โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ไม่มีสลิปเพจ: 5 ตัวเลือกที่ดีที่สุดในประเทศไทยปี 2025

สรุปภาพรวม: 3 โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ลดปัญหา Slippage ได้ดีที่สุดในปี 2025

สำหรับนักเทรดชาวไทยที่กำลังมองหาความแม่นยำในการส่งคำสั่งซื้อขาย ปี 2025 นี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ต้องเลือกโบรกเกอร์ไม่ใช่แค่จากโบนัสหรือสเปรดต่ำเพียงอย่างเดียว แต่ต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพของระบบในการจัดการ “Slippage” หรือราคาคลาดเคลื่อน ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงผลกำไรในเสี้ยววินาทีได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวนสูง

จากการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด ทั้งด้านเทคโนโลยีการส่งคำสั่ง โครงสร้างเซิร์ฟเวอร์ และคุณภาพของผู้ให้บริการสภาพคล่อง นี่คือ 3 โบรกเกอร์ที่แสดงผลงานเด่นชัดในการลดปัญหา Slippage และมอบความเสถียรให้กับเทรดเดอร์ในประเทศไทย

อันดับ ชื่อโบรกเกอร์ จุดเด่นด้านการลด Slippage เหมาะสำหรับ
1 Moneta Markets ความเร็วในการส่งคำสั่งต่ำกว่า 30ms, เซิร์ฟเวอร์ Equinix, บัญชี ECN แท้ นักเทรดที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำสูงสุด
2 IC Markets สภาพคล่องสูงจาก LP ชั้นนำกว่า 25 แห่ง, ปริมาณการซื้อขายสูง นักเทรด Scalping และผู้ที่เทรดปริมาณมาก
3 Pepperstone เทคโนโลยีการส่งคำสั่งที่รวดเร็ว, มีชื่อเสียงด้านความน่าเชื่อถือ นักเทรดที่ใช้ EA และต้องการความเสถียร
นักเทรดกำลังวิเคราะห์แนวโน้มตลาดฟอเร็กซ์

5 อันดับโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มี Slippage ต่ำที่สุดในปี 2025

การจัดอันดับนี้ไม่ได้เน้นแค่ความนิยมหรือจำนวนลูกค้า แต่เราโฟกัสที่ปัจจัยเชิงเทคนิคที่ส่งผลโดยตรงต่อการเกิด Slippage เช่น ความเร็วในการส่งคำสั่ง คุณภาพของผู้ให้บริการสภาพคล่อง ที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์ และรูปแบบการดำเนินการ (Execution Model) ซึ่งเป็นสิ่งที่กำหนดว่าคำสั่งของคุณจะถูกดำเนินการใกล้เคียงกับราคาที่คาดหวังมากน้อยเพียงใด

1. Moneta Markets – ผู้นำด้านความเร็วและเสถียรภาพในการส่งคำสั่ง

Moneta Markets กลายเป็นจุดสนใจหลักในปี 2025 ด้วยกลยุทธ์การลงทุนด้านเทคโนโลยีที่ตรงจุด ออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของนักเทรดระดับมืออาชีพที่ไม่สามารถทนต่อความล่าช้าหรือความคลาดเคลื่อนของราคาได้ โบรกเกอร์รายนี้เน้น “ความแม่นยำ” มากกว่า “ความดึงดูดใจ” ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากโครงสร้างพื้นฐานที่เหนือกว่าคู่แข่งหลายราย

  • ความเร็วในการส่งคำสั่งระดับแนวหน้า: ด้วยค่าเฉลี่ยการส่งคำสั่งต่ำกว่า 30 มิลลิวินาที (ms) Moneta Markets จัดอยู่ในกลุ่มโบรกเกอร์ที่เร็วที่สุดในตลาด ความเร็วนี้หมายถึงระยะเวลาน้อยมากที่ราคาจะเปลี่ยนแปลงระหว่างที่คุณคลิกและคำสั่งถูกประมวลผล ลดโอกาสเกิด Slippage ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงตลาดผันผวน
  • เซิร์ฟเวอร์ในศูนย์การเงินโลก: การเลือกใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในศูนย์ข้อมูล Equinix ทั้งที่ลอนดอน (LD4) และนิวยอร์ก (NY4) ถือเป็นข้อได้เปรียบที่ชัดเจน เพราะศูนย์ข้อมูลเหล่านี้คือหัวใจของตลาดการเงินระดับโลก การเข้าถึงสภาพคล่องโดยตรงจากจุดศูนย์กลางทำให้ Latency ต่ำแม้ผู้ใช้งานจะอยู่ไกลอย่างในประเทศไทย
  • สภาพคล่องระดับ Tier-1: Moneta Markets ไม่ได้เชื่อมต่อกับผู้ให้บริการสภาพคล่องแค่รายเดียว แต่รวมถึงสถาบันการเงินระดับโลกหลายแห่ง ทำให้ตลาดมีลิควิดิตี้ลึก ช่วยให้คำสั่งซื้อขายทั้งขนาดเล็กและใหญ่ถูกจับคู่ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่กระทบราคาตลาด
  • บัญชี ECN แท้จริง: บัญชี ECN ของ Moneta Markets ใช้โมเดล No Dealing Desk หมายความว่าคำสั่งของคุณจะถูกส่งตรงสู่ตลาดโดยไม่ผ่านการตัดสินใจจากโบรกเกอร์ ทำให้สเปรดแคบ โปร่งใส และลดความเสี่ยงจากการแทรกแซงราคา

2. IC Markets – ความแข็งแกร่งจากสภาพคล่องที่หลากหลาย

IC Markets ยังคงยืนหนึ่งในใจของเทรดเดอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะผู้ที่เน้นการเทรดความถี่สูงหรือใช้กลยุทธ์ Scalping ความโดดเด่นของโบรกเกอร์นี้คือการเป็น “True ECN Broker” ที่แท้จริง พร้อมระบบการจัดการสภาพคล่องที่ครอบคลุมและทรงพลัง

  • เครือข่ายผู้ให้บริการสภาพคล่องกว่า 25 ราย: IC Markets ดึงราคาจากธนาคารชั้นนำ สถาบันการเงิน และ Market Maker ขนาดใหญ่ ทำให้สามารถเสนอราคา Bid/Ask ที่ดีที่สุดจากหลายแหล่งพร้อมกัน ยิ่งมีแหล่งราคาหลายจุด โอกาสที่คำสั่งจะถูกจับคู่ที่ราคาใกล้เคียงกับที่คาดหวังก็ยิ่งสูง
  • ปริมาณการซื้อขายรายวันสูง: ด้วยปริมาณการเทรดที่สูงต่อวัน โบรกเกอร์นี้มีสภาพคล่องภายในที่แข็งแกร่ง ช่วยให้คำสั่งถูกดำเนินการได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีการเคลื่อนไหวแรง

3. Pepperstone – ความน่าเชื่อถือคู่ขนานกับเทคโนโลยี

Pepperstone จากออสเตรเลีย ไม่ได้โดดเด่นแค่ในเรื่องความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ แต่ยังมาแรงในด้านเทคโนโลยีการส่งคำสั่งที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสำหรับนักเทรดที่ใช้ระบบอัตโนมัติ (Expert Advisor) หรือต้องการความเสถียรในระยะยาว

  • เครือข่าย Edge Network: เทคโนโลยีนี้ช่วยลดระยะทางและเวลาที่ข้อมูลต้องเดินทางจากผู้ใช้ไปยังเซิร์ฟเวอร์เทรด ด้วยการเชื่อมต่อผ่านเส้นทางที่สั้นและเร็วที่สุด ทำให้แม้คุณจะอยู่ในประเทศไทย ก็ยังสามารถเข้าถึงสภาพคล่องได้แบบแทบไม่มีความล่าช้า
  • รองรับหลายแพลตฟอร์ม: ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ MT4, MT5 หรือ cTrader โบรกเกอร์นี้ให้ตัวเลือกที่เหมาะสมกับทุกสไตล์การเทรด โดยเฉพาะ cTrader ที่ออกแบบมาเพื่อการส่งคำสั่งเร็วและมีกราฟวิเคราะห์ขั้นสูง ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มนักเทรด ECN

4. Exness – เร็วทั้งการฝากถอนและส่งคำสั่ง

Exness เป็นที่รู้จักในเรื่องความยืดหยุ่นในการเทรดและการทำธุรกรรมที่รวดเร็ว โดยเฉพาะในตลาดเอเชีย โบรกเกอร์นี้มีระบบรองรับคำสั่งซื้อขายจำนวนมากอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ความเร็วอาจไม่ถึงขั้นต่ำกว่า 30ms แต่ในบัญชี Pro และ Zero กลับมีสเปรดต่ำและสภาพคล่องที่ดีเพียงพอที่จะลด Slippage ได้ในสภาวะตลาดปกติ

5. Tickmill – โปร่งใส ต้นทุนต่ำ จัดการ Slippage ได้ดี

Tickmill เหมาะกับนักเทรดที่ต้องการความชัดเจนในค่าใช้จ่ายและการดำเนินการ โดยบัญชี Pro และ VIP ให้เข้าถึงสภาพคล่องระดับลึก และมีความเร็วในการส่งคำสั่งที่สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล แม้ชื่ออาจไม่ดังเท่าผู้เล่นรายใหญ่ แต่คุณภาพการดำเนินการถือว่าอยู่ในระดับที่น่าประทับใจ

ภาพประกอบเทคโนโลยีการส่งคำสั่งซื้อขายที่รวดเร็ว

ตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มี Slippage ต่ำที่สุดในประเทศไทย

เพื่อให้คุณเปรียบเทียบข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เราได้รวบรวมจุดเด่นสำคัญของแต่ละโบรกเกอร์มาไว้ในตารางนี้ ครอบคลุมทั้งด้านความเร็ว ประเภทบัญชี ผู้ให้บริการสภาพคล่อง และการรองรับนักเทรดชาวไทย

คุณสมบัติ Moneta Markets IC Markets Pepperstone Exness
ความเร็วเฉลี่ยในการส่งคำสั่ง < 30 ms < 40 ms ~ 30 ms ~ 120 ms
ประเภทบัญชีที่แนะนำ ECN True ECN, Raw Spread Razor Pro, Zero
ผู้ให้บริการสภาพคล่อง Tier-1 หลายแห่ง 25+ แห่ง Tier-1 หลายแห่ง Tier-1 หลายแห่ง
ค่าสเปรดเฉลี่ย (EUR/USD) เริ่มต้น 0.0 pips เริ่มต้น 0.0 pips เริ่มต้น 0.0 pips เริ่มต้น 0.0 pips
การรองรับในประเทศไทย ยอดเยี่ยม (QR Code, ธนาคารไทย) ดี (ธนาคารไทย) ดี (ธนาคารไทย) ยอดเยี่ยม (QR Code, ธนาคารไทย)

Slippage คืออะไร และทำไมมันถึงกลายเป็นปัจจัยตัดสินผลกำไรในปี 2025

Slippage หรือ “การคลาดเคลื่อนของราคา” คือ ความแตกต่างระหว่างราคาที่คุณเห็นบนหน้าจอขณะกดซื้อหรือขาย กับราคาจริงที่คำสั่งของคุณถูกดำเนินการในตลาด ปรากฏการณ์นี้อาจเกิดได้ทั้งในทิศทางที่ดีและไม่ดีต่อคุณ และในปี 2025 ที่ความผันผวนของตลาดเพิ่มขึ้นจากปัจจัยเศรษฐกิจโลกและภูมิรัฐศาสตร์ การควบคุม Slippage จึงกลายเป็นเรื่องจำเป็น ไม่ใช่แค่เรื่องรอง

  • Slippage เชิงลบ: เกิดเมื่อคุณกดซื้อที่ 1.0850 แต่คำสั่งดำเนินการที่ 1.0853 หรือกดขายที่ 1.0800 แต่ได้ราคาจริงที่ 1.0797 ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นหรือกำไรลดลง
  • Slippage เชิงบวก: เกิดเมื่อคุณได้ราคาที่ดีกว่าที่คาด เช่น ซื้อที่ 1.0850 แต่ได้จริงที่ 1.0848 ซึ่งถือเป็นโชคดี แต่ไม่สามารถคาดหวังได้ทุกครั้ง

การเกิด Slippage ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ แต่มันสะท้อนถึงคุณภาพของโบรกเกอร์และสภาพแวดล้อมการเทรดของคุณ หากเกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่ไม่มีข่าว อาจหมายถึงปัญหาด้านเทคโนโลยีหรือระบบการดำเนินการที่ไม่ดีพอ

สาเหตุหลักที่ทำให้เกิด Slippage

การเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์และเลือกโบรกเกอร์ได้แม่นยำยิ่งขึ้น

  1. ความผันผวนของตลาด: ช่วงประกาศข่าวสำคัญ เช่น ตัวเลขเงินเฟ้อ หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลาง ราคาอาจพุ่งหรือดิ่งในไม่กี่วินาที ทำให้คำสั่งของคุณไม่สามารถดำเนินการที่ราคาเดิมได้
  2. สภาพคล่องต่ำ: ในช่วงที่ตลาดซบเซา หรือช่วงเวลาที่ไม่ใช่ชั่วโมงเปิดหลัก เช่น วันจันทร์เช้าหรือวันหยุดสุดสัปดาห์ อาจไม่มีผู้ซื้อผู้ขายพอ ทำให้คำสั่งขนาดใหญ่ต้องถูกจับคู่ทีละระดับราคา
  3. ความเร็วของระบบโบรกเกอร์: โบรกเกอร์ที่ใช้เซิร์ฟเวอร์เก่าหรือไม่ได้อยู่ใกล้ศูนย์ข้อมูลทางการเงิน จะมี Latency สูง ส่งผลให้คำสั่งใช้เวลานานกว่าจะถึงตลาด
  4. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของผู้ใช้: แม้โบรกเกอร์จะเร็ว แต่หากคุณใช้ Wi-Fi ที่ไม่เสถียร หรืออยู่ในพื้นที่ที่สัญญาณอ่อน ก็อาจเกิดความล่าช้าจากฝั่งผู้ใช้ได้

เช็กลิสต์การเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ลด Slippage ได้จริงในประเทศไทย

การเลือกโบรกเกอร์ไม่ใช่แค่ดูจากโฆษณาหรือรีวิวพื้นๆ ต้องพิจารณาในเชิงลึก นี่คือแนวทางที่นักเทรดควรใช้ในการประเมิน

  • ตรวจสอบโมเดลการดำเนินการ: ให้เลือกโบรกเกอร์ที่ใช้ระบบ ECN หรือ STP โดยตรง เพราะไม่มีการแทรกแซงจาก Dealing Desk ทำให้คำสั่งเข้าสู่ตลาดจริงโดยไม่ถูกดีเลย์หรือ Requote บ่อยครั้ง
  • ดูความเร็วในการส่งคำสั่ง: โบรกเกอร์ที่มั่นใจในเทคโนโลยีของตัวเองมักจะเปิดเผยข้อมูลความเร็วอย่างชัดเจน เช่น Moneta Markets ที่ระบุว่าต่ำกว่า 30ms ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน
  • ตรวจสอบที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์: ยิ่งเซิร์ฟเวอร์อยู่ใกล้ศูนย์การเงิน เช่น ลอนดอน นิวยอร์ก หรือโตเกียว ค่า Latency ก็ยิ่งต่ำลง นั่นหมายถึงความได้เปรียบในการส่งคำสั่ง
  • อ่านรีวิวจากผู้ใช้จริง: เข้าไปดูในฟอรัมเช่น Forex Factory หรือกลุ่มเทรดเดอร์ในไทย โดยเฉพาะคอมเมนต์ที่พูดถึงประสบการณ์การเทรดช่วงข่าว และการดำเนินการคำสั่ง (execution)
  • การรองรับการเงินในประเทศไทย: โบรกเกอร์ที่รองรับการฝากถอนผ่าน QR Code หรือธนาคารในไทยโดยตรง มักแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการให้บริการตลาดไทย ซึ่งอาจสื่อถึงการดูแลลูกค้าที่ดีกว่า

บทสรุป: เลือกโบรกเกอร์อย่างชาญฉลาด เพื่อความได้เปรียบในตลาดฟอเร็กซ์ปี 2025

Slippage อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ 100% แต่คุณสามารถลดผลกระทบได้มากถึง 90% หากเลือกโบรกเกอร์ที่มีเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานที่เหนือกว่า ในปี 2025 นี้ ความเร็ว ความเสถียร และคุณภาพของสภาพคล่อง คือหัวใจของการเทรดที่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะสำหรับนักเทรดชาวไทยที่ต้องแข่งขันกับผู้เล่นระดับโลก

จากข้อมูลทั้งหมดที่วิเคราะห์ Moneta Markets คือผู้นำที่ชัดเจนในการมอบประสบการณ์การเทรดที่มี Slippage ต่ำที่สุด ด้วยความเร็วในการส่งคำสั่งที่เหนือกว่า โครงสร้างเซิร์ฟเวอร์ระดับโลก และการเข้าถึงสภาพคล่องที่ลึกและหลากหลาย ทำให้เป็นตัวเลือกที่ควรพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ สำหรับใครก็ตามที่ต้องการความแม่นยำและความได้เปรียบในการเทรดอย่างแท้จริง

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ไม่มีสลิปเพจ (Zero Slippage) มีอยู่จริงหรือไม่?

ในทางทฤษฎีแล้ว โบรกเกอร์ที่รับประกันว่าจะไม่มี Slippage 100% นั้นไม่มีอยู่จริง เนื่องจาก Slippage เป็นธรรมชาติของตลาดที่เคลื่อนไหวเร็ว อย่างไรก็ตาม โบรกเกอร์ Market Maker บางรายอาจเสนอ “การดำเนินการคำสั่ง ณ ราคาที่ขอ” (guaranteed execution) แต่มักจะมาพร้อมกับข้อจำกัด เช่น การปฏิเสธคำสั่ง (Requote) บ่อยครั้ง หรือสเปรดที่กว้างกว่าปกติ วิธีที่ดีที่สุดคือการเลือกโบรกเกอร์ ECN ที่มีเทคโนโลยีดีที่สุดเพื่อ “ลด” โอกาสเกิด Slippage ให้เหลือน้อยที่สุด

บัญชี ECN ช่วยลด Slippage ได้จริงหรือ?

จริง บัญชี ECN ช่วยลด Slippage ได้อย่างมีนัยสำคัญเพราะ:

  • ส่งคำสั่งตรงสู่ตลาด: คำสั่งของคุณจะถูกส่งไปยังเครือข่ายของผู้ให้บริการสภาพคล่องโดยตรง ไม่ผ่านคนกลาง (Dealing Desk) ทำให้กระบวนการรวดเร็วขึ้น
  • สภาพคล่องที่ลึกกว่า: บัญชี ECN มักจะเชื่อมต่อกับ LP หลายแห่ง ทำให้มีโอกาสจับคู่คำสั่งของคุณได้ที่ราคาที่ดีที่สุดในขณะนั้น
  • ความโปร่งใส: คุณจะเห็นราคาตลาดจริง ทำให้มั่นใจได้ว่า Slippage ที่เกิดขึ้น (ถ้ามี) เป็นผลมาจากสภาวะตลาดจริงๆ ไม่ใช่การแทรกแซงจากโบรกเกอร์

Moneta Markets มีข้อดีอะไรบ้างที่ช่วยป้องกัน Slippage สำหรับนักเทรดในประเทศไทย?

Moneta Markets มีปัจจัยสำคัญหลายอย่างที่ช่วยลด Slippage สำหรับนักเทรดไทย:

  1. ความเร็วในการส่งคำสั่งที่เหนือกว่า: ด้วยความเร็วต่ำกว่า 30ms ทำให้ลดช่องว่างของเวลาที่ราคาจะเปลี่ยนแปลงระหว่างการส่งคำสั่ง
  2. เซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งในศูนย์กลางการเงิน: การใช้เซิร์ฟเวอร์ Equinix LD4/NY4 ช่วยลดค่า Latency แม้จะเทรดจากประเทศไทย
  3. บัญชี ECN และสภาพคล่องระดับ Tier-1: ช่วยให้มั่นใจได้ว่าคำสั่งของคุณจะถูกจับคู่กับราคาที่ดีที่สุดจากตลาดที่มีสภาพคล่องสูง

ปัจจัยเหล่านี้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการเทรดที่มีความแม่นยำและเสถียรภาพสูง

โบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำที่สุดหมายความว่าจะมี Slippage น้อยที่สุดด้วยหรือไม่?

ไม่เสมอไป แม้ว่าโบรกเกอร์ที่ดีมักจะมีทั้งสเปรดที่ต่ำและ Slippage น้อย แต่ก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกันเสมอไป สเปรดคือส่วนต่างของราคา Bid/Ask ที่โบรกเกอร์เสนอ ในขณะที่ Slippage คือความแตกต่างระหว่างราคาที่คาดหวังกับราคาที่ดำเนินการจริง โบรกเกอร์อาจโฆษณาสเปรดที่ 0.1 pips แต่ถ้าเกิด Slippage 0.5 pips บ่อยครั้ง ต้นทุนการเทรดที่แท้จริงของคุณก็จะสูงขึ้น ดังนั้น ควรพิจารณาคุณภาพของการส่งคำสั่งควบคู่ไปกับสเปรดเสมอ

จะลดความเสี่ยงจาก Slippage ด้วยตัวเองได้อย่างไรบ้าง?

นอกจากการเลือกโบรกเกอร์ที่ดีแล้ว คุณสามารถลดความเสี่ยงได้โดย:

  • หลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงเวลาที่มีข่าวสำคัญและมีความผันผวนสูงมาก
  • ใช้คำสั่งประเภท Limit Order (Buy Limit, Sell Limit) แทน Market Order เพราะคำสั่ง Limit จะรับประกันว่าคุณจะได้ราคาตามที่ตั้งไว้หรือดีกว่า
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณมีความเสถียรและรวดเร็ว
  • พิจารณาใช้บริการ VPS (Virtual Private Server) ที่ตั้งอยู่ใกล้กับเซิร์ฟเวอร์ของโบรกเกอร์เพื่อลด Latency

การเทรดช่วงข่าวมีความเสี่ยงต่อการเกิด Slippage มากขึ้นหรือไม่?

ใช่ การเทรดช่วงข่าวมีความเสี่ยงต่อการเกิด Slippage สูงที่สุด เนื่องจากตลาดมีความผันผวนอย่างรุนแรงและสภาพคล่องอาจลดลงชั่วขณะ เพราะผู้ดูแลสภาพคล่องบางรายอาจถอนราคาออกจากตลาดเพื่อลดความเสี่ยงของตนเอง ทำให้ราคาเกิด “ช่องว่าง” (Gap) และคำสั่งของคุณอาจถูกดำเนินการในราคาที่ห่างจากจุดที่คาดไว้มาก หากคุณจำเป็นต้องเทรดในช่วงนี้ การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสภาพคล่องลึกและส่งคำสั่งเร็วอย่าง Moneta Markets จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง

Leave a Reply