หุ้นฮั่วเส็ง: วิกฤตฮ่องกง…โอกาสทองคริปโตฯ?

สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน! ช่วงนี้ถ้าใครเปิดพอร์ตลงทุนขึ้นมาดู แล้วรู้สึกว่าหน้าตาซีดเผือดเหมือนเห็นผีกลางวันแสกๆ ก็ไม่ต้องตกใจไปนะครับ เพราะนี่ไม่ใช่แค่คุณคนเดียวที่เจอเรื่องชวนปวดหัว แต่เป็นอาการของตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดในเอเชียและยุโรป ที่กำลังอยู่ในช่วง “ขาลง” ชนิดที่เรียกว่า “ใครไม่แข็งพออาจมีเป๋” เลยทีเดียวครับ

ลองนึกภาพตามนะครับว่าปกติเวลาเราจะกินข้าวเที่ยงสักมื้อ เราก็ต้องเดินออกไปนอกบ้าน ไปเจอแดด เจอฝุ่นใช่ไหมครับ? ตลาดหุ้นก็เหมือนกันครับ ไม่ได้มีแต่แดดจ้าฟ้าใสให้เดินเล่นสบายๆ แต่บางทีก็เจอพายุ เจอฝนฟ้าคะนองแบบไม่ทันตั้งตัวได้เหมือนกัน และตอนนี้แหละครับที่พายุลูกใหญ่กำลังก่อตัวขึ้น!

**มรสุมตลาดหุ้น…มาจากไหน?**

เมื่อเร็วๆ นี้ (ข้อมูลจากช่วงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566) ตลาดหุ้นทั่วทั้งทวีปเอเชีย รวมถึงยุโรป ต่างพร้อมใจกันปรับตัวลดลงถ้วนหน้า โดยเฉพาะดัชนี MSCI Asia Pacific ที่ไม่รวมญี่ปุ่นเนี่ย ลงไปแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปีเลยนะครับ ส่วนตลาดหุ้นยุโรปอย่างดัชนี Stoxx 600 ก็ลดลงไป 0.8% เช่นกัน ขณะที่ “พี่ใหญ่อย่างตลาดหุ้นสหรัฐฯ” ก็เจอกับภาวะที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบสองเดือน! เห็นไหมครับว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่มันเป็น “ปรากฏการณ์ระดับโลก” เลยทีเดียว

แล้วอะไรคือต้นตอของพายุลูกนี้ล่ะครับ? ปัจจัยหลักๆ เลยก็คือเรื่องของ “อัตราดอกเบี้ย” ครับ! นักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตาดูรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (หรือที่เราเรียกสั้นๆ ว่า Fed) อย่างใจจดใจจ่อ เพื่อหาสัญญาณว่า Fed จะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยอีกเมื่อไหร่ และจะขึ้นไปเท่าไหร่ เพราะการขึ้นดอกเบี้ยเนี่ย มันเหมือนกับการ “เบรกรถเศรษฐกิจ” ให้ชะลอความร้อนแรงลง เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แต่พอเบรกแรงไป ตลาดหุ้นก็ชะงักตามไปด้วยนั่นแหละครับ

และไม่ใช่แค่เรื่องดอกเบี้ยนะครับ เศรษฐกิจของจีนที่ยังดูไม่สดใสเท่าที่ควร และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ (เรื่องการเมืองระหว่างประเทศ) ก็เป็นอีกสองปัจจัยที่เข้ามากดดันตลาดให้ระส่ำระสายมากขึ้นไปอีกครับ คิดดูสิครับว่าขนาด “ดัชนี VIX” หรือที่คนในวงการเรียกว่า “ดัชนีวัดความกลัว” ยังพุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบปีเลย นั่นหมายความว่านักลงทุนกำลังวิตกกังวลกันหนักมากจริงๆ!

**ฮ่องกง: สถานการณ์ที่น่าจับตา และโอกาสใหม่ๆ ของคริปโตฯ?**

มาซูมอินกันที่ฮ่องกงกันบ้างครับ ฮ่องกงเนี่ยเป็นประตูสำคัญสู่การลงทุนในเอเชีย แต่ช่วงนี้ก็ดูจะเผชิญมรสุมไม่แพ้ที่อื่นเลยนะครับ ดัชนีหุ้นฮ่องกงกำลังจ่อเข้าสู่ภาวะ “การปรับฐาน” (Correction) ซึ่งหมายถึงการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจจีนและปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์นี่แหละครับ ขนาดที่รัฐมนตรีคลังฮ่องกงออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว นักลงทุนต่างชาติยังไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่เลยครับ เหมือนงัดไม้ตายออกมาแล้วแต่ยังไม่ถึงกับโดนใจนั่นเอง

แต่ในความมืดมิดก็ยังมีแสงสว่างนะครับ! ท่ามกลางบรรยากาศอึมครึมของตลาดหุ้นฮ่องกง ทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของฮ่องกง (SFC) กลับมีข่าวดีสำหรับวงการสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ “คริปโตเคอร์เรนซี” ครับ เพราะพวกเขากำลังเตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตให้กับแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีสำหรับนักลงทุนรายย่อย! นี่ถือเป็นสัญญาณที่ดีมากๆ ที่ฮ่องกงกำลังพยายามปรับตัวให้เข้ากับโลกการเงินยุคใหม่ และอาจกลายเป็นศูนย์กลางคริปโตที่สำคัญในอนาคตได้นะครับ ลองนึกดูสิครับว่าถ้า `หุ้นฮั่วเส็ง` ซึ่งเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหรือการเงินในฮ่องกง ได้รับผลดีจากนโยบายเหล่านี้ ก็อาจจะเห็นการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มนี้ได้บ้างในระยะยาวก็เป็นได้นะครับ

**เมื่อธนาคารกลางลงสนาม: เกมชี้ชะตาเศรษฐกิจ**

นอกจากการจับตาท่าทีของ Fed แล้ว เรายังเห็นการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ด้วยครับ เพราะ BOJ ได้เข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลฉุกเฉินเพื่อพยุงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไว้ไม่ให้พุ่งสูงเกินไป การกระทำนี้สะท้อนให้เห็นว่าพวกเขาพยายามอย่างหนักที่จะรักษาสมดุลของเศรษฐกิจประเทศไว้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนต่างๆ นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจจากญี่ปุ่นเองก็ส่งสัญญาณไม่ค่อยดีนัก โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตก็บ่งชี้ว่าภาคการผลิตกำลังหดตัวลง นี่เป็นภาพสะท้อนว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นก็กำลังเผชิญกับความท้าทายไม่น้อยเลยครับ

ลองเปรียบเทียบง่ายๆ นะครับ ธนาคารกลางก็เหมือนกับ “กัปตันทีม” ที่ต้องคอยควบคุมทิศทางของเรือเศรษฐกิจไม่ให้โต้คลื่นลมแรงจนเกินไป การขึ้นดอกเบี้ยก็เหมือนการลดความเร็ว การเข้าซื้อพันธบัตรก็เหมือนการเสริมกำลังเรือให้แข็งแกร่งขึ้น แต่ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน คลื่นลมที่โหมกระหน่ำมาจากหลายทิศทาง ก็ย่อมทำให้การเดินเรือเป็นไปอย่างทุลักทุเลได้เหมือนกันครับ

**แล้วนักลงทุนอย่างเราควรทำยังไงดี?**

เห็นภาพรวมตลาดที่ไม่ค่อยสวยงามแบบนี้ หลายคนอาจจะเริ่มรู้สึกท้อ หรือบางคนก็อาจจะบอกว่า “รู้งี้ขายทิ้งไปตั้งแต่แรกก็ดี” แต่ในฐานะที่เราเป็นนักลงทุน เราต้องไม่ลืมว่าตลาดหุ้นนั้นมีขึ้นมีลงเป็นวัฏจักรครับ ช่วงที่ตลาดปรับฐานหรือมีความผันผวนสูงแบบนี้แหละครับ ที่เป็นบทพิสูจน์ “วินัยและความแข็งแกร่งทางใจ” ของเรา!

สิ่งสำคัญที่อยากจะแนะนำในสถานการณ์แบบนี้คือ:

1. **”อย่าตกใจจนเกินเหตุ”**: ข้อมูลเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นเพียงภาพสะท้อนในช่วงเวลาหนึ่ง ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาครับ
2. **”ประเมินสถานการณ์อย่างมีสติ”**: ลองย้อนกลับไปดูแผนการลงทุนของเราว่ายังเป็นไปตามเป้าหมายระยะยาวหรือไม่
3. **”กระจายความเสี่ยง”**: ถ้าพอร์ตของคุณหนักไปทางหุ้นประเภทเดียว ลองพิจารณาการกระจายไปในสินทรัพย์อื่นๆ เช่น กองทุนรวม พันธบัตร หรือแม้แต่สินทรัพย์ดิจิทัล (ในสัดส่วนที่เหมาะสมและศึกษาให้ดี)
4. **”ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม”**: อ่านข่าวสารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ไม่ว่าจะเป็น Financial Times, Bloomberg, Reuters หรือ Yahoo Finance เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ให้รอบด้าน
5. **”ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ”**: หากไม่แน่ใจจริงๆ การพูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินเป็นสิ่งที่ดีที่สุดครับ

จำไว้นะครับว่าการลงทุนคือการเดินทางระยะยาว ไม่ใช่การวิ่งแข่งระยะสั้น สิ่งสำคัญคือการมี “สติ” และ “ความรู้” ติดตัวไว้เสมอ หากคุณเป็นนักลงทุนที่เน้นผลตอบแทนระยะยาว ช่วงเวลาที่ตลาดผันผวนแบบนี้ อาจเป็นโอกาสดีในการ “ทยอยสะสม” หุ้นดีๆ ที่ราคาตกลงมาก็ได้ แต่ถ้าคุณเป็นนักลงทุนที่มีสภาพคล่องทางการเงินไม่สูงนัก การประเมินความเสี่ยงและวางแผนสำรองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดครับ!

⚠️ **คำเตือน**: บทความนี้เป็นเพียงการให้ข้อมูลและมุมมองเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาชี้ชวนหรือแนะนำให้ลงทุนในหลักทรัพย์ใดหลักทรัพย์หนึ่ง การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินหากมีข้อสงสัยใดๆ นะครับ

Leave a Reply