เคอิ: รู้จักดัชนีหุ้นญี่ปุ่น สู่เคอรี่ฯ ชีวิตประจำวัน

สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน ใครที่ติดตามเรื่องราวการเงินการลงทุน หรือแม้แต่ชีวิตประจำวันของเราเอง ก็คงเคยได้ยินคำว่า “เคอิ” ผ่านหูมาบ้างไม่มากก็น้อยใช่ไหมครับ? บางคนอาจจะนึกถึงดัชนีตลาดหุ้นของญี่ปุ่นที่ฮอตฮิตติดลมบน ส่วนบางคนอาจจะนึกถึงบริการจัดส่งพัสดุสีส้มสดใสที่เราใช้บริการอยู่เป็นประจำทุกวัน ไม่ผิดเลยครับ! วันนี้ผมในฐานะคอลัมนิสต์ประจำจะพาทุกท่านมาเจาะลึกเรื่องราวของ “เคอิ” ทั้งสองมิติที่ดูเหมือนจะคนละเรื่อง แต่จริงๆ แล้วเกี่ยวพันกับกระเป๋าสตางค์และชีวิตของเรามากกว่าที่คิดเยอะเลยครับ

ลองนึกภาพตามนะครับว่า ถ้าเปรียบเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นเป็นเหมือนเครื่องบินลำใหญ่ที่กำลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ดัชนีหลักของตลาดหุ้นอย่าง “ดัชนีนิเคอิ 225” (Nikkei 225 Index) ก็เปรียบเหมือนกับ “กัปตันเครื่องบิน” ที่คอยส่งสัญญาณบอกให้รู้ว่าเครื่องบินลำนี้กำลังบินสูงแค่ไหน บินด้วยความเร็วเท่าไร หรือมีสภาพอากาศเป็นอย่างไร เพราะดัชนีนี้คือตัวแทนของบริษัทจดทะเบียนยักษ์ใหญ่ถึง 225 แห่งในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจแดนอาทิตย์อุทัยมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี รถยนต์ หรืออุตสาหกรรมหนักต่างๆ การเคลื่อนไหวของดัชนีนิเคอิ 225 จึงสะท้อนถึงสุขภาพโดยรวมของเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้อย่างชัดเจนครับ

เพื่อนซี้ของผมคนหนึ่งชื่อคุณสมชาย แกเคยบ่นให้ฟังว่า “อยากลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นนะ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี เพราะไกลเหลือเกิน ภาษาญี่ปุ่นก็ไม่รู้เรื่อง” ผมก็เลยบอกไปว่าตอนนี้การเข้าถึงตลาดหุ้นญี่ปุ่น ไม่ได้ยากอย่างที่คิดแล้วนะเพื่อน! เพราะเดี๋ยวนี้มีเครื่องมือทางการเงินที่เรียกว่า ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants หรือ DW) อ้างอิงดัชนี Nikkei 225 มาให้เราเลือกลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยแล้วด้วย อย่างที่ เจ. พี. มอร์แกน (J.P. Morgan) เขาก็เสนอขาย DW ประเภทนี้ให้กับนักลงทุนในบ้านเรา ซึ่งเจ้า DW เนี่ยมันก็เหมือนกับใบเบิกทางที่ช่วยให้นักลงทุนไทยสามารถเข้าไปร่วมวง “เก็งกำไร” หรือ “ลงทุน” ในทิศทางของดัชนี Nikkei 225 ได้ง่ายขึ้น โดยที่ไม่ต้องไปเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นที่ญี่ปุ่นให้ยุ่งยากวุ่นวาย แต่แน่นอนครับว่าของทุกอย่างมีสองด้านเสมอ เจ้า DW นี่ก็มี “อัตราทด” หรือ Leverage ที่สูง ซึ่งหมายความว่าถ้าดัชนี Nikkei 225 ขยับขึ้นนิดเดียว ผลตอบแทนของเราก็อาจจะสูงขึ้นหลายเท่าตัว แต่ในทางกลับกัน ถ้าดัชนีผิดทาง ผลขาดทุนของเราก็อาจจะสูงขึ้นหลายเท่าตัวได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นถ้าใครสนใจการลงทุนรูปแบบนี้ ต้องศึกษาข้อมูลให้ดี เข้าใจ “ความเสี่ยง” และ “ผลตอบแทน” ที่มาพร้อมกันให้ถ่องแท้ก่อนตัดสินใจนะครับ อย่าเพิ่งรีบร้อนเห็นเขาว่าดีแล้วกระโดดเข้าใส่ทันที เพราะเงินที่หามาได้มันมีค่ามากครับ!

ช่วงที่ผ่านมา ดัชนี Nikkei 225 ได้สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ด้วยการทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All-Time High) ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่บอกว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวและเติบโตอย่างแข็งแกร่ง หลังจากเผชิญกับความท้าทายมานานหลายปี การที่ดัชนีชั้นนำระดับโลกทำผลงานได้ดีแบบนี้ ย่อมส่งผลสะท้อนมายังตลาดการเงินทั่วโลก และอาจส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนในบ้านเราได้ด้วย ทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทยที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและมองหาโอกาสใหม่ๆ ในตลาดต่างประเทศ การที่บริษัทหลักทรัพย์ เจพีมอร์แกน (ประเทศไทย) จำกัด นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับดัชนี Nikkei 225 ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่แนบแน่นของตลาดทุนทั่วโลก และการมองหาโอกาสการลงทุนที่ไร้พรมแดนในยุคปัจจุบันครับ

ทีนี้… พอพูดถึง “เคอิ” อีกแบบหนึ่งที่ไม่ใช่เรื่องของตลาดหุ้นและการลงทุน แต่กลับเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราในชีวิตประจำวันมากๆ นั่นก็คือ “เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส” (KEX Express) หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (Kerry Express) นั่นแหละครับ บริการจัดส่งพัสดุชั้นนำของประเทศไทย ที่ไม่ว่าเราจะสั่งของออนไลน์ ช้อปปิ้งจากที่ไหน หรือส่งเอกสารสำคัญ ก็มักจะใช้บริการของ เคอีเอ็กซ์ เป็นประจำ เพราะมีจุดบริการที่เข้าถึงง่ายกว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ แถมยังมีบริการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเรียกรถเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้าน บริการล็อกเกอร์สำหรับรับส่งพัสดุ บริการ “อีซี่ชิป” (Easy Ship) ที่ให้เราส่งพัสดุได้ง่ายๆ แค่กรอกข้อมูลผ่านแอปฯ หรือแม้แต่บริการเก็บเงินปลายทาง (COD) ที่ช่วยให้การซื้อขายออนไลน์สะดวกสบายมากขึ้น

ลองคิดดูสิครับว่า ถ้าเปรียบเศรษฐกิจเป็นร่างกายของเรา บริการจัดส่งพัสดุอย่าง เคอีเอ็กซ์ ก็เปรียบเหมือน “เส้นเลือด” ที่คอยหล่อเลี้ยงการไหลเวียนของสินค้าและเงินตราในระบบเศรษฐกิจ การที่ เคอีเอ็กซ์ มีพัสดุส่งเข้าส่งออกจำนวนมหาศาลในแต่ละวัน นั่นก็แสดงให้เห็นว่า “การบริโภค” ของคนในประเทศยังคงคึกคัก มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันอย่างต่อเนื่อง นี่คือสัญญาณที่บอกว่าเศรษฐกิจในระดับครัวเรือน หรือเศรษฐกิจ “ภาคประชาชน” ของเรายังคงหมุนไปได้เรื่อยๆ ครับ เพราะถ้าไม่มีคนซื้อของ ก็ไม่มีใครส่งของใช่ไหมล่ะครับ?

แล้วสอง “เคอิ” นี้เกี่ยวข้องกันยังไง? ดัชนี Nikkei 225 เป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจในระดับมหภาค (Macroeconomic) เป็นภาพรวมของการลงทุนและภาวะตลาดหุ้นที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกต่อเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น ส่วน เคอีเอ็กซ์ เป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจในระดับจุลภาค (Microeconomic) ที่สะท้อนถึงพฤติกรรมการบริโภคและกำลังซื้อของคนในประเทศ การที่ทั้งสอง “เคอิ” มีความเคลื่อนไหวที่ดี แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศของเรา กำลังก้าวไปข้างหน้าในทิศทางที่เป็นบวก แม้จะอยู่คนละมุมของโลกและคนละอุตสาหกรรม แต่ก็ล้วนเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพวกเราทุกคน และที่สำคัญยังมีอีก “บริษัท นิคเคอิ รีเสิร์ช แอนด์ คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือนิคเคอิเช่นกัน ตั้งอยู่ในประเทศไทย คอยให้บริการด้านการวางแผนธุรกิจและให้คำปรึกษาแก่บริษัทต่างๆ ในเครือ เป็นอีกหนึ่งมิติที่สะท้อนถึงบทบาทของ “เคอิ” ในประเทศไทย ที่ไม่ได้มีแค่เรื่องของดัชนีหุ้นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจด้วยองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญครับ

ในโลกการเงินที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การทำความเข้าใจสัญญาณต่างๆ ที่มาจากดัชนีตลาดหุ้น หรือแม้แต่การเคลื่อนไหวของธุรกิจในชีวิตประจำวันของเรา จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม และเมื่อเราทำความเข้าใจแล้ว เราก็จะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาประกอบการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน หรือแม้แต่การวางแผนการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็ตามครับ

**สรุปส่งท้าย: สอง “เคอิ” ที่ควรรู้ไว้ในใจ**

ครับ สอง “เคอิ” ที่เราคุยกันวันนี้ ถึงแม้จะมีบทบาทที่แตกต่างกัน แต่ก็ล้วนส่งผลต่อชีวิตและทรัพย์สินของเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่งครับ

* **ดัชนี Nikkei 225:** นี่คือหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดออกสู่โอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น เป็นดัชนีที่เต็มไปด้วยบริษัทชั้นนำระดับโลก และเป็นสัญญาณสำคัญของเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต สำหรับนักลงทุนไทยที่สนใจ การลงทุนผ่าน DW หรือกองทุนที่เกี่ยวข้องกับดัชนี Nikkei 225 ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่น่าจับตา แต่โปรดจำไว้เสมอว่าการลงทุนในอนุพันธ์มีความเสี่ยงสูง ต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดถี่ถ้วน เข้าใจกลไกการทำงานของมันจริงๆ ไม่ใช่แค่ตามกระแสเท่านั้นนะครับ “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน” คำเตือนนี้ไม่เคยล้าสมัยครับ!
* **เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส:** นี่คือเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจในระดับครัวเรือน เป็นตัวสะท้อนถึงพฤติกรรมการบริโภคและการขับเคลื่อนธุรกิจในประเทศ การที่บริการจัดส่งพัสดุเหล่านี้คึกคัก ย่อมเป็นสัญญาณที่ดีของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังคงหมุนเวียนอยู่ และสำหรับธุรกิจหรือผู้ประกอบการ ก็อย่าลืมใช้ประโยชน์จากบริการที่สะดวกสบายเหล่านี้ให้เต็มที่ เพื่อให้ธุรกิจของคุณเดินหน้าต่อไปได้อย่างราบรื่น

ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็น “เคอิ” ในมุมของการเงินการลงทุน หรือ “เคอิ” ในมุมของชีวิตประจำวัน ทั้งสองสิ่งนี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่บอกเล่าเรื่องราวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยได้อย่างน่าสนใจครับ การติดตามข่าวสารและทำความเข้าใจในสิ่งเหล่านี้ จะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวม และวางแผนการเงินในอนาคตได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้นแน่นอนครับ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และทำให้ทุกท่านเข้าใจเรื่อง “เคอิ” ได้อย่างเป็นกันเองนะครับ พบกันใหม่ในคอลัมน์หน้าครับ!

Leave a Reply