
เพื่อนซี้ของผมคนหนึ่งนามว่า ‘พี่เก๋า’ แกชอบบ่นให้ฟังประจำว่า เวลาจะดู หุ้นนิเคอิบ่ายวันนี้ ทีไร ทำไม๊ทำไมมันถึงได้ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนนั่งรถไฟเหาะตีลังกาในสวนสนุกก็ไม่รู้! บางวันก็พุ่งปรี้ดจนใจฟู บางวันก็ดิ่งลงจนใจหายวาบ… เอ่อ ผมก็เข้าใจแกนะ เพราะเรื่องราวของตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดยเฉพาะดัชนีนิกเกอิ 225 (Nikkei 225) หรือที่นักลงทุนรู้จักกันดีว่าเป็น ‘ดัชนีหลัก’ ที่รวมบริษัทชั้นนำ 225 แห่งของญี่ปุ่นเนี่ย มันซับซ้อนกว่าที่คิดเยอะเลยครับ ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนหน้าจอที่วิ่งไปวิ่งมา แต่มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ถ้าพร้อมแล้ว เรามาถอดรหัสตลาดหุ้นแดนอาทิตย์อุทัยไปพร้อมกันนะครับ!
ไอ้เจ้าดัชนีนิกเกอิ 225 (Nikkei 225) เนี่ย มันก็เหมือน ‘หน้าตา’ ของเศรษฐกิจญี่ปุ่นดีๆ นี่เองครับ เวลาพูดถึง หุ้นนิเคอิบ่ายวันนี้ เราก็มักจะมองมันเป็นตัวสะท้อนสุขภาพของบริษัทแดนซามูไรทั้งหลาย ข้อมูลที่เราเห็นจากสำนักข่าวต่างๆ อย่างสำนักข่าวอินโฟเควสท์ หรือ MSN Money ก็ชี้ให้เห็นว่า ดัชนีนี้มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา มีทั้งช่วงที่ขาขึ้นแล้วก็ช่วงที่ขาลง สลับกันไปมา เหมือนคลื่นในทะเลนั่นแหละครับ ยกตัวอย่างเมื่อไม่นานมานี้ อย่างข้อมูล ณ วันที่ 24 มิถุนายน ปีที่เราอ้างอิงถึง ดัชนีเคยอยู่ที่ 38,790.56 จุด แถมยังปรับตัวขึ้นมา 1.14% ด้วยนะครับ! ช่วงนั้นอะไรที่ทำให้ตลาดสดใสเหรอครับ? หนึ่งในปัจจัยสำคัญเลยก็คือ ‘แรงซื้อในหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์’ หรือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับชิปนั่นแหละครับ ซึ่งช่วยหนุนให้ดัชนีพุ่งทะยานได้ในบางช่วง แต่ก็ใช่ว่าจะราบรื่นเสมอไปนะครับ เพราะ ‘ปัจจัยภายนอก’ อย่างค่าเงินเยน (JPY) หรือสถานการณ์เศรษฐกิจโลกนี่แหละ ตัวดีเลยที่ทำให้ตลาดปั่นป่วนได้

พูดถึงค่าเงินเยน (JPY) เนี่ย มันก็เหมือนเครื่องชั่งน้ำหนักอันใหญ่ที่คอยกำหนดชะตาของบริษัทญี่ปุ่นเลยนะครับ ‘ค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น‘ ฟังดูเหมือนดีใช่ไหมครับ? แต่มันดันส่งผลกระทบต่อ ‘หุ้นกลุ่มส่งออก’ ของญี่ปุ่นน่ะสิครับ ลองนึกภาพดูนะ ถ้าบริษัทญี่ปุ่นขายของไปต่างประเทศแล้วได้เงินดอลลาร์กลับมา แต่พอมาแลกเป็นเงินเยนแล้วได้น้อยลง เพราะเงินเยนแข็งค่าขึ้น รายได้ของบริษัทเหล่านั้นก็จะหดหายไปไงครับ นั่นหมายความว่ากำไรที่ควรจะได้ก็ลดลงไปด้วย ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทส่งออกเหล่านี้ก็อาจจะปรับตัวลดลงตามไปด้วยนียังไงล่ะครับ คุณอาจจะสงสัยว่า แล้วทำไมค่าเงินเยนถึงขึ้นๆ ลงๆ ได้ขนาดนั้น? คำตอบก็คือมันสัมพันธ์กับ ‘นโยบายการเงิน’ ของธนาคารกลาง และ ‘สถานการณ์เศรษฐกิจโลก’ นั่นแหละครับ ดังนั้น เวลาเรามองหาทิศทางของ หุ้นนิเคอิบ่ายวันนี้ การจับตาดูความผันผวนของค่าเงินเยนจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนอย่างเราๆ ต้องพิจารณาให้ดีเลยล่ะครับ ไม่งั้นอาจจะเสียเปรียบได้นะ
ธนาคารกลางแต่ละประเทศก็เหมือน ‘วาทยกร’ หรือผู้ควบคุมวงดนตรีนะครับ พวกเขามีนโยบายการเงินเป็นเครื่องมือในการบรรเลงเพลงเศรษฐกิจให้เป็นไปตามจังหวะที่ต้องการ อย่าง ‘ธนาคารกลางจีน’ (PBOC) เนี่ย ก็เพิ่ง ‘ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี’ (LPR) ลงไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังซบเซาให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งการเคลื่อนไหวแบบนี้ไม่ได้มีผลแค่ในจีนนะครับ แต่มันสามารถสร้าง ‘แรงกระเพื่อม’ ไปยังตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นญี่ปุ่นด้วย เพราะนักลงทุนก็จับตาดูการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอื่นๆ อย่างอินโดนีเซีย หรือออสเตรเลียด้วยเช่นกัน เพราะนโยบายพวกนี้มันมีผลกระทบต่อตลาดหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญเลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่ามันจะส่งผลต่อภาพรวมของ หุ้นนิเคอิบ่ายวันนี้ ได้ไม่มากก็น้อยเลยครับ ลองคิดดูนะครับว่า ถ้าดอกเบี้ยในประเทศหนึ่งถูกปรับลดลง เงินทุนก็อาจจะไหลออกไปหาที่ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า ทำให้ค่าเงินของประเทศนั้นอ่อนลง และส่งผลกระทบลูกโซ่ไปยังประเทศคู่ค้าคู่แข่งได้หมดเลย
โลกของเราทุกวันนี้ก็เหมือน ‘หมู่บ้านโลก’ ที่ทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมดครับ ไม่ใช่แค่ หุ้นนิเคอิบ่ายวันนี้ เท่านั้นที่ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายนอก แต่ตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลกก็เป็นเช่นกัน อย่างบ้านเรา ‘ดัชนี SET’ (ตลาดหุ้นไทย) ก็มีการปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา หรือแม้แต่ตลาดหุ้นใหญ่อย่าง ‘ดัชนี Dow Jones’ (ตลาดหุ้นสหรัฐฯ) และ ‘Hang Seng’ (ตลาดหุ้นฮ่องกง) ก็มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางบวก โดยรวมแล้ว ‘ตลาดหุ้นเอเชีย’ มักจะมีแนวโน้มผันผวนตามปัจจัยเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศอยู่เสมอ ทำให้การตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์อย่างทองคำหรือน้ำมันดิบ ก็มักจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยตามไปด้วย ไม่ได้หวือหวาเท่าตลาดหุ้น แต่ก็ต้องจับตาดูไม่แพ้กันครับ การที่ตลาดหุ้นสำคัญๆ ทั่วโลกมีทิศทางไปในทางเดียวกัน บ่อยครั้งก็เป็นสัญญาณว่านักลงทุนทั่วโลกกำลังมองเห็นอะไรบางอย่างที่เหมือนกัน แต่ก็อย่าได้ละเลยปัจจัยเฉพาะของแต่ละภูมิภาคเชียวล่ะครับ เพราะบางที ‘อาการหวัด’ ในตลาดหุ้นอีกซีกโลก ก็อาจจะทำให้ตลาดบ้านเรา ‘จาม’ ได้เหมือนกันนะ

และเพื่อให้เข้าใจที่มาที่ไปของดัชนีนิกเกอิมากขึ้น ผมอยากจะเล่าให้ฟังว่า จริงๆ แล้ว บริษัท ‘Nikkei Inc.’ เนี่ย ไม่ได้เป็นแค่สำนักข่าว แต่เป็นผู้พัฒนาและคำนวณดัชนีหุ้นต่างๆ เองเลยนะครับ ซึ่ง ‘Nikkei Stock Average’ นี่แหละคือดัชนีหลักที่เป็นตัวแทนตลาดหุ้นญี่ปุ่นอย่างแท้จริง เหมือนเป็น ‘ตัวชี้วัดสุขภาพ’ ของบริษัทญี่ปุ่นชั้นนำเลยก็ว่าได้ เปรียบไปก็เหมือนกับการมีแพทย์ประจำตัวที่คอยตรวจเช็กร่างกายของเศรษฐกิจญี่ปุ่นอยู่ตลอดเวลา ข้อมูลทั้งหมดที่เราพูดถึงเกี่ยวกับดัชนีต่างๆ ของ Nikkei เนี่ย ถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของ Nikkei เขานะครับ การที่เราเข้าใจโครงสร้างและความสำคัญตรงนี้ จะช่วยให้เรามองภาพรวมของ หุ้นนิเคอิบ่ายวันนี้ ได้อย่างมีมิติมากขึ้น ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่วิ่งขึ้นลงบนหน้าจอเฉยๆ แต่เราจะเข้าใจว่าตัวเลขนั้นกำลังบอกเล่าเรื่องราวอะไรเกี่ยวกับเศรษฐกิจญี่ปุ่นและโลกอยู่
เอาล่ะครับ! หลังจากที่เราได้สำรวจ ‘เบื้องหลัง’ ของ หุ้นนิเคอิบ่ายวันนี้ กันมาพอสมควรแล้ว คงพอเห็นภาพแล้วใช่ไหมครับว่า ตลาดหุ้นไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง แต่มันเป็น ‘ระบบนิเวศ’ ที่เชื่อมโยงกันหมด ตั้งแต่ค่าเงินเยน (JPY) นโยบายของธนาคารกลาง ไปจนถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ดังนั้น สำหรับนักลงทุนอย่างเราๆ ที่สนใจตลาดญี่ปุ่น ไม่ว่าคุณจะเทรดระยะสั้นหรือลงทุนระยะยาว สิ่งสำคัญคือ ‘การติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด’ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน และทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกครับ
⚠️ ที่สำคัญที่สุด คือ อย่าลืมว่า ‘การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ!’ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ ‘เงินทุนหมุนเวียน‘ (Liquidity) ไม่ได้สูงมากนัก หรือเพิ่งเริ่มต้น ผมแนะนำให้ ‘ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม’ และ ‘ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ’ ก่อนตัดสินใจนะครับ การกระจายความเสี่ยงก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะตลาดหุ้นผันผวนได้ตลอดเวลา ไม่มีใครบอกได้ 100% ว่าจะขึ้นหรือลง ลองพิจารณาแพลตฟอร์มที่หลากหลาย เช่น Moneta Markets ที่มีเงื่อนไขการซื้อขายให้เลือกมากมาย ให้คุณได้ศึกษาและทดลองเทรดในบัญชีทดลองก่อนตัดสินใจใช้เงินจริงนะครับ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการลงทุน และสนุกกับการเรียนรู้โลกการเงินที่น่าตื่นเต้นนี้นะครับ!