ดาวน์30% คิดยังไง? เคลียร์ชัด! ก่อนถอยรถใหม่ ไม่ให้ช้ำใจทีหลัง

ใครๆ ก็ฝันอยากมีรถเป็นของตัวเองสักคันใช่ไหมครับ? ภาพที่เราขับรถใหม่ป้ายแดงออกไปเที่ยว หรือขับไปทำงานสบายๆ เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นเสมอ แต่ก่อนจะถึงฝันนั้น มีเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่เราต้อง “คิด” ให้รอบคอบ นั่นก็คือเรื่อง “เงินๆ ทองๆ” ครับ โดยเฉพาะคำถามยอดฮิตติดลมบนอย่าง “ดาวน์30 คิดยังไง” จ่ายเท่านี้จะไหวไหม? แล้วค่างวดต่อเดือนจะกี่บาทกันนะ? วันนี้ผมในฐานะคนคลุกคลีวงการการเงิน จะมาเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่าย สไตล์เพื่อนเล่าสู่กันฟังครับ

เรื่องแรกที่เราต้องทำความเข้าใจก่อนเลยคือ การซื้อรถด้วยวิธี “จัดไฟแนนซ์” ก็คือการที่เราไปขอเงินก้อนจากสถาบันการเงินหรือบริษัทไฟแนนซ์มาซื้อรถแทนเราก่อน แล้วเราค่อยๆ ผ่อนคืนพร้อมดอกเบี้ยนั่นแหละครับ ทีนี้มันก็จะมีศัพท์แสงที่เราควรรู้จักไว้บ้างนิดหน่อย ไม่ต้องกลัวว่ามันจะยากนะครับ มันคือหัวใจสำคัญในการที่เราจะ “คิด” และคำนวณเรื่องผ่อนรถนี่แหละ

ศัพท์แรกคือ “เงินดาวน์” อันนี้ง่ายเลย คือเงินก้อนแรกที่เราต้องจ่ายให้เต็นท์รถหรือโชว์รูมไปก่อน ที่เหลือเท่าไหร่ ไฟแนนซ์ถึงจะออกเงินให้ นั่นแหละคือศัพท์ที่สองที่เรียกว่า “ยอดจัด” หรือ “ยอดจัดไฟแนนซ์” ครับ ยอดจัดนี่แหละคือตัวเลขตั้งต้นที่เราจะต้องเอาไปคำนวณดอกเบี้ยและค่างวดในแต่ละเดือน

ส่วนดอกเบี้ยรถยนต์ ส่วนใหญ่มักจะเป็น “ดอกเบี้ยแบบคงที่” (Fixed Rate) ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “คงที่” คือเขาจะคำนวณดอกเบี้ยจาก “ยอดจัด” ก้อนแรก แล้วก็ล็อกจำนวนดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายทั้งหมดไว้เลย แล้วนำมาหารเฉลี่ยจ่ายเท่าๆ กันทุกเดือนตลอดสัญญา ไม่เหมือนดอกเบี้ยบ้านที่อาจจะเป็นแบบลดต้นลดดอก คือดอกเบี้ยจะลดลงตามเงินต้นที่เหลือ พอเข้าใจคำศัพท์พื้นฐานแล้ว ทีนี้เรามาดูหัวใจหลักกันเลยว่า ไอ้เจ้า “ดาวน์30 คิดยังไง” แล้วคำนวณออกมาเป็นค่างวดเนี่ย ทำยังไง

วิธีการคำนวณค่างวดรถแบบดอกเบี้ยคงที่ มันมีขั้นตอนง่ายๆ อยู่ 5 ขั้นครับ เหมือนทำอาหารก็ต้องมีสูตร มีขั้นตอนเนอะ

1. **คำนวณยอดจัดไฟแนนซ์:** อันนี้พื้นฐานสุดๆ ครับ เอาราคารถตั้ง ลบด้วยเงินดาวน์ที่เราจ่ายไป เช่น รถราคา 1 ล้านบาท ถ้าเรา ดาวน์30% (เท่ากับ 300,000 บาท) ยอดจัดก็จะเหลือ 1,000,000 – 300,000 = 700,000 บาท นั่นเองครับ
2. **คำนวณดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายรายปี:** เอา “ยอดจัด” ที่ได้จากข้อ 1 คูณด้วยอัตราดอกเบี้ยต่อปี สมมติอัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี จากยอดจัด 700,000 บาท ก็จะเป็น 700,000 x 5% = 35,000 บาทต่อปีครับ
3. **คำนวณดอกเบี้ยที่ต้องผ่อนทั้งหมด:** นำดอกเบี้ยรายปีจากข้อ 2 ไปคูณด้วยจำนวนปีที่เราจะผ่อน เช่น ถ้าผ่อน 5 ปี (60 งวด) ดอกเบี้ยทั้งหมดที่ต้องจ่ายก็คือ 35,000 บาท/ปี x 5 ปี = 175,000 บาท ครับ เห็นไหมครับ ดอกเบี้ยคงที่มันคิดจากยอดจัดก้อนแรกตลอดเลย

4. **คำนวณยอดทั้งหมดที่ต้องจ่ายคืนไฟแนนซ์:** เอายอดจัดไฟแนนซ์จากข้อ 1 มารวมกับดอกเบี้ยทั้งหมดที่เราคำนวณได้จากข้อ 3 ครับ จากตัวอย่างของเรา ก็จะเป็น 700,000 บาท + 175,000 บาท = 875,000 บาท นี่คือเงินรวมทั้งหมดที่เราต้องจ่ายคืนไฟแนนซ์ตลอดสัญญา 5 ปี
5. **คำนวณค่างวดในแต่ละเดือน:** ขั้นตอนสุดท้ายแล้วครับ เอาเงินทั้งหมดที่ต้องจ่ายคืนไฟแนนซ์จากข้อ 4 มาหารด้วยจำนวนเดือนที่เราผ่อนทั้งหมด ถ้าผ่อน 5 ปี ก็คือ 60 เดือนใช่ไหมครับ ดังนั้น ค่างวดต่อเดือนก็จะเป็น 875,000 บาท / 60 เดือน = 14,583.33 บาทต่อเดือน

ทีนี้เรามาเข้าประเด็นสำคัญที่หลายคนสงสัยว่า ถ้าจะ “ดาวน์30 คิดยังไง” แล้วตัวเลขจะเป็นแบบไหน? ลองเทียบกับอีกกรณีจากข้อมูลที่เรามี สมมติรถราคา 1 ล้าน ดอกเบี้ย 5% ต่อปี เหมือนเดิมนะครับ
* **กรณี ดาวน์30% ผ่อน 5 ปี (60 งวด):** ยอดจัด 700,000 บาท ดอกเบี้ยทั้งหมด 175,000 บาท ยอดรวม 875,000 บาท ค่างวดประมาณ 14,583.33 บาท/เดือน
* **กรณี ดาวน์40% (400,000 บาท) ผ่อน 4 ปี (48 งวด):** ยอดจัด 600,000 บาท ดอกเบี้ยรายปี 600,000 x 5% = 30,000 บาท ดอกเบี้ยทั้งหมด 30,000 x 4 ปี = 120,000 บาท ยอดรวม 600,000 + 120,000 = 720,000 บาท ค่างวดประมาณ 720,000 / 48 = 15,000 บาท/เดือน

เห็นไหมครับว่า แม้ค่างวดต่อเดือนระหว่าง ดาวน์30% ผ่อน 5 ปี กับ ดาวน์40% ผ่อน 4 ปี จะดูใกล้เคียงกัน (14,583 บาท vs 15,000 บาท) แต่สิ่งที่เราต้อง “คิด” และพิจารณาคือ **ยอดดอกเบี้ยรวมตลอดสัญญา** ครับ ในกรณี ดาวน์30% ผ่อนยาว 5 ปี เราต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมถึง 175,000 บาท ในขณะที่ ดาวน์40% ผ่อนสั้น 4 ปี จ่ายดอกเบี้ยรวมแค่ 120,000 บาทเท่านั้นเอง ส่วนต่างตั้ง 55,000 บาทเลยนะครับ!

นี่แหละครับคือสิ่งที่ต้อง “คิด” เวลาเราเลือกระหว่างเงินดาวน์ที่ต่ำกว่า กับระยะเวลาผ่อนที่ยาวกว่า การ ดาวน์30% ข้อดีคือเราใช้เงินก้อนแรกน้อยกว่า ทำให้เรามีเงินสดเหลือไว้ใช้จ่ายหรือเก็บออมอย่างอื่นได้มากขึ้น แต่ข้อแลกเปลี่ยนคือเราอาจต้องจ่ายดอกเบี้ยรวมทั้งสัญญาที่สูงกว่า และมีภาระหนี้ผูกพันนานกว่าครับ ส่วนการดาวน์สูงขึ้นและผ่อนสั้นลง แม้ค่างวดต่อเดือนอาจจะดูสูงขึ้นเล็กน้อย แต่เราจะจ่ายดอกเบี้ยรวมน้อยลงมากๆ และเป็นไทจากภาระหนี้ได้เร็วกว่าครับ การตัดสินใจว่าจะ ดาวน์30 คิดยังไง หรือจะดาวน์เท่าไหร่ดี ขึ้นอยู่กับความพร้อมทางการเงิน และเป้าหมายของคุณเป็นหลักเลยครับ

นอกเหนือจากค่างวดรถที่ต้องจ่ายทุกเดือนแล้ว อย่าลืมว่ายังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ตามมาเป็นพรวน เหมือนเราเลี้ยงดูสมาชิกใหม่ในครอบครัวครับ ค่าใช้จ่ายพวกนี้สำคัญไม่แพ้ค่างวดเลย เช่น ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ (ซึ่งเป็นก้อนใหญ่พอสมควรและต้องจ่ายทุกปี), ค่าบำรุงรักษา เช็คระยะตามกำหนด, ค่าน้ำมัน, ค่าทางด่วน, ค่าที่จอดรถ ฯลฯ ค่าใช้จ่ายพวกนี้แหละครับที่หลายคนมองข้ามไป พอรวมกับค่างวดแล้วอาจจะตึงมือเอาได้ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจออกรถ ต้องเผื่อค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไว้ในงบประมาณด้วยนะครับ

สำหรับการวางแผนการเงินเมื่อต้องผ่อนรถ เคล็ดลับง่ายๆ ที่หลายคนทำแล้วชีวิตดีขึ้นคือ **จ่ายค่างวดทันทีที่มีเงินเดือนเข้าบัญชี** ครับ อย่ารอจนถึงวันครบกำหนด เพราะมันจะช่วยสร้างวินัย และลดความเสี่ยงที่จะเอาเงินก้อนนี้ไปใช้จ่ายอย่างอื่นจนไม่มีจ่ายค่างวด นอกจากนี้ พยายามหลีกเลี่ยงการสร้างภาระหนี้สินอื่นๆ เพิ่มเติมในช่วงที่กำลังผ่อนรถ เช่น การไปกู้หนี้ยืมสินที่ไม่จำเป็น เพราะนั่นจะยิ่งเพิ่มความตึงเครียดให้กับการเงินของคุณครับ

ส่วนใครที่กังวลว่าจะคำนวณเองผิดพลาด หรืออยากลองเปลี่ยนตัวเลขเงินดาวน์ ระยะเวลาผ่อน ดูหลายๆ แบบ เดี๋ยวนี้มีตัวช่วยเยอะแยะมากมายเลยครับ ทั้งเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันคำนวณค่างวดรถออนไลน์ มีให้เลือกใช้หลายเจ้า ลองเข้าไปกรอกตัวเลขเล่นๆ ดูได้เลย จะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า ถ้า ดาวน์30 คิดยังไง แล้วถ้าดาวน์ 25% หรือ 40% จะต่างกันเท่าไหร่

สุดท้ายนี้ การจะออกรถสักคันไม่ใช่แค่เลือกสี เลือกยี่ห้อ หรือดูโปรโมชั่นส่วนลดนะครับ แต่ต้อง “คิด” ให้ละเอียดเรื่องการเงินเป็นอันดับต้นๆ ครับ โดยเฉพาะคนที่กำลังลังเลว่าจะ “ดาวน์30 คิดยังไง” หรือจะดาวน์เท่าไหร่ดี ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างเงินก้อนแรกที่จ่ายไป ความสามารถในการผ่อนรายเดือน และภาระดอกเบี้ยรวมตลอดสัญญา รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ตามมาด้วย

⚠️ จำไว้เสมอว่า การผ่อนรถคือภาระระยะยาว ตรวจสอบความสามารถในการชำระของตัวเองให้ดี ว่ารายรับหลังหักค่าใช้จ่ายจำเป็นต่างๆ แล้ว เหลือพอสำหรับค่างวดรถและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไหม ถ้าคำนวณดูแล้วตึงเกินไป อาจจะต้องมองหารถรุ่นที่ราคาลดลงมา หรือเก็บเงินดาวน์ให้มากขึ้น เพื่อลดภาระค่างวดและดอกเบี้ยลง ก่อนตัดสินใจเซ็นสัญญาผูกพันนะครับ! การวางแผนที่ดีคือจุดเริ่มต้นของการเป็นหนี้อย่างมีความสุขครับ

Leave a Reply