
“คุณปลา” เพื่อนซี้ที่ปกติใช้ชีวิตชิลๆ สไตล์ “มินิมอล” เพิ่งโทรมาปรึกษาผมด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “พี่! เมื่อเช้านิเคอิร่วงหนักมากเลย หนูลงทุนในกองทุนที่เกี่ยวข้องไว้เยอะพอสมควร จะเอาไงดีคะเนี่ย?” คำถามของปลาทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่า ไม่ใช่แค่ปลาหรอกครับที่กำลังกุมขมับกับความผันผวนของตลาดหุ้นญี่ปุ่น ทุกเช้าวันทำการ เรามักจะเห็นพาดหัวข่าวเกี่ยวกับ แนวนิเคอิเช้าวันนี้ อยู่เสมอ บ้างก็ขึ้นแรงจนใจฟู บ้างก็ลงจนใจหาย แล้วไอ้เจ้า “หุ้นนิเคอิ” ที่ว่านี่ มันคืออะไรกันแน่ ทำไมมันถึงมีอิทธิพลกับพอร์ตของเราได้ขนาดนั้น? วันนี้ผมจะชวนทุกคนมาคลี่คลายปริศนาตลาดหุ้นแดนซากุระแบบเป็นกันเอง เหมือนมานั่งจิบกาแฟคุยกันสบายๆ ครับ
**นิเคอิคืออะไร? ไม่ใช่แค่ชื่อสำนักข่าว แต่คือ “กระจกบานใหญ่” ส่องเศรษฐกิจญี่ปุ่น**
ก่อนอื่นต้องบอกว่า “นิเคอิ” (Nikkei) ไม่ใช่แค่ชื่อสำนักข่าวเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง Nikkei Inc. เท่านั้นนะครับ แต่ยังหมายถึง “ดัชนีตลาดหุ้นนิเคอิ 225” (Nikkei 225 Stock Average) หรือที่บางทีเราเห็นเป็นตัวย่อว่า NI225 ด้วย พูดง่ายๆ คือมันเป็นเหมือน “รายงานผลสอบ” ของบริษัทชั้นนำ 225 แห่งที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหุ้นโตเกียว (Tokyo Stock Exchange) นั่นเองครับ คุณ Nikkei Inc. นี่แหละครับที่เป็นคนคำนวณและประกาศค่าดัชนีนี้ออกมาทุกวัน คล้ายๆ กับที่บ้านเรามี SET Index นั่นแหละครับ
ลองนึกภาพว่าเรากำลังดูรายงานผลประกอบการของชั้นเรียนที่เก่งที่สุดในโรงเรียน ถ้าเด็กส่วนใหญ่ในชั้นผลการเรียนดีขึ้นเรื่อยๆ รายงานผลสอบรวมของชั้นก็ย่อมสวยหรูใช่มั้ยครับ ดัชนี Japan 225 ก็ทำงานคล้ายกันนี่แหละครับ มันประกอบไปด้วยบริษัท “เบอร์ใหญ่” ของญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคยกันดีอย่างบริษัทรถยนต์ หรือบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ดังๆ (ยกตัวอย่างเช่น TSE:7203, TSE:6758, และ TSE:8306 ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าใหญ่ที่สุดในดัชนี) ดังนั้นเมื่อดัชนีนี้เคลื่อนไหวขึ้นหรือลง มันก็สะท้อนให้เห็นถึงสุขภาพโดยรวมของเศรษฐกิจญี่ปุ่น และความเชื่อมั่นของนักลงทุนในภาพรวมเลยทีเดียวครับ

**ทำไม แนวนิเคอิเช้าวันนี้ ถึงขึ้นๆ ลงๆ ยิ่งกว่ารถไฟเหาะ?**
ตลาดหุ้นนิเคอิขึ้นชื่อเรื่องความผันผวนครับ ไม่ต่างอะไรกับการขับรถบนถนนที่บางช่วงก็เรียบ บางช่วงก็เป็นหลุมเป็นบ่อ ปัจจัยที่ทำให้ แนวนิเคอิเช้าวันนี้ เปลี่ยนแปลงไปมานั้น มีทั้งเรื่องใกล้ตัวและเรื่องไกลตัวที่ซับซ้อนกว่าที่คิดครับ
อย่างเช่นช่วงที่ผ่านมาที่ผมคุยกับคุณปลา แนวนิเคอิเช้าวันนี้ ก็มักจะปรับตัวลดลงจากหลายสาเหตุพร้อมๆ กันครับ สาเหตุที่ชัดเจนที่สุดก็คือ “ความกังวลจากสถานการณ์โควิด” (ใช่ครับ! แม้จะดูเหมือนผ่านไปแล้ว แต่ผลกระทบก็ยังคงอยู่) ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อ “การใช้จ่ายภาคครัวเรือน” ในญี่ปุ่นให้ลดลง ยิ่งคนจับจ่ายน้อย เศรษฐกิจก็ยิ่งชะลอตัว หุ้นบริษัทต่างๆ ก็พลอยไม่สดใสไปด้วย
แถมยังมี “วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน” ที่ลากยาวมาตั้งแต่ปี 2022 อีกด้วยนะครับ เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ทำให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทญี่ปุ่นสูงขึ้น กำไรลดลง ตลาดหุ้นก็เลยซึมเซาไปตามๆ กัน
แต่ใช่ว่าจะมีแต่ข่าวร้ายนะครับ บางครั้งดัชนีนิเคอิก็เด้งขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาดใจ อย่างตอนที่ “เงินเฟ้อจีน” (ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของญี่ปุ่น) ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้หลายคนคาดหวังว่าธนาคารกลางจีนอาจจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งก็เป็นข่าวดีส่งตรงถึงบริษัทญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจกับจีนครับ
จากข้อมูลที่ Investing.com และ MSN Money รวบรวมมาให้ จะเห็นได้ว่า แนวนิเคอิเช้าวันนี้ หรือตลอดทั้งสัปดาห์ มีความผันผวนสูงมากครับ การเปลี่ยนแปลงรายสัปดาห์ของ Japan 225 ล่าสุดลดลง -1.56% แต่พอมาดูรายเดือนกลับเพิ่มขึ้น 6.82% และหากมองในรอบปีกลับลดลง -4.23% นี่บ่งบอกได้ชัดเจนเลยว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ ครับ
**ตัวเลขเหล่านี้น่าสนใจแค่ไหน? ส่องเบื้องลึกจากข้อมูลจริง**
มาดูตัวเลขแบบเจาะลึกกันบ้างครับ เพื่อให้เห็นภาพว่าตลาดหุ้นนิเคอิในปัจจุบันมันเป็นอย่างไร
ณ เวลาที่รวบรวมข้อมูล “มูลค่าปัจจุบันของดัชนี Japan 225” อยู่ที่ประมาณ 37,160 เยนครับ หากมองย้อนไปในรอบ 52 สัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีนี้มีการเคลื่อนไหวในช่วงกว้างมากๆ ครับ ตั้งแต่ 30,792.74 เยน (จุดต่ำสุด) ไปจนถึง 42,426.77 เยน (จุดสูงสุด) แสดงให้เห็นถึงความผันผวนที่รุนแรงในระยะเวลาหนึ่งปีเต็ม
และที่น่าสนใจคือ ส่วนประกอบของดัชนี (Components) ไม่ได้เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมดนะครับ บางบริษัทก็พุ่งแรงจนน่าตกใจ อย่าง TSE:7013 ที่ราคาเพิ่มขึ้นถึง 254.32% ในหนึ่งปี! ในขณะที่บางบริษัทก็ร่วงหนักจนใจหาย เช่น TSE:6920 ที่ลดลงไปถึง -67.82% ในช่วงเวลาเดียวกัน นี่แหละครับคือเสน่ห์และความโหดร้ายของตลาดหุ้นที่รวมอยู่ในตัวเลขเดียวกัน
ส่วน “วอลุ่มการซื้อขาย” (Volume) ซึ่งบ่งบอกถึงจำนวนหุ้นที่ซื้อขายเปลี่ยนมือกันในแต่ละวัน ก็สูงถึง 1.43 พันล้านครับ ตัวเลขนี้บอกอะไรเรา? มันบอกว่ามีคนเข้าๆ ออกๆ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเยอะมาก แสดงถึงความคึกคักและการซื้อขายที่ค่อนข้างดุเดือดเลยทีเดียว ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เราสามารถตรวจสอบได้จากแหล่งที่น่าเชื่อถืออย่าง Investing.com หรือ MSN Money ครับ

**การวิเคราะห์ทางเทคนิค: สัญญาณ “ซื้อทันที” นี่มันของจริงไหมนะ?**
คุณปลาเคยถามผมว่า “แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าควรซื้อหรือขายดีคะพี่?” คำตอบก็คือ นักลงทุนหลายคนใช้ “การวิเคราะห์ทางเทคนิค” (Technical Analysis) ครับ เหมือนเราอ่านแผนที่เพื่อหาเส้นทางนั่นแหละครับ การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะใช้ข้อมูลในอดีต เช่น ราคาและวอลุ่มการซื้อขาย มาคำนวณและสร้าง “ตัวชี้วัดทางเทคนิค” (Technical Indicators) ต่างๆ เพื่อคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต
อย่างเช่น เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ข้อมูลจาก Investing.com บ่งชี้ว่าดัชนี Nikkei 225 แสดงสัญญาณ “ซื้อทันที” (Immediate Buy) ครับ ซึ่งเป็นผลมาจากการวิเคราะห์จาก “ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่” (Moving Average) และ “ออสซิลเลเตอร์” (Oscillator) ต่างๆ เช่น RSI (Relative Strength Index) และ MACD (Moving Average Convergence Divergence)
ฟังดูเป็นศัพท์ที่ซับซ้อนใช่ไหมครับ? ลองนึกภาพแบบนี้ครับ:
* **ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average):** เหมือนการหาค่าเฉลี่ยของราคาย้อนหลังไปเรื่อยๆ ถ้าเส้นค่าเฉลี่ยนี้กำลังพุ่งขึ้น แปลว่าราคาโดยรวมกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น สัญญาณซื้อก็อาจจะปรากฏขึ้นมาได้
* **ออสซิลเลเตอร์ (Oscillator):** เหมือนเครื่องวัดอุณหภูมิที่บอกว่าตลาด “ร้อน” (ซื้อมากเกินไป) หรือ “เย็น” (ขายมากเกินไป) ถ้ามันแสดงว่าตลาดเย็นและกำลังจะกลับตัว ก็อาจเป็นสัญญาณซื้อได้เช่นกัน
แต่ประเด็นสำคัญคือ “สัญญาณซื้อ” ไม่ได้แปลว่าคุณต้องซื้อเดี๋ยวนี้เลยนะครับ! การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นแค่เครื่องมือช่วยตัดสินใจ เป็นเหมือนเข็มทิศนำทาง แต่เส้นทางข้างหน้าก็ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนเสมอครับ ไม่มีใครสามารถคาดการณ์อนาคตของตลาดหุ้นได้อย่างแม่นยำ 100% หรอกครับ
**อยากลงทุนใน แนวนิเคอิเช้าวันนี้ ต้องทำยังไง?**
สำหรับนักลงทุนที่อยากลองสัมผัสกับตลาดหุ้นญี่ปุ่นโดยอิงจากดัชนี Japan 225 ต้องเข้าใจก่อนว่าเราไม่สามารถ “ลงทุนในดัชนีโดยตรง” ได้ง่ายๆ เหมือนซื้อหุ้นตัวๆ ครับ แต่เราสามารถลงทุนผ่าน “Japan 225 Futures” (ฟิวเจอร์ส หรือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า) ซึ่งเป็นตราสารอนุพันธ์ที่อ้างอิงกับดัชนีนี้ หรือ “สัญญาซื้อขายส่วนต่าง” (CFD: Contract for Difference) ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยม
การลงทุนในฟิวเจอร์สหรือ CFD นั้นมีข้อดีคือเราสามารถใช้เงินลงทุนเริ่มต้นไม่สูงมากนัก (เรียกว่าการใช้ Leverage) แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงลิ่วเช่นกันครับ เพราะถ้าตลาดเคลื่อนไหวผิดทางกับที่เราคาดการณ์ไว้ เราก็อาจขาดทุนได้มากกว่าเงินลงทุนเริ่มต้นได้เลยทีเดียว
**สรุป: แนวนิเคอิเช้าวันนี้ จะไปทางไหน?**
จากข้อมูลทั้งหมดที่เราคุยกัน จะเห็นได้ว่า แนวนิเคอิเช้าวันนี้ หรือภาพรวมของตลาดหุ้นญี่ปุ่น เป็นตลาดที่มีความ “ผันผวน” สูงมากครับ ได้รับอิทธิพลจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจโลก โรคระบาด สงคราม หรือแม้แต่ตัวเลขทางเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีน
ดังนั้น สำหรับคุณปลาและนักลงทุนท่านอื่นๆ ที่สนใจตลาดหุ้นนิเคอิ ผมขอแนะนำให้ “ศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน” ครับ
* **ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด:** โดยเฉพาะข่าวเศรษฐกิจญี่ปุ่นและข่าวสารสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดโลก เพราะตลาดญี่ปุ่นมักจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว
* **ทำความเข้าใจตัวชี้วัดต่างๆ:** ไม่ว่าจะเป็นดัชนี วอลุ่มการซื้อขาย หรือการวิเคราะห์ทางเทคนิคเบื้องต้น เพื่อให้เรามีเครื่องมือในการตัดสินใจ
* **กระจายความเสี่ยง:** ไม่ควรทุ่มเงินลงทุนทั้งหมดไปที่สินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งเพียงอย่างเดียว เพื่อลดความเสียหายหากตลาดผันผวน
* **ที่สำคัญที่สุดคือ “เข้าใจความเสี่ยง”:** การลงทุนทุกชนิดมีความเสี่ยง โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนสูงอย่างนิเคอิ หากขาดความเข้าใจ หรือเงินลงทุนไม่หมุนเวียนคล่องตัว อาจต้องคิดให้หนักก่อนกระโจนเข้าสู่สนามนี้
การลงทุนไม่ใช่การพนันที่อาศัยแค่ดวงครับ แต่เป็นการเดินทางที่ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และการเตรียมพร้อมอยู่เสมอ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการลงทุนในตลาดหุ้นนะครับ!