิรอบบ่าย” แต่การวางแผนทางการเงินที่ดีจะช่วยให้ชีวิตเรามั่นคงในระยะยาวได้ครับ เพราะฉะนั้น การทำความเข้าใจภาพรวมของเศรษฐกิจ รวมถึงการบริหารจัดการเรื่องเงินทองของเราในชีวิตประจำวัน จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยครับ

สรุปง่ายๆ ครับ ตลาดหุ้น ไม่ว่าจะเป็นดัชนีอย่าง นิเคอิ 225 หรือดัชนีอื่นๆ ทั่วโลก ล้วนมีความผันผวนสูง ทั้งจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ข่าวสารต่างๆ และผลประกอบการของบริษัท แต่ถึงแม้ว่าช่วงที่ผ่านมา นิเคอิจะขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ แล้วก็ปรับตัวลงมาบ้าง นั่นก็คือธรรมชาติของตลาดครับ ไม่มีอะไรที่จะขึ้นได้ตลอดไป และไม่มีอะไรที่จะลงได้ตลอดกาล

ดังนั้น สำหรับทุกท่านที่สนใจการลงทุน โดยเฉพาะในตลาดที่มีความเคลื่อนไหวตลอดวันอย่าง “นิเคอิรอบบ่าย” ผมขอแนะนำว่าอย่าเพิ่งรีบร้อนนะครับ ลองใช้เวลาศึกษาข้อมูลให้ถ่องแท้ ทำความเข้าใจถึงพื้นฐานของบริษัทที่อยู่ในดัชนี และรู้จักเครื่องมือการวิเคราะห์ต่างๆ ที่มีอยู่ หากคุณพร้อมที่จะรับความเสี่ยง และมีวินัยในการลงทุน โอกาสในการสร้างผลตอบแทนก็อาจจะเป็นของคุณครับ

แต่จำไว้เสมอครับว่า การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และต้องระมัดระวังเป็นพิเศษหากเงินทุนของคุณมีสภาพคล่องไม่สูงนัก เพราะเรากำลังพูดถึงการลงทุน ไม่ใช่การเสี่ยงโชคลุ้นผลสลากนะครับ ขอให้ทุกท่านลงทุนอย่างมีสติและประสบความสำเร็จครับ!

Leave a Reply