เพื่อนๆ เคยสงสัยไหมว่า ทำไมข่าวเศรษฐกิจที่เราเห็นในทีวี หรืออ่านตามเว็บถึงดูซับซ้อนจัง? บางวันก็บอกหุ้นขึ้น บางวันก็บอกหุ้นลง แถมยังมีเรื่องตัวเลขโน้นนี้ นโยบายรัฐบาลอีกมากมาย… โดยเฉพาะเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องราวที่เกี่ยวโยงกับ ดัชนี S&P 500 ซึ่งเป็นเหมือนตัวแทนของบริษัทใหญ่ๆ ในอเมริกา และจะพาไปดูว่าสำหรับคนไทยอย่างเรา จะลงทุนในตลาดนี้ผ่าน กองทุน s&p 500 ได้ยังไงบ้าง ในยุคที่อะไรๆ ก็ดูไม่แน่นอนแบบนี้

ช่วงนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เหมือนคนกำลังเลือกข้าง… ฟิวเจอร์สช่วงเช้าวันพุธก็แกว่งๆ ไม่ค่อยชัดเจน ทั้งๆ ที่ตลาดพยายามจะบวกต่อเป็นวันที่สามแล้วนะ นักลงทุนบางส่วนยังมองโลกในแง่ดีอยู่บ้าง แม้จะมีประเด็นเรื่องภาษีขึ้นมาก็ตาม ส่วนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ก่อนหน้านี้แข็งโป๊ก ก็อ่อนลงมานิดหน่อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ แต่ในภาพรวมที่ดูเทาๆ ก็มีดาวเด่นพุ่งทะลุโลกอย่าง Nvidia (NVDA) ที่ราคายังบวกต่อเนื่อง ชนิดที่มูลค่าตลาดแซง Microsoft ขึ้นแท่นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกไปเรียบร้อยแล้ว! อันนี้ก็น่าจับตาดูว่าจะมีอะไรมานำเสนอในงานประชุมเทคโนโลยีอีกไหม ส่วน Dollar Tree (DLTR) ก็มีเรื่องให้ลุ้น ผลประกอบการดีกว่าคาดแต่ไตรมาสหน้าจะโดนภาษีเล่นงานหนัก กำไรหดไปเกือบครึ่ง ก่อนจะฟื้นตัวปลายปี ขณะที่ Apple (AAPL) นักวิเคราะห์ยังมองว่าพื้นฐานแกร่ง เรื่องภาษีหรือการเมืองไม่น่ากวนใจเท่าผลประกอบการที่แข็งแรงและการบริหารความคาดหวัง แถมยังมีข่าวลือว่าจีนอาจจะสั่งซื้อเครื่องบิน Airbus ล็อตใหญ่ ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นท่าทีที่ส่งถึงสหรัฐฯ แบบอ้อมๆ ด้วย

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตลาดแกว่งๆ ก็มาจากตัวเลขเศรษฐกิจนี่แหละครับ ล่าสุดรายงาน ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ที่สำรวจโดย ADP ออกมาเมื่อเดือนพฤษภาคม บอกเลยว่า ‘เหงา’ มาก! มีงานเพิ่มขึ้นแค่ 37,000 ตำแหน่งเท่านั้น ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้เยอะมาก (เค้าคาดกัน 114,000 ตำแหน่ง) นี่คือตัวเลขการเพิ่มขึ้นที่ต่ำสุดในรอบกว่าสองปีเลยนะ แถมยังน้อยกว่าเดือนก่อนหน้าที่ 60,000 ตำแหน่งอีก พอเห็นตัวเลขนี้ปุ๊บ ประธานาธิบดี ทรัมป์ ก็ออกอาการไม่พอใจทันที กระตุ้น ประธาน Fed นายเจอโรม พาวเวลล์ แบบตรงๆ เลยว่า ‘ลดอัตราดอกเบี้ยลงซะเดี๋ยวนี้!’ ซึ่งก็น่าคิดว่าตัวเลขการจ้างงานที่ชะลอตัวแบบนี้ จะเป็นแรงกดดันให้ Fed ต้องคิดหนักเรื่องทิศทาง อัตราดอกเบี้ย ในอนาคตอันใกล้หรือไม่
เรื่องการค้าก็ยังเป็นอีกประเด็นร้อนที่ต้องจับตา สหรัฐฯ เพิ่งขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมเป็น 50% เริ่มบังคับใช้ไปแล้วเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ยกเว้นแค่สหราชอาณาจักรเท่านั้น วันพุธก็เป็นวันเส้นตายที่ประเทศคู่ค้าต้องยื่น ‘ข้อเสนอที่ดีที่สุด’ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีตอบโต้ที่จะเก็บในเดือนกรกฎาคม ซึ่งบรรยากาศการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนก็ดูจะไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะหลังจาก ประธานาธิบดี ทรัมป์ โพสต์ข้อความทำนองว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เป็นคนที่ ‘ทำข้อตกลงด้วยได้ยากอย่างยิ่ง’ ข้อตกลงสงบศึกการค้าที่เจนีวา ก็ดูเปราะบางลงเรื่อยๆ ท่ามกลางประเด็นความขัดแย้งอื่นๆ ทั้งเรื่องการส่งออกชิป, แร่หายาก, ประเด็นไต้หวัน หรือแม้กระทั่งเรื่องวีซ่า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่เพิ่มความผันผวนให้กับตลาดการลงทุนได้
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะเริ่มรู้สึกว่า โอ้โห… ตลาดมันดูซับซ้อนและผันผวนจัง แล้วถ้าเราอยากจะ ‘ลงทุน’ ในตลาดหุ้นใหญ่ๆ อย่างสหรัฐฯ ล่ะ จะทำยังไง? หนึ่งในวิธีที่นักลงทุนไทยนิยมใช้กัน คือการลงทุนผ่าน กองทุนรวม ที่ไปลงทุนต่อในดัชนีหลักๆ ของสหรัฐฯ อย่าง ดัชนี S&P 500 ซึ่งเป็นดัชนีที่รวมหุ้นของ 500 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดในอเมริกา เป็นตัวแทนภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ดีมากๆ กองทุนเหล่านี้มักจะลงทุนใน กองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) ของสหรัฐฯ อีกที ซึ่งเราเรียก กองทุนไทย ว่า กองทุนหลัก (Feeder Fund) นอกจาก S&P 500 ก็ยังมีกองทุนที่ลงทุนใน Nasdaq 100 ซึ่งเน้นหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ด้วย ใครชอบหุ้นสายเทคฯ ก็อาจจะมองตัวนี้

แต่ กองทุน s&p 500 ที่มีในไทยก็ไม่ได้เหมือนกันเป๊ะๆ นะครับ มีหลาย บลจ. (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน) ที่เสนอขาย สิ่งที่แตกต่างกันชัดเจนมากๆ คือเรื่อง การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน บางกองป้องกันเกือบทั้งหมด บางกองป้องกันตามดุลยพินิจ บางกองก็ ‘ไม่ป้องกันเลย’ ซึ่งตรงนี้แหละที่ส่งผลต่อ ผลตอบแทน ที่เราจะได้รับ เพราะถ้าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เราที่ลงทุนเป็นเงินบาทก็จะเสียเปรียบ (ถ้าไม่ได้ป้องกันความเสี่ยง) ตรงนี้ต้องดูนโยบายของแต่ละกองทุนให้ดีเลยครับ นอกจากนี้ยังมีเรื่องค่าธรรมเนียม นโยบายจ่ายปันผล หรือเงินลงทุนขั้นต่ำที่แตกต่างกันไป ใครสนใจ กองทุน s&p 500 ก็ลองเปรียบเทียบข้อมูลเหล่านี้ดูครับ
สรุปภาพรวมตอนนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังอยู่ในช่วงที่เต็มไปด้วยปัจจัยให้ต้องคิดเยอะ ทั้งตัวเลขเศรษฐกิจที่ดูอ่อนแรงลง การเมืองเรื่องการค้าที่ยังตึงเครียด และแรงกดดันต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ย แต่สำหรับนักลงทุนที่มองการลงทุนระยะยาวและสนใจตลาดใหญ่ระดับโลกอย่าง S&P 500 การลงทุนผ่าน กองทุน s&p 500 ในไทยก็ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ก่อนตัดสินใจลงทุน อย่าลืมศึกษาข้อมูลของแต่ละกองทุนให้ดี ทั้งนโยบาย การป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ผลตอบแทนย้อนหลัง ค่าธรรมเนียม และที่สำคัญที่สุดคือ ‘ความเสี่ยง’ ที่เรายอมรับได้ และพิจารณาความเหมาะสมกับการเงินส่วนบุคคลเสมอ โดยเฉพาะเรื่องสภาพคล่องทางการเงินของตัวเองด้วยนะครับ
⚠️ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน