เจาะลึก! เปรียบเทียบ ดัชนีฮั่งเส็ง ชี้ช่องลงทุนฮ่องกง ฉบับเข้าใจง่าย

สวัสดีครับเพื่อนๆ นักลงทุนและผู้สนใจในเรื่องการเงินทุกคน! วันนี้ผมมีเรื่องราวสนุกๆ มาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับ “เทอร์โมมิเตอร์” ตัวสำคัญที่ใช้วัดไข้ของเศรษฐกิจฮ่องกง ซึ่งนักลงทุนอย่างเราๆ มักจับตามองกันเป็นพิเศษ นั่นก็คือ ดัชนีฮั่งเส็ง (Hang Seng Index) นั่นเองครับ

เพื่อนสนิทของผมคนหนึ่ง คุณสมชาย แกชอบดูข่าวเศรษฐกิจ ตอนเช้ามาก็ทักผมว่า “นี่อาจารย์! เมื่อคืนเห็นข่าวหุ้นฮ่องกงแดงแจ๋เลย มันแปลว่าอะไรนะ แล้วทำไมเราต้องไปสนตลาดหุ้นฮ่องกงด้วยล่ะ?” คำถามของคุณสมชายจุดประกายให้ผมอยากจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจเจ้าดัชนีตัวนี้ให้ลึกซึ้งขึ้น เผื่อว่าวันหนึ่งเราอาจจะมองเห็นโอกาสดีๆ ในตลาดการเงินแห่งนี้ก็ได้ จริงไหมครับ?

ลองนึกภาพตามนะครับ ถ้าตลาดหุ้นฮ่องกงเปรียบเสมือนทีมบาสเกตบอลทีมหนึ่ง ดัชนีฮั่งเส็ง ก็เหมือนกับการรวมคะแนนจากผู้เล่นตัวท็อป 40 คนแรกของทีม ที่เป็นกำลังหลักในการทำแต้ม ดัชนีนี้ถูกดูแลโดยบริษัทลูกของ ธนาคารฮั่งเส็ง (Hang Seng Bank) มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1969 โน่นเลยครับ ถือว่าเป็นดัชนีหลักที่สะท้อนภาพรวมความเป็นผู้นำของตลาดหุ้นฮ่องกงได้อย่างชัดเจน เพราะครอบคลุมมูลค่าตลาดรวมของตลาดหุ้นฮ่องกงถึงประมาณ 65% เลยทีเดียว ใครอยากรู้ว่าเศรษฐกิจฮ่องกงสุขภาพเป็นยังไง ก็ต้องมาดูที่เจ้าดัชนีตัวนี้นี่แหละครับ

แล้วตอนนี้ “เทอร์โมมิเตอร์” ตัวนี้กำลังบอกอะไรเราอยู่บ้างล่ะครับ? จากข้อมูลล่าสุดที่เราเห็น ดัชนีฮั่งเส็ง กำลังแกว่งตัวอยู่ที่ประมาณ 23,892.56 ดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยที่ -0.59% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่ถ้าเรามองย้อนกลับไปในอดีต จะเห็นว่าเจ้าดัชนีนี้ก็เคยโลดแล่นขึ้นไปทำจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ถึง 33,484.08 ดอลลาร์ฮ่องกง เมื่อวันที่ 29 มกราคม ปี ค.ศ. 2018 เลยนะครับ ส่วนจุดต่ำสุดที่เคยเจอมาก็คือ 1,894.90 ดอลลาร์ฮ่องกง ในช่วงวิกฤตเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ปี ค.ศ. 1987 ซึ่งบอกได้เลยว่ามันผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่น้อย เหมือนการนั่งรถไฟเหาะตีลังกาที่ต้องเจอทั้งขาขึ้นและขาลงนั่นแหละครับ

ส่วนแนวโน้มในระยะสั้นๆ ตอนนี้ ดัชนีฮั่งเส็งกำลังส่งสัญญาณแบบผสมผสานครับ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่าง Oscillators (ออสซิลเลเตอร์) และ Moving Averages (ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่) ต่างก็บ่งชี้ว่าเป็นกลางๆ ไม่ได้มีทิศทางที่ชัดเจนมากนัก แปลว่ามีทั้งแรงซื้อและแรงขายปะปนกันไปในตลาดนั่นเองครับ ถ้ามองภาพรวมการเปลี่ยนแปลงในระยะต่างๆ เราจะเห็นว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีลดลงไปเล็กน้อย -0.20% แต่ถ้ามองในรอบเดือน กลับเพิ่มขึ้นมาถึง 2.47% และที่น่าสนใจคือ ในรอบปีที่ผ่านมา ดัชนีฮั่งเส็งยังคงให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกถึง 31.97% เลยนะครับ เรียกได้ว่ายังเป็นตลาดที่พอจะมีไฟอยู่บ้างครับ

ทีนี้ เรามาดูกันดีกว่าครับว่า “ผู้เล่นตัวท็อป” ที่อยู่ในทีม ดัชนีฮั่งเส็ง นี้มีใครกันบ้าง? ลองนึกภาพทีมบาสเกตบอลที่มีซุปเปอร์สตาร์ประจำทีม อย่างเช่น บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Tencent (เทนเซ็นต์) รหัส HKEX:700 ซึ่งมีมูลค่าตลาดมหาศาล ตามมาด้วย Industrial and Commercial Bank of China (ไอซีบีซี) รหัส HKEX:1398 และ Alibaba (อาลีบาบา) รหัส HKEX:9988 ซึ่งบริษัทเหล่านี้เป็นกำลังสำคัญที่ขับเคลื่อนดัชนีนี้ครับ นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่มีราคาสูงต่อหุ้นอย่าง JD Health (เจดี เฮลธ์) รหัส HKEX:9961 และ Hong Kong Exchanges and Clearing (ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง) รหัส HKEX:388 ที่มีบทบาทสำคัญเช่นกัน

และแน่นอนว่าในทุกทีมย่อมมีทั้งผู้เล่นที่ฟอร์มดีจัดๆ และผู้เล่นที่อาจจะเจอช่วงฟอร์มตกใช่ไหมครับ? ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา หุ้นที่ทำผลตอบแทนได้ดีที่สุดใน ดัชนีฮั่งเส็ง ก็คือ Xiaomi (เสียวหมี่) รหัส HKEX:1810 ที่พุ่งขึ้นไปถึง 200.64% เลยทีเดียว ส่วนหุ้นที่เจอช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดก็คือ China Unicom (ไชน่า ยูนิคอม) รหัส HKEX:968 ที่ลดลงไป -43.61% ครับ สัดส่วนของบริษัทเทคโนโลยีและการเงินในดัชนีนี้ค่อนข้างโดดเด่น ซึ่งทำให้ดัชนีฮั่งเส็งมีความแตกต่างจากตลาดอื่นๆ พอสมควรเลยครับ

และนี่แหละครับคือหัวใจสำคัญของการ เปรียบเทียบ ดัชนีฮั่งเส็ง กับตลาดอื่นๆ ที่เราควรรู้! เวลาเราดูข่าว เรามักจะได้ยินชื่อดัชนีต่างๆ ทั่วโลกใช่ไหมครับ ไม่ว่าจะเป็น ดัชนี CSI 300 (ซีเอสไอ 300) ที่สะท้อนภาพรวมหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งมักจะเน้นไปที่หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ขณะที่ ดัชนีฮั่งเส็ง อย่างที่บอกไปแล้วครับ จะเน้นหนักไปที่หุ้นเทคโนโลยีและการเงินของฮ่องกงเป็นหลัก ก็เหมือนกับการที่เราเปรียบเทียบส้มตำรสแซ่บๆ กับข้าวเหนียวมะม่วงหอมหวานนั่นแหละครับ ต่างกันแต่ก็มีเสน่ห์ทั้งคู่

ที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ความสัมพันธ์ของ ดัชนีฮั่งเส็ง กับดัชนี S&P 500 (ดัชนี เอสแอนด์พี 500) ของสหรัฐอเมริกาครับ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีความสัมพันธ์กันค่อนข้างต่ำ (ค่าสหสัมพันธ์อยู่ที่ 0.437) ซึ่งตรงนี้แหละครับที่เป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตลงทุน เพราะหากตลาดหนึ่งเกิดอาการไอ จาม อีกตลาดหนึ่งก็อาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักครับ ไม่ว่าจะเป็นดัชนี FTSE 100 (ดัชนี เอฟทีเอสอี 100) ของอังกฤษ, ดัชนี DAX (ดัชนี แดกซ์) ของเยอรมนี, ดัชนี Nikkei 225 (ดัชนี นิกเคอิ 225) ของญี่ปุ่น หรือดัชนี Shanghai Composite (ดัชนี เซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต) ของจีนแผ่นดินใหญ่ ดัชนีฮั่งเส็งก็มีเอกลักษณ์และความน่าสนใจในแบบของตัวเองครับ

แล้วอะไรบ้างล่ะครับที่เป็น “ปัจจัยลับ” ที่คอยกำหนดทิศทางของ ดัชนีฮั่งเส็ง? ก็ต้องบอกว่าปัจจัยหลักๆ เลยก็คือ สุขภาพเศรษฐกิจของฮ่องกงเองนั่นแหละครับ ถ้าเศรษฐกิจฮ่องกงแข็งแรง ดัชนีก็มีแนวโน้มที่ดีตามไปด้วย แต่เท่านั้นยังไม่พอครับ เพราะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจจีนเองก็มีอิทธิพลอย่างมากต่อดัชนีนี้ ลองนึกภาพว่าฮ่องกงเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับโลกตะวันตก เวลาที่เศรษฐกิจจีนถอนหายใจ ฮ่องกงก็อาจจะหนาวๆ ร้อนๆ ไปด้วย นอกจากนี้ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน เหตุการณ์ทางการเมือง นโยบายของภาครัฐ รวมถึงสงครามการค้าต่างๆ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิดครับ

ทีนี้เพื่อนๆ อาจจะสงสัยว่า “ถ้าอยากลงทุนใน ดัชนีฮั่งเส็ง ต้องทำยังไง?” อันดับแรกต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า เราไม่สามารถลงทุนในดัชนีนี้ได้โดยตรง เหมือนกับการที่เราไม่สามารถซื้อ ‘ทีมบาสเกตบอล’ ทั้งทีมได้นั่นแหละครับ แต่เราสามารถลงทุนผ่านเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ได้ เช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ฟิวเจอร์ส) ที่อ้างอิงกับดัชนี หรือลงทุนผ่านกองทุนรวม (กองทุน) ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนีฮั่งเส็ง หรือจะเลือกซื้อหุ้นรายตัวที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของดัชนีนั้นๆ โดยตรงก็ได้ครับ ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มการลงทุนระหว่างประเทศหลายแห่งที่เปิดโอกาสให้เราเข้าถึงตลาดเหล่านี้ได้ครับ อย่างเช่นแพลตฟอร์ม Moneta Markets (โมเนต้า มาร์เก็ตส์) ที่มักจะมีเงื่อนไขการซื้อขายที่หลากหลายให้เลือก ซึ่งเป็นอีกทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่สนใจครับ

สุดท้ายนี้ครับ ดัชนีฮั่งเส็ง เปรียบเสมือนดวงตาที่คอยจับจ้องความเป็นไปของตลาดหุ้นฮ่องกง และสะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง การทำความเข้าใจดัชนีนี้จึงเป็นก้าวสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการขยายโอกาสการลงทุนไปยังตลาดต่างประเทศ และเพิ่มความหลากหลายให้กับพอร์ตการลงทุนของเราครับ

แต่ไม่ว่าจะมองเห็นโอกาสมากแค่ไหน ผมขอเตือนไว้เสมอครับว่า การลงทุนในตราสารทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นดัชนี หุ้น หรือกองทุน ล้วนมีความเสี่ยงสูงครับ ยิ่งเป็นการลงทุนในตลาดต่างประเทศด้วยแล้ว ยิ่งต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ เข้าใจในทุกแง่มุม และประเมินความเสี่ยงที่ตนเองรับได้เสมอครับ อย่าเพิ่งกระโดดลงไปในสนามโดยไม่ซ้อมนะครับ!

⚠️ ข้อควรระวัง: การซื้อขายตราสารทางการเงินมีความเสี่ยงสูง และอาจทำให้เงินลงทุนของคุณขาดทุนได้ทั้งหมด ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และประเมินความเสี่ยงที่ตนเองรับได้

แล้วเพื่อนๆ ล่ะครับ มีความคิดเห็นอย่างไรกับ ดัชนีฮั่งเส็ง หรือตลาดหุ้นฮ่องกงบ้าง? มาแลกเปลี่ยนมุมมองกันนะครับ!

Leave a Reply