ไขข้อสงสัย HSI หุ้นฮ่องกงคืออะไร? ลงทุนยังไงให้ปัง!

เพื่อนที่สนใจเรื่องการลงทุนทักมาถามผมเมื่อเช้านี้ว่า “พี่ครับ/คะ HSI หุ้น ฮ่องกง คืออะไรเหรอครับ/คะ เห็นข่าวพูดถึงเยอะเลยช่วงนี้?”

ผมเลยคิดว่า ไหนๆ เพื่อนถามแล้ว ก็เอามาเล่าให้ฟังแบบง่ายๆ สไตล์คอลัมนิสต์สายชิลล์ดีกว่าครับ เผื่อว่าใครหลายๆ คนก็กำลังสงสัยอยู่เหมือนกัน

ถ้าพูดถึงตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีหลักที่เราต้องรู้จักเลยก็คือ **ดัชนีฮั่งเส็ง (HSI)** นั่นเองครับ ลองนึกภาพง่ายๆ นะครับ HSI ก็เหมือน “ตะกร้า” ที่รวมเอาหุ้นของบริษัทใหญ่ๆ เจ๋งๆ ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงมารวมกัน แล้วก็คำนวณออกมาเป็นตัวเลขตัวเดียว เพื่อให้เราดูแล้วรู้เลยว่า ภาพรวมของตลาดหุ้นฮ่องกงที่ว่านี้เป็นยังไง ขึ้นหรือลงไปเท่าไหร่

ตัวเลข HSI เนี่ย เขาไม่ได้เอาหุ้นทุกตัวในตลาดฮ่องกงมารวมกันนะครับ แต่จะเลือกเฉพาะบริษัทที่มีขนาดใหญ่มากๆ มีการซื้อขายคึกคัก และมีสัดส่วนหุ้นที่นักลงทุนทั่วไปซื้อขายได้ง่าย (เราเรียกแบบเทคนิคหน่อยว่า ถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตามราคาตลาดที่ปรับค่าการกระจายหุ้นรายย่อย) ตอนนี้ในตะกร้านี้มีประมาณ 73 บริษัทครับ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 58% ของมูลค่าตลาดหุ้นฮ่องกงทั้งหมดเลยนะ เรียกว่าเป็น “ตัวแทน” หรือ “กระจกสะท้อน” ภาพรวมของหุ้นใหญ่ๆ ในฮ่องกงได้อย่างดีเยี่ยมเลย

บริษัทพวกนี้ก็มีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นแบงก์ใหญ่ๆ ที่อยู่ในกลุ่มการเงิน บริษัทเทคโนโลยีหรืออุตสาหกรรมที่เราคุ้นชื่อกันดี บริษัทที่ดูแลเรื่องไฟฟ้า น้ำประปาอยู่ในกลุ่มสาธารณูปโภค หรือบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ บริษัทที่เราคุ้นชื่อกันดีที่อยู่ในตะกร้านี้ก็เช่น TENCENT HOLDINGS (ที่ทำ WeChat), INDUSTRIAL & COMMERCIAL BK OF CHINA (ICBC) หรือ ALIBABA GROUP HOLDING นี่แหละครับ พวกนี้คือพี่ใหญ่ในตลาดเลย

ถ้าดูข้อมูลล่าสุด ตัวเลข HSI ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 23,892 จุด (ข้อมูล ณ วันที่… ก่อนหน้าบทความนี้เผยแพร่เล็กน้อยนะครับ ตัวเลขอาจมีการเปลี่ยนแปลง) ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า HSI มีการปรับตัวลงเล็กน้อยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา (-0.59%) และในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ยังติดลบเล็กน้อย (-0.20%) ตรงนี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงภาวะตลาดที่ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่

แต่ถ้ามองย้อนไปไกลหน่อย ในรอบเดือนที่ผ่านมา HSI ก็ยังบวกอยู่นะครับ (+2.47%) ส่วนผลงานในรอบปีที่ผ่านมา (ข้อมูล ณ ช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดยังอยู่ในแนวโน้มที่ดี) ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว เคยบวกไปถึงกว่า 31.97% ด้วยซ้ำ แสดงว่าในช่วงที่ตลาดเป็นใจ HSI ก็สามารถให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจได้เหมือนกันครับ ส่วนสถิติในอดีต HSI เคยขึ้นไปทำจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 33,484.08 จุด เมื่อปี 2018 และเคยลงไปต่ำสุดที่ 1,894.90 จุด ในปี 1987 ครับ ตรงนี้บอกเราว่า HSI มีความผันผวนในระยะยาวค่อนข้างสูงเหมือนกัน

แต่ต้องยอมรับว่าช่วงนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึง HSI ก็เจอกับแรงกดดันไม่น้อยเลยครับ ข่าวที่เราเห็นกันบ่อยๆ คือ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตลาดหุ้นในเอเชียและยุโรปก็ปรับตัวลงต่อเนื่อง สาเหตุหลักๆ ก็มาจากความกังวลเรื่องที่ “ธนาคารกลาง” (Central Bank) ของประเทศใหญ่ๆ อย่างสหรัฐฯ อาจจะยังจำเป็นต้องขึ้น “อัตราดอกเบี้ย” อีก เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยเนี่ย ทำให้ต้นทุนทางการเงินแพงขึ้น ส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการเติบโตของบริษัทต่างๆ ได้ครับ

นักลงทุนทั่วโลกกำลังจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของ “Fed” หรือ “ธนาคารกลางสหรัฐฯ” ครั้งล่าสุดอย่างใกล้ชิด เพื่อหาสัญญาณว่าเขาจะยังคงเดินหน้านโยบายการเงินแบบเข้มงวดต่อไปแค่ไหน จะขึ้นดอกเบี้ยอีกเมื่อไหร่ หรือจะคงไว้ที่ระดับสูงนานแค่ไหน ในฝั่งเอเชียเอง อย่าง “ธนาคารกลางญี่ปุ่น” (BOJ) ก็ต้องเข้ามาดูแลตลาดพันธบัตรตัวเองไม่ให้ผลตอบแทนวิ่งเกินเพดานที่กำหนดไว้ เพื่อรักษาเสถียรภาพ จะเห็นได้ว่า การตัดสินใจและท่าทีของธนาคารกลางประเทศใหญ่ๆ มีผลต่อ “บรรยากาศการลงทุน” ทั่วโลกมากๆ เลยครับ

ประกอบกับปัจจัยเฉพาะของฮ่องกงและจีนเอง ก็มีส่วนทำให้ **hsi หุ้น** ต้องเผชิญความท้าทาย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจจีนที่บางช่วงก็มีสัญญาณชะลอตัวลง กับประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ต่างๆ ที่ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ความผันผวนในตลาด “หุ้น” เพิ่มสูงขึ้น จนบางช่วง HSI ก็เข้าใกล้ภาวะปรับฐาน (Correction) คือมีการปรับตัวลงไป 10% หรือมากกว่า จากจุดสูงสุดล่าสุด

แล้วถ้าเราสนใจ “หุ้น” ฮ่องกง หรือ “ดัชนีฮั่งเส็ง” เนี่ย มีช่องทางไหนให้ลงทุนได้บ้าง? สำหรับนักลงทุนในไทย ช่องทางที่น่าสนใจและเข้าถึงง่ายอย่างหนึ่งก็คือ การลงทุนใน “ตราสารอนุพันธ์” ประเภทหนึ่งที่เรียกว่า “DW” ครับ ซึ่ง DW เนี่ย มันเป็นเหมือนสัญญาที่เราซื้อสิทธิ์ในการได้รับส่วนต่างราคา หากดัชนีอ้างอิงอย่าง HSI เคลื่อนไหวไปในทิศทางที่เราคาดการณ์ไว้

หลายคนอาจจะคุ้นกับ SET50 DW ซึ่งอ้างอิงดัชนีหุ้นไทย แต่ HSI DW ก็มีข้อดีที่แตกต่างออกไปนะ อย่างแรกเลย คือ “ความผันผวน” ระหว่างวันค่อนข้างสูงกว่า SET50 DW ทำให้ถ้าเราคาดการณ์ถูกทาง ก็มีโอกาสทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาที่รวดเร็วได้มากกว่า แต่อย่าลืมว่าถ้าผิดทาง ก็ขาดทุนได้เร็วเหมือนกันนะ! อย่างที่สอง คือ “สภาพคล่อง” ในการตั้งซื้อตั้งขาย (Bid/Offer) ค่อนข้างดี ซึ่งสำคัญมากเวลาเราเทรด เพราะมันทำให้เราเข้าซื้อหรือขายออกได้ง่าย ในราคาที่เราพอใจได้เร็วขึ้น

ที่สำคัญอีกอย่างที่ทำให้ HSI DW น่าสนใจสำหรับนักลงทุนไทยคือ เราสามารถซื้อขาย HSI DW ได้ในช่วงพักกลางวันของตลาดหุ้นไทยด้วย ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นฮ่องกงกำลังซื้อขายกันอยู่ในภาคบ่ายพอดี ทำให้เราไม่พลาดโอกาสในการซื้อขายในช่วงสำคัญของวันครับ

ถ้าดูจากเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคต่างๆ อย่างพวก Oscillator หรือ Moving Averages ที่ใช้วัดโมเมนตัมหรือแนวโน้มของราคา สัญญาณล่าสุดดูเหมือนจะยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ครับ ส่วนใหญ่อยู่ในโซน “เป็นกลาง” หรือมีทั้งแรงซื้อแรงขายผสมกันไป ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะขึ้นแรงหรือลงแรงในระยะสั้นแบบชัดๆ เท่าไหร่ ตรงนี้ก็สอดคล้องกับภาพตลาดที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูงนั่นแหละ

ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่น่าสนใจในฮ่องกงเอง ที่อาจส่งผลต่อสถานะศูนย์กลางทางการเงินในอนาคต ก็มีเรื่องการพิจารณาอนุญาตให้นักลงทุนรายย่อยสามารถซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีได้ ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจริง ก็อาจเพิ่มทางเลือกในการลงทุนและดึงดูดเม็ดเงินเข้ามาได้เหมือนกัน

โดยสรุปแล้ว “ดัชนีฮั่งเส็ง” หรือ HSI เนี่ย เป็นดัชนีสำคัญของ “ตลาดหุ้น” ฮ่องกง ที่รวบรวมหุ้นใหญ่ๆ และเป็นตัวแทนภาพรวมตลาดได้ดี ช่วงนี้กำลังเผชิญแรงกดดันทั้งจากปัจจัยทั่วโลก (เรื่องดอกเบี้ยของธนาคารกลางใหญ่ๆ) และปัจจัยในภูมิภาค (เศรษฐกิจจีน, การเมือง) ทำให้มีความ “ผันผวน” สูง ซึ่งก็ส่งผลต่อราคา **hsi หุ้น** ในตะกร้าทั้งหมด

สำหรับคนที่สนใจ “ลงทุน” ใน “หุ้น” ฮ่องกง หรือ HSI ผ่านช่องทางอย่าง HSI DW ซึ่งให้โอกาสจากความผันผวนและมีสภาพคล่องที่ดี ควรทำความเข้าใจ “ความเสี่ยง” ให้ดีมากๆ ครับ

⚠️ **คำเตือน:** การลงทุนใน HSI DW มีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนในหุ้นโดยตรงหลายเท่าตัว เพราะมีเรื่องอัตราทด (Leverage) เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เราสามารถลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อย แต่ควบคุมสินทรัพย์อ้างอิงมูลค่าสูงได้ ซึ่งหมายความว่า ถ้าคาดการณ์ถูกทาง ผลตอบแทนก็จะเยอะ แต่ถ้าคาดการณ์ผิดทาง เงินลงทุนของเราก็อาจจะหายไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ราคา DW ยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งราคา HSI เอง เวลาที่เหลือจน DW หมดอายุ และความผันผวนของตลาด

ดังนั้น ก่อนตัดสินใจ “ลงทุน” ใน HSI หรือเครื่องมือที่อ้างอิง HSI อย่าง DW ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ ทำความเข้าใจกลไกการทำงานและปัจจัยที่มีผลต่อราคาอย่างละเอียด ประเมินความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้ และอาจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนก่อนนะครับ เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอครับ

Leave a Reply