Dow: เคมีภัณฑ์ใกล้ตัว สร้างรายได้ให้คุณ…รู้ลึกก่อนลงทุน!

สวัสดีครับนักอ่านที่รักทุกท่าน ใครที่ติดตามคอลัมน์การเงินแบบบ้านๆ ของผมคงจะพอคุ้นเคยกับการพาไปเจาะลึกเรื่องใกล้ตัวที่ไม่คิดว่าเป็นเรื่องการเงิน หรือพาไปทำความรู้จักกับ “ยักษ์ใหญ่” ในวงการต่างๆ ที่อาจจะไม่ได้มีชื่อติดหูคนทั่วไปเท่าบริษัทมหาชนในตลาดหุ้นไทย แต่กลับมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและชีวิตประจำวันของเรา วันนี้ผมอยากชวนคุยเรื่องราวของบริษัทหนึ่งที่มีรากฐานในไทยมาอย่างยาวนานมากๆ มากจนบางทีเราอาจจะไม่ทันสังเกตเห็นผลิตภัณฑ์หรือส่วนประกอบที่มาจากบริษัทนี้ แต่กลับอยู่รอบตัวเราแทบจะทุกที่ นั่นก็คือ บริษัท dow ครับ

ถ้าพูดถึง บริษัท dow หลายคนอาจจะนึกภาพไม่ค่อยออกว่าเป็นบริษัทเกี่ยวกับอะไร แต่ถ้าผมบอกว่า พลาสติกในบรรจุภัณฑ์อาหาร ขวดน้ำดื่ม ชิ้นส่วนรถยนต์ วัสดุก่อสร้าง สีทาบ้าน หรือแม้แต่ฉนวนกันความร้อนในตึกสูงๆ ส่วนหนึ่งมาจากเคมีภัณฑ์และวัสดุศาสตร์ที่พัฒนาโดยบริษัทนี้ล่ะครับ คุณผู้อ่านอาจจะเริ่มร้อง “อ๋อ” ในใจก็ได้ บริษัทนี้ไม่ใช่บริษัทที่เพิ่งเข้ามาทำธุรกิจในไทยนะครับ แต่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 5 ทศวรรษแล้ว ลองจินตนาการดูว่านานแค่ไหน กว่า 50 ปีที่แล้ว เขาก็เข้ามาตั้งรกรากในบ้านเราแล้ว โดยเริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510 และที่น่าสนใจคือ บริษัท dow ไม่ได้มาคนเดียว แต่ยังได้ร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ยักษ์ใหญ่ของไทยอย่าง เอสซีจี (ซึ่งปัจจุบันคือ เอสซีจีซี) ก่อตั้งกลุ่มบริษัทร่วมทุนขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 เลยทีเดียว นั่นแปลว่าเขามีการทำงานร่วมกับคนไทยและเข้าใจตลาดไทยมานานมากๆ ครับ

ทีนี้มาดูกันว่า บริษัท dow เขาทำธุรกิจอะไรในไทยบ้าง หลักๆ เลยครับ บริษัท ดาว เคมิคอล ประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงสร้างบริษัทในเครือ บริษัท dow ที่ดำเนินงานในไทยเนี่ย เขาเน้นไปที่การซื้อขายและผลิตเม็ดพลาสติกและพลาสติกขั้นต้น ซึ่งเป็นเหมือนวัตถุดิบสำคัญที่จะถูกนำไปแปรรูปต่อเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เรียกว่า “วัสดุประสิทธิภาพสูงและสารเคลือบผิว” รวมถึง “เคมีภัณฑ์เพื่ออุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน” และ “พลาสติกสำหรับบรรจุภัณฑ์และพลาสติกชนิดพิเศษ” ถ้าจะสรุปง่ายๆ คือ ธุรกิจหลักของ บริษัท dow ในไทยก็คือการผลิตและจำหน่ายเคมีภัณฑ์และพลาสติกที่เป็นหัวใจของอุตสาหกรรมหลายประเภทนั่นเองครับ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ที่เราเห็นกันทุกวัน การก่อสร้างอาคารบ้านเรือน อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ผลิตรถยนต์สำหรับเราขับ อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เรียกได้ว่า ครอบคลุมแทบจะทุกภาคส่วนที่จำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คนเลยครับ

และถ้าจะถามว่า บริษัท dow เขามีฐานการผลิตอยู่ที่ไหนในไทย? คำตอบก็คือ จังหวัดระยองครับ ซึ่งเป็นเหมือนศูนย์กลางอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของประเทศ ที่นั่น บริษัท dow มีฐานการผลิตถึง 13 โรงงาน กระจายอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสำคัญๆ ทั้งมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรมเอเซีย และนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก ฟังดูเหมือนเยอะใช่ไหมครับ? ใช่ครับ เยอะจริง และที่สำคัญคือ ฐานการผลิตในระยองนี้ถือเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของ บริษัท dow ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเลยนะครับ สินค้าหลักๆ ที่ผลิตที่นี่ก็มีหลากหลายชนิด เช่น โพลิเอทิลีน, โพลิสไตรีน, อีลาสโตเมอร์, โพลิยูรีเทน และอีกหลายตัว ซึ่งสารเคมีและพลาสติกเหล่านี้แหละครับ ที่ถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วประเทศ และอาจรวมถึงการส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ด้วย ดังนั้น การดำเนินงานของ บริษัท dow ในระยองจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อซัพพลายเชนของหลายอุตสาหกรรมในไทย

ทีนี้ มาดูมุมมองทางการเงินกันบ้าง แม้ว่าข้อมูลทางการเงินแบบเจาะลึกของ บริษัท dow ในไทยอาจจะไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะในรูปแบบเดียวกับบริษัทมหาชนทั่วไป แต่เราสามารถดูข้อมูลเบื้องต้นได้จากข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท และภาพรวมจากบริษัทแม่ระดับโลกอย่าง Dow Inc. ได้ครับ ข้อมูลการจดทะเบียนของ บริษัท ดาว เคมิคอล ประเทศไทย จำกัด บอกเราว่าบริษัทนี้จดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2519 และยังคงดำเนินกิจการอยู่ มีทุนจดทะเบียนสูงถึงกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงขนาดของการลงทุนและความมั่นคงในการดำเนินงานในประเทศไทยได้เป็นอย่างดีครับ ส่วนข้อมูลบริษัทแม่ Dow Inc. (ระดับโลก) นั้นเป็นองค์กรที่ใหญ่โตมากๆ ครับ ปี 2566 มียอดขายประมาณ 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และปี 2565 สูงถึง 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2 ล้านล้านบาท! มีพนักงานทั่วโลกหลายหมื่นคน นี่คือยักษ์ใหญ่ระดับโลกตัวจริงในอุตสาหกรรมวัสดุศาสตร์เลยครับ

สำหรับใครที่สนใจเรื่องการลงทุน ลองมองไปที่หุ้นของบริษัทแม่ Dow Inc. ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ซึ่งมีสัญลักษณ์ซื้อขาย (Ticker) คือ DOW ดูก็ได้ครับ ข้อมูลล่าสุด (อ้างอิง TradingView) ราคาหุ้นปัจจุบันอาจจะไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุดในรอบปีที่ผ่านมา โดยมีการปรับตัวลดลงประมาณ -47% ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา มูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ก็อยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสำหรับบริษัทระดับโลกถือว่าค่อนข้างใหญ่ ส่วนผลประกอบการไตรมาสล่าสุด แม้จะมีบางช่วงที่ตัวเลขรายได้สุทธิอาจจะติดลบไปบ้าง แต่สิ่งที่น่าสนใจและดึงดูดนักลงทุนอย่างหนึ่งคือ Dow Inc. ยังคงจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอครับ โดยไตรมาสล่าสุดจ่ายที่ 0.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น และที่เด่นมากๆ คือ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในปี 2567 สูงถึงเกือบ 7% เลยทีเดียว! ซึ่งถือเป็นอัตราที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหากระแสเงินสดจากเงินปันผลครับ แน่นอนว่าสถานการณ์ทางการเงินและราคาหุ้นของบริษัทแม่ระดับโลก ย่อมส่งผลกระทบต่อทิศทางการดำเนินงานและกลยุทธ์ของ บริษัท dow ในประเทศไทยด้วยครับ

นอกเหนือจากเรื่องธุรกิจและตัวเลขทางการเงิน สิ่งที่โลกยุคปัจจุบันให้ความสำคัญมากๆ คือ “ความยั่งยืน” และ “สิ่งแวดล้อม” ครับ และ บริษัท dow ก็ไม่ได้นิ่งเฉยในเรื่องนี้ ในระดับโลก เขามีเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่ชัดเจนมากครับ เช่น การลดการปล่อยคาร์บอนลง 15% ภายในปี 2573 (อีกไม่กี่ปีข้างหน้า!) และตั้งเป้าเป็นกลางทางคาร์บอนให้ได้ภายในปี 2593 โน่นเลย นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายเรื่องการจัดการขยะ โดยตั้งใจจะเปลี่ยนขยะให้กลับมาเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ได้ถึง 3 ล้านตันต่อปีภายในปี 2573 และเป้าหมายที่ใกล้ตัวเรามากๆ คือ การทำให้ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ทั้งหมดของ บริษัท dow สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้ภายในปี 2578 ซึ่งเป้าหมายเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลโลกครับ

และที่น่าชื่นชมคือ ในประเทศไทยเอง บริษัท dow ก็มีบทบาทสำคัญและมีการดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมมาโดยตลอดครับ โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้เคียงฐานการผลิตที่ระยอง เขาเข้าร่วมในโครงการสำคัญๆ หลายโครงการ เช่น โครงการ PPP Plastics ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม เพื่อจัดการปัญหาขยะพลาสติกและส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศไทย ซึ่งโครงการนี้ช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกได้กว่า 1,400 ตันแล้วนะครับ นอกจากนี้ยังมีโครงการนำพลาสติกรีไซเคิลไปใช้ผสมยางมะตอยทำถนน ซึ่งช่วยลดขยะได้กว่า 23 ตัน โครงการช่วยเหลือ SME ให้ยกระดับสู่มาตรฐานความยั่งยืนและลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งช่วยลดคาร์บอนได้กว่า 5,500 ตัน และกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมอื่นๆ เช่น โครงการเก็บขยะชายหาด และโครงการอนุรักษ์ป่าชายเลนในจังหวัดระยองร่วมกับเครือข่ายต่างๆ การที่ บริษัท dow มีโครงการเหล่านี้ในไทยอย่างต่อเนื่องและมีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม แสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่พวกเขาเข้าไปดำเนินธุรกิจครับ

พูดถึงโรงงานในระยองอีกครั้ง การจะสร้างโรงงานใหม่ ขยายกำลังการผลิต หรือแม้แต่ปรับปรุงกระบวนการผลิตในโรงงานเคมีภัณฑ์และปิโตรเคมีนั้น บริษัทต่างๆ จะต้องจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือที่เรารู้จักกันในชื่อรายงาน EIA ครับ และจะต้องได้รับการเห็นชอบจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ก่อนที่จะดำเนินการได้ สำหรับ บริษัท ดาว เคมิคอล ประเทศไทย จำกัด เนี่ย จากข้อมูลก็พบว่าได้รับความเห็นชอบรายงาน EIA มาแล้วหลายฉบับถึง 10 รายงานเลยทีเดียว ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด หรือการขยายส่วนต่างๆ ของโรงงานผลิตสารเคมีและปิโตรเคมีภัณฑ์หลายชนิดที่ผมกล่าวไปก่อนหน้านี้ การได้รับความเห็นชอบรายงาน EIA จำนวนมากแบบนี้ สะท้อนว่า บริษัท dow มีการลงทุนพัฒนา ปรับปรุง และขยายการดำเนินงานในไทยอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการพยายามปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยด้วยครับ

สรุปแล้วครับ บริษัท dow ในประเทศไทยไม่ใช่แค่บริษัทเคมีภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกที่มีสาขาในบ้านเราเท่านั้น แต่เป็นบริษัทที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 50 ปี มีการดำเนินงานผ่านโครงสร้างที่ซับซ้อน มีฐานการผลิตขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิกอยู่ที่ระยอง เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายวัตถุดิบสำคัญป้อนหลากหลายอุตสาหกรรมที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจไทย ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ที่เราใช้ทุกวันไปจนถึงชิ้นส่วนในรถยนต์ การดำเนินงานของพวกเขามีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ทางการเงินของบริษัทแม่ระดับโลกอย่าง Dow Inc. ซึ่งแม้ราคาหุ้นอาจจะผันผวน แต่ก็ยังเป็นบริษัทที่จ่ายเงินปันผลในอัตราที่น่าสนใจ และที่สำคัญคือ บริษัท dow ให้ความสำคัญและมีบทบาทที่แข็งขันในเรื่องความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ระยอง

ดังนั้นครับ ครั้งต่อไปที่คุณเห็นบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ช่วยยืดอายุอาหาร หรือวัสดุที่ทำให้บ้านแข็งแรงทนทาน หรือแม้แต่เห็นถนนยางมะตอย คุณอาจจะลองนึกถึงเบื้องหลังของสิ่งเหล่านี้ว่ามีเคมีภัณฑ์และวัสดุจากบริษัทอย่าง บริษัท dow อยู่เบื้องหลังนะครับ พวกเขาคือส่วนหนึ่งของฟันเฟืองสำคัญที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจไทย ควบคู่ไปกับความพยายามในการสร้างความยั่งยืนให้กับสิ่งแวดล้อมในบ้านเราครับ

⚠️ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลของบริษัทและปัจจัยที่เกี่ยวข้องให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

Leave a Reply