
คุณผู้อ่านเคยไหมครับ? เวลาเดินผ่านร้าน S&P สีฟ้าๆ ขาวๆ แล้วกลิ่นหอมๆ ของเค้กหรือเบเกอรี่อบใหม่ๆ ก็ลอยมาเตะจมูก หรือบางทีก็เป็นกลิ่นอาหารไทยที่คุ้นเคย… ร้านนี้อยู่คู่คนไทยมานานมาก จนบางทีเราก็สงสัยว่า เอ๊ะ! แล้วใครคือ s&p เจ้าของ ตัวจริงกันนะ? อาณาจักรอาหารและเบเกอรี่ที่เราเห็นอยู่ทั่วบ้านทั่วเมืองนี้ มีเบื้องหลังที่มาอย่างไร? วันนี้ผมในฐานะคอลัมนิสต์สายการเงินที่จะพาทุกคนไปรู้จัก S&P ในมุมที่ลึกกว่าแค่ร้านอาหารทั่วไปครับ
เรื่องราวของ S&P ไม่ได้เริ่มจากร้านใหญ่โตอะไรเลยครับ ย้อนกลับไปปี พ.ศ. 2516 เริ่มต้นจากร้าน S&P Ice-Cream Corner เล็กๆ ในซอยสุขุมวิท 23 (ซอยประสานมิตร) โดยกลุ่มผู้ก่อตั้งที่เป็นสายเลือดเดียวกันคือ คุณภัทรา ศิลาอ่อน และพี่น้องจากทั้งตระกูลไรวาและตระกูลศิลาอ่อนนี่แหละครับ ที่ถือเป็น s&p เจ้าของ ยุคบุกเบิก ตั้งใจสร้างร้านที่อบอุ่น เป็นกันเอง เป็นเหมือน ‘บ้าน’ ที่ทุกคนในครอบครัวและเพื่อนฝูงมารวมตัวกันทานอาหารอร่อยๆ พอเปิดแล้วได้รับการตอบรับดีมาก ก็เลยค่อยๆ ขยาย เพิ่มเมนูอาหารคาว เบเกอรี่ ทำเค้กแต่งหน้าตามสั่งที่ถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ในยุคนั้น สร้างโรงงานเบเกอรี่ของตัวเอง จนกลายเป็นร้านอาหารติดแอร์แห่งแรกๆ ของบ้านเราที่ผู้คนในยุคนั้นนิยมไปใช้บริการครับ ความสำเร็จนี้เองที่เป็นรากฐานสำคัญให้อาณาจักร S&P เติบโตต่อมาจนถึงทุกวันนี้

จากร้านเล็กๆ S&P ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว มีสาขาไปทั่วประเทศ ทั้งในห้างสรรพสินค้าและตามถนนสายหลัก ไม่ใช่แค่ S&P Restaurant & Bakery ที่เราคุ้นเคยนะครับ s&p เจ้าของ ยังแตกไลน์และนำเข้าแบรนด์ร้านอาหารอื่นๆ อีกเพียบ เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค เช่น ร้านกาแฟ BlueCup Coffee ที่หลายคนชอบแวะไปนั่งทำงานหรือจิบกาแฟชิลๆ หรือจะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังอย่าง MAISEN (ทงคัตสึ) ที่คอหมูทอดต้องรู้จัก หรือร้านอาหารไทยพรีเมียมอย่าง ภัทรา (Patara Fine Thai Cuisine) ที่ไปโด่งดังในต่างประเทศ รวมถึงร้านอาหารญี่ปุ่นระดับ Kaiseki อย่าง UMENOHANA ด้วย ข้อมูลปี 2562 S&P มีร้านอาหารและเบเกอรี่รวมกันในไทยกว่า 500 สาขาเลยทีเดียว แบ่งเป็น S&P Bakery Shop ประมาณ 356 สาขา และ S&P Restaurant & Bakery 144 สาขา นี่ยังไม่นับรวมแบรนด์ย่อยอื่นๆ อีกนะครับ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีสาขาในต่างประเทศอีก 17 สาขา ใน 5 ประเทศ ณ สิ้นปี 2562 ทั้งในอังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย จีน และกัมพูชาครับ เรียกว่าเป็นอาณาจักรอาหารและเบเกอรี่ที่ใหญ่มากๆ ขยายตัวไปได้ไกลจริงๆ
ในมุมของธุรกิจและตัวเลข S&P ก็เป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2532 ครับ (ชื่อย่อหุ้นคือ SET: SNP) ซึ่งการเป็นบริษัทมหาชนก็ทำให้โครงสร้างการบริหารงานมีความชัดเจนและโปร่งใสมากขึ้น โดยมีคณะกรรมการบริษัทและผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาดูแล แต่ก็ยังคงมีทายาทและผู้บริหารจากตระกูลผู้ก่อตั้งอยู่ในตำแหน่งสำคัญๆ อย่างที่เรารู้จักกันในนาม s&p เจ้าของ รุ่นปัจจุบัน ก็มีทั้ง คุณภัทรา ศิลาอ่อน ในตำแหน่งประธานกรรมการ, คุณเกษสุดา ไรวา เป็นประธานกรรมการบริหาร และคุณวิทูร ศิลาอ่อน เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นี่คือบุคคลหลักๆ ที่ขับเคลื่อนองค์กรในทุกวันนี้ครับ นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการท่านอื่นๆ และทีมผู้บริหารอีกมากมายที่ดูแลแต่ละสายงาน ทั้งการเงิน การผลิต ปฏิบัติการ การตลาด และการพัฒนาธุรกิจ แสดงให้เห็นถึงโครงสร้างองค์กรที่แข็งแกร่งและมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านครับ
ผลประกอบการของ S&P ก็แสดงให้เห็นถึงความท้าทายและการปรับตัวในแต่ละช่วงเวลาครับ อย่างในปี พ.ศ. 2561 มีรายได้ 7,710 ล้านบาท กำไร 400 ล้านบาท ปี พ.ศ. 2562 รายได้ 7,389 ล้านบาท กำไร 314 ล้านบาท แต่ใช่ว่าจะราบรื่นตลอดนะครับ อย่างช่วงปี พ.ศ. 2563 ที่โควิด-19 ระบาดหนัก ธุรกิจร้านอาหารก็โดนผลกระทบเต็มๆ เพราะคนต้องอยู่บ้าน ทำให้ S&P รายได้ลดลงถึง 30% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนั้น จากที่เคยมีกำไร 110 ล้านบาทในครึ่งปีแรกของปี 2562 ก็พลิกมาขาดทุนไป 77 ล้านบาทในครึ่งปีแรกของปี 2563 เลยทีเดียวครับ บางแบรนด์อย่าง VANILLA ก็ต้องปิดตัวลงถาวรด้วยซ้ำ นี่แสดงให้เห็นถึงความท้าทายที่ s&p เจ้าของ และทีมผู้บริหารต้องเผชิญอย่างหนัก แต่ด้วยการปรับตัวอย่างรวดเร็ว เช่น การเน้นช่องทางเดลิเวอรี่ (โทร 1344) การขายแบบซื้อกลับบ้าน และชื่อเสียงที่สั่งสมมา พอสถานการณ์คลี่คลาย กิจการของ S&P ก็ฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็วครับ จนปี พ.ศ. 2566 ก็กลับมามีรายได้รวมกว่า 6,290 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 485 ล้านบาท ถือเป็นการฟื้นตัวที่น่าประทับใจทีเดียว

นอกจากธุรกิจร้านอาหารและเบเกอรี่หลักๆ แล้ว S&P ยังขยายไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยครับ เช่น ธุรกิจอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน ผลิตภัณฑ์ไส้กรอก บริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ภายใต้ชื่อ Caterman ซึ่งให้บริการจัดเลี้ยงในงานต่างๆ ทั้งงานเล็กงานใหญ่ หรือแม้กระทั่งการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์บางส่วนของบริษัทเองด้วยครับ เรียกได้ว่า s&p เจ้าของ พยายามต่อยอดความเชี่ยวชาญในธุรกิจอาหารและบริการไปในหลากหลายมิติ เพื่อสร้างการเติบโตและกระจายความเสี่ยงครับ การมีโรงงานผลิตของตัวเอง ทั้งโรงงานเบเกอรี่หลายแห่งและโรงงานผลิตอาหารแช่แข็ง ก็เป็นอีกจุดแข็งที่ช่วยควบคุมคุณภาพและต้นทุนได้เป็นอย่างดี
ปิดท้ายกันที่มุมของทายาทรุ่นใหม่ของตระกูลผู้ก่อตั้งกันบ้างครับ นอกจากผู้บริหารระดับสูงที่กล่าวไปแล้ว ทายาทรุ่นใหม่บางส่วนก็เข้ามาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจหรือมีบทบาทในวงการอื่นๆ ที่น่าสนใจ อย่างคุณเนม-ปราการ ไรวา บุตรชายคนโตของคุณประเวศวุฒิ และคุณเกษสุดา ไรวา ซึ่งเป็น s&p เจ้าของ ในเจเนอเรชั่นถัดมา หลายคนอาจจะรู้จักในฐานะนักร้องนำวง Getsunova หรือเคยออกรายการดังๆ อย่าง The Mask Singer ซึ่งคุณเนมเองก็มีธุรกิจส่วนตัวและยังเข้ามาเรียนรู้และช่วยงานในบางส่วนของ S&P ด้วยครับ นี่แสดงให้เห็นว่า แม้จะมีการบริหารแบบมืออาชีพ แต่สายสัมพันธ์ของตระกูลผู้ก่อตั้งก็ยังคงเชื่อมโยงและพร้อมที่จะส่งต่อกิจการในอนาคตครับ
สรุปแล้ว S&P ไม่ใช่แค่ร้านอาหารหรือร้านเบเกอรี่ธรรมดาๆ ครับ แต่เป็นบริษัทที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 50 ปี สร้างขึ้นมาโดยกลุ่ม s&p เจ้าของ จากตระกูลศิลาอ่อนและไรวา ที่มองเห็นโอกาสและค่อยๆ ปั้นธุรกิจจากร้านเล็กๆ จนกลายเป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ มีแบรนด์ลูกมากมาย มีสาขาทั่วประเทศและในต่างประเทศ มีธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องมากมาย ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายครั้ง รวมถึงวิกฤตใหญ่ๆ อย่างโควิด-19 ก็ยังสามารถยืนหยัดและฟื้นตัวได้ นี่แสดงให้เห็นถึงรากฐานที่แข็งแกร่ง การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ และวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลครับ สำหรับใครที่สนใจศึกษาเรื่องราวบริษัทไทย หรือกำลังมองหาโอกาสในการเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจอาหาร (⚠️ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลนี้เป็นเพียงภาพรวม ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุนโดยตรง การลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษาข้อมูลบริษัทและปัจจัยอื่นๆ ให้รอบคอบก่อนตัดสินใจเสมอครับ) เรื่องราวของ S&P ก็เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจมากๆ ครับ เป็นเหมือนบทเรียนมีชีวิตของการสร้างและบริหารอาณาจักรธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จและยั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้ครับ