
เคยสงสัยไหมว่าทำไมช่วงนี้ใครๆ ก็พูดถึงหุ้นเทคโนโลยีอเมริกา หรือดัชนีแนสแด็ก (NASDAQ) กันจังเลย? มีอยู่ตัวหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นเหมือนตัวแทนของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีเจ๋งๆ ในอเมริกา นั่นก็คือ ดัชนี US100 (us100) นี่แหละครับ วันนี้เราจะมาคุยกันแบบสบายๆ เหมือนนั่งจิบกาแฟ ว่าเจ้า us100 (us100) นี่มันคืออะไร แล้วทิศทางของมันตอนนี้เป็นยังไงกันแน่ มีอะไรที่เราต้องรู้บ้าง
ลองคิดภาพว่าตลาดหุ้นแนสแด็กก็เหมือนเวทีใหญ่ๆ ที่รวบรวมบริษัทสุดล้ำไว้เพียบ ส่วนเจ้า us100 (us100) นี่ก็คือดัชนีที่วัดผลงานของ 100 บริษัทนอกภาคการเงินที่ใหญ่ที่สุดและมีสภาพคล่องสูงที่สุดบนเวทีนี้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่เราคุ้นชื่อกันดีนั่นแหละครับ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทมือถือยักษ์ใหญ่ หรือบริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลก ดัชนี us100 (us100) เลยกลายเป็นเหมือนมาตรวัดสำคัญว่าสุขภาพของภาคเทคโนโลยีอเมริกาเป็นยังไง
ทีนี้มาดูทิศทางของ us100 (us100) ในช่วงนี้กันบ้าง ฟังแล้วอาจจะงงๆ หน่อย เพราะมันเหมือนมีหลายเสียงหลายความคิดเห็นตีกันไปหมดครับ บางคนก็มองว่า เอ๊ะ ตลาดมันขึ้นมาเยอะแล้วนะ อาจจะถึงช่วงที่ต้องพักหายใจ หรือที่เรียกว่า “ปรับฐาน” (Correction) กันบ้างในระยะสั้นๆ (เป็นการแก้ไขราคา) ก่อนที่จะไปต่อไกลๆ ส่วนนักวิเคราะห์กราฟบางคนก็มองเห็น “รูปแบบ” บนกราฟราคาที่ดูแล้วมีแนวโน้มว่าจะขึ้นได้อีกยาวๆ เลยครับ เหมือนกำลังสร้างฐานที่แข็งแกร่งอยู่

แต่ก็มีมุมมองที่เตือนให้ระวังเหมือนกันนะ เขาบอกว่าตลาดอาจจะกำลังถูก “ซื้อมากเกินไป” (Overbought) แล้ว และอยู่ในช่วงที่เหมือนนักกีฬาที่วิ่งมาเหนื่อยๆ ต้องหยุดพักสะสมพลังก่อนที่จะไปต่อ หรืออาจจะมีการเปลี่ยนทิศทางได้ ถ้ามองในระยะสั้น บางคนก็เชื่อว่าราคาอาจจะต้องปรับลงมาหน่อย เพื่อไป “เติมเต็มช่องว่างราคา” (Fair Value Gap) ที่เกิดขึ้น หรือลงไป “ทดสอบโซนแนวรับ” ที่สำคัญ ก่อนที่จะเด้งกลับขึ้นไปได้
ในทางกลับกัน ก็มีพวกมองโลกในแง่บวกสุดๆ เหมือนกันครับ พวกนี้เชื่อว่า us100 (us100) อาจจะกำลังเตรียมตัวเข้าสู่ช่วงที่เรียกว่า “Parabolic Rally” (พาราโบลิก แรลลี่) ซึ่งก็คือการปรับตัวขึ้นแบบรุนแรงและรวดเร็วมากๆ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต หลังจากที่ราคามัน Breakout (ทะลุแนวต้านสำคัญ) และมีการ Re-test (กลับมาทดสอบแนวที่เพิ่งทะลุไป)
แล้วมีเกร็ดน่าสนใจทางประวัติศาสตร์สำหรับดัชนีแนสแด็ก 100 ด้วยนะ คือเคยมีสัญญาณทางเทคนิคที่เรียกว่า “Death Cross” (สัญญาณขาย) ซึ่งปกติแล้วดูไม่ค่อยดี แต่สำหรับดัชนีนี้โดยเฉพาะ ในอดีต 9 ใน 10 ครั้ง สัญญาณนี้มักจะตามมาด้วยการปรับตัวขึ้นในที่สุด! ฟังแล้วอาจจะดูย้อนแย้งหน่อย แต่ก็เป็นข้อมูลทางสถิติในอดีตที่น่าสนใจครับ

นอกจากการดูแนวโน้มจากกราฟแล้ว ปัจจัยภายนอกก็สำคัญมากๆ ครับ เหมือนตอนเราจะออกจากบ้าน ต้องดูว่าฝนจะตกไหม รถจะติดรึเปล่า สำหรับ us100 (us100) ผู้มีอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งก็คือ ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ “เฟด” (Federal Reserve) (แปล Federal Reserve) นี่แหละครับ การตัดสินใจเรื่อง “อัตราดอกเบี้ย” ของเฟดมีผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและทิศทางของตลาด ถ้าเฟดขึ้นดอกเบี้ย มันก็เหมือนค่าเช่าเงินแพงขึ้น การกู้ยืมไปลงทุนก็ลดลง ตลาดก็อาจจะซึมๆ หน่อย แต่ถ้าเฟดลดดอกเบี้ย หรือส่งสัญญาณว่าจะผ่อนคลายขึ้น ตลาดก็อาจจะคึกคักได้
อีกเรื่องที่ขาดไม่ได้คือ “ตัวเลขเศรษฐกิจ” ของอเมริกาครับ เหมือนกับผลสอบปลายภาคเลย ตัวเลขสำคัญๆ เช่น “การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)” (แปล GDP), “อัตราเงินเฟ้อ” (Inflation Rate) (แปล Inflation Rate) ที่บอกว่าข้าวของแพงขึ้นแค่ไหน, หรือ “ตัวเลขการจ้างงาน” (Employment Figures) (แปล Employment Figures) ที่บอกว่าคนมีงานทำกันเยอะไหม พวกนี้เป็นเหมือนรายงานสุขภาพของเศรษฐกิจอเมริกา ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีที่อยู่ใน us100 (us100) โดยเฉพาะตัวเลข “ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)” (แปล Consumer Price Index) นี่บางทีความผันผวนที่เกี่ยวข้องกับมันสามารถทำให้ราคาเคลื่อนไหวรุนแรงและต่อเนื่องไปในทิศทางขาลงได้เลยนะครับ
แน่นอนว่าหัวใจหลักของ us100 (us100) ก็คือ “บริษัท” ที่อยู่ในนั้นนั่นแหละครับ ผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่แต่ละแห่งมีอิทธิพลมหาศาลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนี us100 (us100) ลองนึกภาพว่าถ้าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่อยู่ในดัชนีประกาศผลกำไรดีกว่าที่คาดไว้เยอะๆ ราคาหุ้นของพวกเขาก็จะพุ่งขึ้น และดึง us100 (us100) ขึ้นตามไปด้วย ในทางกลับกัน ถ้าออกมาแย่ ตลาดก็อาจจะผิดหวังและราคาก็จะปรับลง นอกจากผลประกอบการแล้ว แนวโน้มและพัฒนาการในวงการเทคโนโลยีเองก็สำคัญ เช่น มีนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นไหม มีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่คนต้องการมากๆ รึเปล่า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยขับเคลื่อนราคาหุ้นในกลุ่มนี้ทั้งสิ้น
ถ้าจะดูตัวเลขจริงๆ จังๆ จากข้อมูลล่าสุดที่เรามี (จากแหล่งข้อมูลอย่าง Trading Economics หรือ Nasdaq Data Link) ดัชนี us100 (us100) เนี่ย ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 19891 จุด อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในแต่ละวัน แต่ถ้ามองย้อนหลัง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวลดลงไปประมาณ 6.52% ครับ แต่ถ้ามองภาพใหญ่ขึ้นในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา us100 (us100) ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างน่าทึ่งถึง 31.99%! เห็นไหมครับว่าระยะสั้นกับระยะยาวอาจจะเล่าเรื่องคนละแบบกันเลย
สำหรับการคาดการณ์ราคาในอนาคต (ตามแบบจำลองของบางแหล่งข้อมูล) เขาก็พอจะบอกแนวโน้มได้คร่าวๆ ครับ เช่น คาดว่าราคาอาจจะไปอยู่ที่ประมาณ 18865 จุด ภายในสิ้นไตรมาสนี้ และอาจจะอยู่ที่ 18522 จุด ในอีกหนึ่งปีข้างหน้า (ตัวเลขพวกนี้มาจากแบบจำลองนะ ไม่ใช่การรับประกัน) ลองดูดัชนีที่เกี่ยวข้องอย่าง NYSE US 100 Index เป็นตัวอย่างก็ได้ ในอดีตมันเคยขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2013 จนถึงต้นปี 2020 ก่อนจะเจอวิกฤตโควิดแล้วปรับฐานแรง แต่ก็ฟื้นตัวขึ้นมาสู่ระดับสูงได้ในปี 2025 (อันนี้เป็นข้อมูลในอดีตตามกราฟตัวอย่าง/การคาดการณ์เก่า) ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่าตลาดมันมีการขึ้นลงเป็นวัฏจักร
สรุปแล้ว ดัชนี us100 (us100) เป็นอะไรที่น่าจับตามองมากๆ ครับ มันเหมือนศูนย์รวมเรื่องราวของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ทิศทางของมันซับซ้อน มีทั้งแรงหนุนจากนวัตกรรม ผลประกอบการที่ดี และแรงกดดันจากนโยบายการเงินหรือตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ตอนนี้ภาพรวมก็เหมือนกำลังอยู่ในช่วงที่หลายฝ่ายกำลังประเมินกันอยู่ มีทั้งโอกาสปรับตัวลงในระยะสั้นตามที่บางคนเห็น แต่ก็มีศักยภาพที่จะพุ่งขึ้นไปได้อีกมากตามที่บางส่วนมอง
การจะลงทุนใน us100 (us100) หรือเครื่องมือที่อิงกับดัชนีนี้ ไม่ว่าจะเป็นกองทุน หรือการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Moneta Markets ที่มีเงื่อนไขการซื้อขายหลากหลายให้เลือก (อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างแพลตฟอร์มนะ ไม่ได้แนะนำให้ใช้ที่ไหนเป็นพิเศษ) สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้อง “ทำการบ้าน” ด้วยตัวเองครับ อย่าเพิ่งกระโดดเข้าใส่เพราะเห็นคนอื่นบอกว่าดี ต้องเข้าใจว่าอะไรคือปัจจัยที่ทำให้ us100 (us100) เคลื่อนไหว หาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และที่สำคัญที่สุดคือ เข้าใจ “ความเสี่ยง” ของตัวเอง
⚠️ เตือนไว้เลยว่า ถ้าเงินทุนที่คุณจะนำมาลงทุนมันไม่ใช่เงินเย็นมากๆ หรือสภาพคล่องไม่สูงนัก หรือคุณยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้ดีพอ แนะนำว่าให้ประเมินให้ดีมากๆ ก่อนตัดสินใจนะครับ การลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนอาจได้รับเงินคืนไม่ครบ หรืออาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ ดังนั้น ลงทุนอย่างมีสติและรอบคอบนะครับ.