
เคยไหมครับ วางแผนจะทำอะไรสักอย่างดิบดี แต่ดันไปติดวันหยุดยาวที่ไม่ได้เช็กปฏิทินไว้ล่วงหน้า? ไม่ว่าจะเรื่องเที่ยว เรื่องกิน หรือแม้แต่เรื่องงาน… อารมณ์เสียไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะครับ? ในโลกของการลงทุนก็เช่นกัน โดยเฉพาะกับการซื้อขายหุ้นในตลาดต่างประเทศ หรือการลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ไปผูกโยงกับตลาดเหล่านั้น การรู้จังหวะวันหยุดถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลยครับ
วันนี้ ผมในฐานะคอลัมนิสต์สายการเงินที่คลุกคลีกับเรื่องตัวเลขมานาน ขอพาเพื่อนนักลงทุนทุกท่านมาเจาะลึกปฏิทิน “วันหยุดตลาดหุ้นฮ่องกง” ประจำปี 2568 (2025) กันครับ ทำไมต้องเป็นฮ่องกงน่ะหรือครับ? ก็เพราะฮ่องกงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของเอเชีย เป็นเหมือนประตูบานใหญ่ที่เชื่อมโยงเราไปสู่การลงทุนในจีนแผ่นดินใหญ่ได้อีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนที่สนใจหุ้นกลุ่ม H-Shares หรือกองทุนรวมหุ้นจีนที่ไปลงทุนในตลาดนี้ การรู้เรื่องวันหยุดของที่นี่ จึงไม่ใช่แค่เรื่องปลีกย่อย แต่เป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการลงทุนที่ชาญฉลาดเลยล่ะครับ
**เมื่อปฏิทินไม่ใช่แค่ปฏิทิน: เปิดลิสต์ “วันหยุดตลาดหุ้นฮ่องกง” ปี 2568 ที่นักลงทุนต้องรู้!**
ลองจินตนาการดูนะครับว่า เราเล็งหุ้นตัวเด็ดในตลาดฮ่องกงไว้แล้ว คิดว่า “วันนี้แหละต้องจัด!” แต่พอจะกดซื้อขายกลับทำไม่ได้… หรือตั้งใจจะขายทำกำไรด่วนจี๋ แต่ระบบไม่เปิด! สาเหตุก็เพราะตลาดปิดทำการนั่นแหละครับ และนี่คือลิสต์วันหยุดทำการของตลาดหุ้นฮ่องกงในปี 2568 ที่รวบรวมมาให้แล้วครับ:
* 1 มกราคม: วันขึ้นปีใหม่
* 29 มกราคม: วันตรุษจีน (วันแรก)
* 30 มกราคม: วันตรุษจีน (วันที่สอง)
* 31 มกราคม: วันตรุษจีน (วันที่สาม) – ลองดูสิครับ แค่วันตรุษจีนก็หยุดกันยาว ๆ ไปเลย 3 วันรวด! นักลงทุนที่หวังจะเข้า-ออกในช่วงเทศกาลนี้ ต้องเตรียมตัวให้ดีเลยนะครับ
* 4 เมษายน: วันเช็งเม็ง
* 18 เมษายน: วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์
* 21 เมษายน: วันอีสเตอร์มันเดย์
* 1 พฤษภาคม: วันแรงงาน
* 5 พฤษภาคม: วันวิสาขบูชา
* 1 กรกฎาคม: วันก่อตั้งเขตปกครองพิเศษฮ่องกง
* 1 ตุลาคม: วันชาติ
* 7 ตุลาคม: วันเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง
* 29 ตุลาคม: วันชุงหยาง
* 25 ธันวาคม: วันคริสต์มาส
* 26 ธันวาคม: วันบ็อกซิ่งเดย์
เห็นไหมครับว่า ปฏิทินวันหยุดตลาดหุ้นฮ่องกง มีความแตกต่างจากวันหยุดในบ้านเราพอสมควรเลย อย่างในประเทศไทย วันหยุดหลักๆ ก็จะมีวันขึ้นปีใหม่, วันมาฆบูชา, สงกรานต์, วันแรงงาน, วันวิสาขบูชา, วันเฉลิมพระชนมพรรษา, วันพ่อ, วันรัฐธรรมนูญ เป็นต้น ซึ่งในภาพรวมแล้ว แต่ละตลาดทั่วโลกก็มีวันหยุดที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นสหรัฐฯ (NYSE (ตลาดหุ้นนิวยอร์ก) และ NASDAQ (ตลาดแนสแด็ก)) ที่มีวันหยุดอย่าง Martin Luther King Jr. Day (วันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์), Presidents’ Day (วันประธานาธิบดี), Juneteenth (วันจูเนทีนธ์) หรือ Thanksgiving (วันขอบคุณพระเจ้า) หรือแม้แต่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่มีวันหยุดอย่างวันก่อตั้งชาติ, วันโชวะ, วันทะเล ซึ่งไม่เหมือนกับบ้านเราเลยสักนิดครับ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนหลายท่านเน้นย้ำเสมอว่า การรู้จังหวะวันหยุด ไม่ใช่แค่เรื่องของการวางแผนซื้อขาย แต่ยังรวมถึงการบริหารสภาพคล่องด้วยครับ บางครั้งเราอาจคิดว่า “ไม่เป็นไรหรอก แค่หยุดไม่กี่วัน” แต่ถ้ามีเหตุฉุกเฉินต้องใช้เงิน หรือสถานการณ์ตลาดพลิกผันอย่างรวดเร็วในช่วงที่เราทำรายการไม่ได้ล่ะก็ อาจทำให้เราเสียโอกาส หรือต้องแบกรับความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นได้เลยนะครับ
**วันหยุดตลาดแม่ กับวันหยุดกองทุนรวม… ไม่เหมือนกันเป๊ะเสมอไปนะ!**
ทีนี้ ถ้าคุณเป็นนักลงทุนสายกองทุนรวม โดยเฉพาะกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมหุ้นจีนที่ไปลงทุนในตลาดฮ่องกง หรือกองทุนที่เน้นหุ้น A-Shares (หุ้นจีนที่ซื้อขายในตลาดเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้น) ต้องระวังเรื่องนี้เป็นพิเศษเลยครับ เพราะวันหยุดทำการของกองทุนรวม อาจไม่ตรงเป๊ะกับวันหยุดของตลาดหุ้นแม่เสมอไป!
ยกตัวอย่างเช่น กองทุนรวมหุ้นจีนในไทยบางกอง อาจหยุดยาวตามวันตรุษจีนของตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ เช่น หยุดตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม ถึง 3 กุมภาพันธ์ ในขณะที่ตลาดหุ้นฮ่องกงอาจจะหยุดแค่ 3 วันตามที่กล่าวไป (29-31 มกราคม) ตัวอย่างกองทุนที่หยุดยาวตามตรุษจีนตลาดจีนก็อย่าง SCBCHAA, SCBMLCAA, B‐CHINE‐EQ, UOBSGC, K-CHX, K-CCTV-A(A), ES-COF, ES-STARTECH, T-ES-CHINA A, KFACHINA-A, ASP-CHINA, ASP-EVOCHINA เป็นต้น
แต่ก็มีบางกองที่อาจจะหยุดไม่เท่ากัน เช่น บางกองอาจหยุดแค่วันที่ 28 – 31 มกราคม อย่าง MEGA10CHINA-A, PRINCIPAL CHEQ-A, PRINCIPAL CHTECH-A, KF-CHINA, ASP-HSI หรือบางกองก็หยุดตามวันหยุดตลาดหุ้นฮ่องกงอย่าง 29 – 31 มกราคม เช่น K-CHINA-A(A), K-CHINA-A(D)
นี่เป็นเพียงตัวอย่างจากข้อมูลที่เรามีนะครับ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า นโยบายวันหยุดของแต่ละบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อาจแตกต่างกันไปตามกลยุทธ์การลงทุนและข้อกำหนดภายใน สิ่งสำคัญที่สุดคือ “อย่าเดา” ครับ
**แล้วเราในฐานะนักลงทุน ควรทำยังไงดีล่ะ?**
ง่ายที่สุดและสำคัญที่สุดคือ “ตรวจเช็กปฏิทินวันหยุดให้ละเอียด!” ครับ
1. **สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่ซื้อขายหุ้นต่างประเทศโดยตรง:** ก่อนจะตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้นใดๆ ในตลาดต่างประเทศ เช่น ตลาดหุ้นฮ่องกง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือตลาดหุ้นญี่ปุ่น ควรตรวจสอบปฏิทินวันหยุดของตลาดนั้นๆ จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เสมอครับ เช่น เว็บไซต์ทางการของตลาดหลักทรัพย์นั้นๆ หรือข้อมูลจากโบรกเกอร์ที่คุณใช้บริการอยู่ เพื่อจะได้วางแผนคำสั่งซื้อขายได้อย่างไม่พลาดจังหวะ
2. **สำหรับนักลงทุนกองทุนรวม:** ก่อนจะทำรายการสับเปลี่ยน ซื้อ หรือขายคืนหน่วยลงทุนในกองทุนรวมที่ไปลงทุนต่างประเทศ ควรตรวจสอบปฏิทินวันหยุดทำการของกองทุนนั้นๆ โดยตรงจากเว็บไซต์ของ บลจ. ที่บริหารกองทุนนั้นๆ หรือสอบถามจากเจ้าหน้าที่ผู้แนะนำการลงทุน เพื่อให้แน่ใจว่าวันที่คุณต้องการทำรายการนั้น กองทุนเปิดทำการหรือไม่ เพราะบางครั้งวันหยุดของกองทุนอาจรวมเอาวันหยุดของตลาดหลายแห่งที่กองทุนไปลงทุนด้วย ทำให้หยุดยาวกว่าที่คุณคิดก็เป็นได้
**ข้อคิดปิดท้ายและคำเตือนสำคัญ**

การวางแผนเป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนที่ดีครับ การรู้ว่าวันไหนตลาดจะหยุดทำการ จะช่วยให้เราสามารถ:
* **บริหารสภาพคล่องได้ดีขึ้น:** รู้ว่าช่วงไหนเงินเราจะ “ติดวันหยุด” ทำให้ไม่สามารถทำรายการได้ทันที หากมีเหตุจำเป็นต้องใช้เงิน หรือต้องปรับพอร์ตอย่างเร่งด่วน จะได้เตรียมตัวไว้ก่อน
* **ไม่พลาดจังหวะสำคัญ:** เช่น กรณีมีข่าวดี-ข่าวร้าย ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบกับราคาหุ้นอย่างรุนแรง เมื่อตลาดเปิดทำการอีกครั้ง เราจะได้เตรียมพร้อมรับมือได้ทัน
* **ลดความหงุดหงิดจากการรอคอย:** ไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าทำไมคำสั่งซื้อขายถึงไม่สำเร็จ หรือทำไมถึงยังไม่ได้รับเงินคืนเสียที
**⚠️ คำเตือนสำคัญ:** หากคุณเป็นนักลงทุนที่ต้องการสภาพคล่องสูง หรือเป็นคนที่ต้องหมุนเงินไว มีแผนจะใช้เงินในระยะเวลาอันใกล้ การลงทุนในช่วงใกล้หรือวันหยุดยาวของตลาดที่เราลงทุน อาจต้องพิจารณาให้รอบคอบเป็นพิเศษ เพราะเงินของเราอาจไป “ติดวันหยุด” ทำให้ไม่สามารถทำรายการได้ตามต้องการ และอาจพลาดโอกาส หรือเผชิญกับความเสี่ยงที่ไม่คาดคิดได้ครับ
จำไว้เสมอว่า “ปฏิทินไม่ใช่แค่แผ่นกระดาษ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงและโอกาสในการลงทุนของคุณ” ตรวจสอบให้ดีก่อนลงทุนนะครับ!