เปิดโลก S&P 500: ลงทุนหุ้นอเมริกา ซื้อที่ไหน? ไม่ต้องบินก็รวยได้!

เอาล่ะครับ มาเริ่มเขียนบทความทางการเงินสไตล์เรากันเลย ที่เน้นให้เข้าใจง่าย เหมือนคุยกับเพื่อน แต่ข้อมูลแน่นปึ้ก พร้อมลุย!

เพื่อนๆ ครับ เคยได้ยินชื่อ “S&P 500” (เอสแอนด์พี 500) กันบ่อยๆ ไหมครับ? บางทีก็เห็นข่าวว่าดัชนีนี้ขึ้นทำนิวไฮ บางทีก็เห็นเขาบอกว่าเป็นหัวใจของตลาดหุ้นอเมริกา แล้วเราคนไทยที่อยากกระโดดเข้าไปร่วมวงลงทุนกับบริษัทระดับโลกอย่าง Apple, Microsoft, Google, Amazon (ที่ล้วนอยู่ใน S&P 500 ทั้งนั้น) เนี่ย ถ้าอยากจะลงทุน หุ้น S&P 500 ซื้อที่ไหน ได้บ้างนะ?

หลายคนอาจจะคิดว่า เฮ้ย! ต้องไปเปิดบัญชีหุ้นที่อเมริกา ยุ่งยากแน่ๆ เลย หรือต้องมีเงินเยอะมากๆ หรือเปล่า? บอกเลยว่ายุคนี้อะไรๆ ก็ง่ายขึ้นเยอะครับ การลงทุนใน S&P 500 ไม่ได้ยากอย่างที่คิด แถมยังมีหลายช่องทางให้เลือกตามความสะดวกและเงินในกระเป๋าเราเลย

**ทำความรู้จัก S&P 500 แบบเพื่อนคุยกัน**

ลองนึกภาพง่ายๆ นะครับว่า S&P 500 (เอสแอนด์พี 500) ก็เหมือนตะกร้าขนาดใหญ่ที่รวบรวมหุ้นของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดและมีอิทธิพลมากที่สุด 500 แห่งในสหรัฐอเมริกา เป็นเหมือนตัวแทนของตลาดหุ้นอเมริกาเลยก็ว่าได้ บริษัทที่เราคุ้นชื่อกันดีอย่างที่เกริ่นไป หรืออย่าง Tesla, Berkshire Hathaway, Johnson & Johnson, JPMorgan Chase, Visa, Mastercard ฯลฯ ก็อยู่ในตะกร้านี้แหละครับ

การลงทุนใน S&P 500 จึงเป็นการลงทุนในบริษัทชั้นนำหลากหลายอุตสาหกรรมพร้อมๆ กัน ข้อดีคือช่วยกระจายความเสี่ยงได้ดีกว่าไปเลือกซื้อหุ้นรายตัว แล้วผลตอบแทนในอดีตที่ผ่านมาก็ค่อนข้างแข็งแกร่ง ทำให้หลายคนมองว่านี่แหละคือ “สูตรความรวย” หรือเป็นแกนหลักของการสร้างพอร์ตลงทุนระยะยาว อย่างที่คุณพอล ภัทรพล ก็เคยพูดถึงในช่อง YouTube ของเขาเหมือนกัน

**แล้วเราจะลงทุนในหุ้น S&P 500 ซื้อที่ไหน ได้บ้างล่ะ?**

จริงๆ มีหลายวิธีครับ แต่สำหรับนักลงทุนไทยที่อาจจะไม่ได้อยากไปเปิดบัญชีหุ้นตรงที่อเมริกาให้วุ่นวาย วิธีที่สะดวกและเข้าถึงง่ายกว่ามากๆ ก็คือ การลงทุนผ่านกองทุนรวม หรือ ETF (Exchange Traded Fund หรือ กองทุนอีทีเอฟ) ที่ไปลงทุนอ้างอิงกับดัชนี S&P 500 อีกทีครับ

1. **ลงทุนผ่าน ETF (กองทุนอีทีเอฟ):** อันนี้ก็เหมือนซื้อหุ้นตัวหนึ่งเลยครับ ซื้อขายได้ระหว่างวันในตลาดหลักทรัพย์ แต่ตัว ETF เองเนี่ย จะไปลงทุนในหุ้น 500 ตัวตามดัชนี S&P 500 อีกที ข้อดีคือง่าย สะดวก ค่าธรรมเนียมมักจะต่ำกว่ากองทุนรวม แต่ต้องระวังเรื่องความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนด้วยนะครับ เพราะเราซื้อขายเป็นเงินบาท แต่สินทรัพย์ข้างในเป็นเงินดอลลาร์

2. **ลงทุนผ่านกองทุนรวม (Mutual Fund):** อันนี้เป็นวิธีที่คนไทยนิยมมาก เพราะซื้อขายผ่าน บลจ. (บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน) หรือตัวแทนขายต่างๆ ได้ง่ายๆ กองทุนรวมพวกนี้จะมีผู้จัดการกองทุนคอยดูแล (แม้กองที่อิงดัชนีแบบ S&P 500 จะเน้นลงทุนตามดัชนีเป็นหลัก ไม่ได้ใช้ฝีมือผู้จัดการกองทุนเลือกหุ้นมากนัก) ข้อดีคือสะดวก มีผู้ช่วยดูแล แต่ก็อาจจะมีค่าธรรมเนียมบางอย่างที่กองทุน ETF ไม่มี

มาเจาะลึกที่กองทุนรวมหน่อยดีกว่า เพราะเป็นช่องทางที่ตอบโจทย์คำถามว่า หุ้น S&P 500 ซื้อที่ไหน สำหรับคนไทยได้ชัดเจนที่สุด ตอนนี้ บลจ. ในบ้านเราหลายแห่งก็มีกองทุนที่เน้นลงทุนใน S&P 500 ให้เลือกเพียบเลยครับ ยกตัวอย่างเช่น:

* **กองทุนเปิดเคเคพี US500 – UNHEDGED (KKP US500-UH-E):** ของ บลจ. เกียรตินาคินภัทร (KKPAM) กองทุนนี้เขาไปลงทุนต่อใน iShares Core S&P 500 ETF ซึ่งเป็น ETF ขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูงจุดเด่นคือ **ฟรีค่าธรรมเนียมการจัดการตลอดอายุการลงทุน** ครับ น่าสนใจมากๆ ใช่ไหมล่ะ แต่กองนี้มีนโยบายแบบ UNHEDGED (ไม่ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน) นะครับ นั่นหมายความว่า ถ้าเงินบาทแข็งค่าขึ้น กำไรจากการลงทุนใน S&P 500 ของเราอาจจะลดลงได้ หรือถ้าเงินบาทอ่อนค่าลง ก็อาจจะทำให้กำไรเราเพิ่มขึ้นได้ด้วย ดังนั้นต้องยอมรับความผันผวนของค่าเงินด้วย ซื้อขายผ่านแอป Dime! ได้เลยครับ มูลค่าขั้นต่ำในการซื้ออยู่ที่ 1,000 บาท แต่ซื้อได้ไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อคน อาจจะมีค่าธรรมเนียมขายและรับซื้อคืนเล็กน้อยที่ 0.2675% ครับ

* **กลุ่มกองทุน Index Funds จากกสิกรไทย:** บลจ. กสิกรไทย (KASIKORN) มีกองทุนที่เรียกว่า Index Funds เยอะมากๆ ที่เน้นลงทุนตามดัชนีต่างๆ ทั่วโลก รวมถึง S&P 500 ด้วยครับ ข้อดีคือ **ค่าธรรมเนียมต่ำ** และการลงทุนแบบนี้มีโอกาสให้ผลตอบแทนเติบโตไปพร้อมกับตลาดหุ้นของประเทศนั้นๆ เลย สำหรับ S&P 500 โดยตรงก็มี **กองทุน K-US500X** ครับ ที่ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ 500 ตัว ตามดัชนี S&P 500 เลย นอกเหนือจากนี้ กสิกรไทยก็มีกองทุน Index Funds อื่นๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ ครอบคลุมหลายตลาด เช่น K-CHX (ลงทุนหุ้นจีน A-Shares ตามดัชนี FTSE China A50 ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนส่วนใหญ่), K-USXNDQ-A(A/D) (ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ตามดัชนี NASDAQ-100 ป้องกันความเสี่ยงส่วนใหญ่), K-JPX-A(A) (ลงทุนหุ้นญี่ปุ่น ตามดัชนี TOPIX ป้องกันความเสี่ยงส่วนใหญ่), K-EUX (ลงทุนหุ้นยูโรโซน ตามดัชนี EURO STOXX 50 ป้องกันความเสี่ยงส่วนใหญ่), K-INDX (ลงทุนหุ้นอินเดีย ตามดัชนี Nifty 50 ป้องกันความเสี่ยงส่วนใหญ่) หรือแม้แต่ K-ASIAX (ลงทุนหุ้นเอเชีย ตามดัชนี MSCI All Country Asia ex Japan) หรือ K-WORLDX (ลงทุนหุ้นทั่วโลก) ไปจนถึงกองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทยอย่าง K-SET50 ครับ ถือว่ามีตัวเลือกหลากหลายมากๆ

* **กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นต่างประเทศ (SCBS&P500):** ของ บลจ. ไทยพาณิชย์ (SCBS) กองทุนนี้จัดอยู่ในระดับความเสี่ยง 6 (กองทุนรวมตราสารทุน) ครับ มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนเกือบทั้งหมด (Hedged) ซึ่งหมายความว่าผลตอบแทนของกองทุนนี้จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินน้อยกว่ากองทุนแบบ Unhedged ข้อดีคือความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนจะลดลง แต่ก็อาจมีต้นทุนในการทำ Hedging นะครับ กองทุนนี้เปิดมานานพอสมควรแล้ว (จดทะเบียนตั้งแต่ 18 ธ.ค. 55) และมีขนาดค่อนข้างใหญ่ (มูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 4.2 พันล้านบาท ณ วันที่ 30 ส.ค. 67) ที่สำคัญคือลงทุนครั้งแรกหรือครั้งต่อไป **ขั้นต่ำเพียง 1 บาท** เท่านั้น! อันนี้เหมาะมากๆ สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินไม่เยอะครับ

**เลือกกองทุน S&P 500 ตัวไหนดี? ดูอะไรบ้าง?**

ทีนี้พอรู้แล้วว่า หุ้น S&P 500 ซื้อที่ไหน ได้บ้างผ่านกองทุนรวมต่างๆ ในไทย คำถามต่อมาคือ แล้วจะเลือกตัวไหนดีล่ะ? นี่คือสิ่งที่เราควรพิจารณาครับ:

* **ค่าธรรมเนียม:** มีค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง? ค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุน (ยิ่งต่ำยิ่งดี โดยเฉพาะกองทุนดัชนีที่เน้นตามดัชนีเป็นหลัก) ค่าธรรมเนียมการขาย ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน เปรียบเทียบหลายๆ กองทุนดูครับ
* **นโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน:** กองทุนเป็นแบบ Hedged หรือ Unhedged? เราโอเคกับความเสี่ยงค่าเงินไหม? ถ้าไม่โอเค กองทุนแบบ Hedged ก็อาจจะสบายใจกว่า แต่ถ้าคิดว่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า หรืออยากได้ผลตอบแทนตามสินทรัพย์อ้างอิงแบบเต็มๆ ก็อาจจะมองหาแบบ Unhedged ครับ
* **มูลค่าขั้นต่ำในการลงทุน:** บางกองเริ่มที่ 1 บาท บางกองเริ่มที่ 1,000 บาท หรือมากกว่านั้น เลือกที่เหมาะกับเงินทุนที่เรามีครับ
* **ช่องทางการซื้อขาย:** ซื้อขายง่ายไหม? ผ่านแอป? ผ่านเว็บไซต์? ผ่านธนาคารสาขา?
* **ผลการดำเนินงานในอดีต:** แม้ผลการดำเนินงานในอดีตจะไม่ได้รับประกันผลตอบแทนในอนาคต แต่ก็เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้ครับ ลองดูย้อนหลังไปหลายๆ ปี เปรียบเทียบกับกองทุนอื่นที่ลงทุนใน S&P 500 เหมือนกัน
* **นโยบายกองทุนและรายละเอียดอื่นๆ:** อ่านหนังสือชี้ชวนให้ละเอียดครับ จะได้รู้ว่ากองทุนไปลงทุนในอะไรบ้าง มีความเสี่ยงอะไรอีกบ้าง

**ข้อควรจำก่อนลงทุนใน S&P 500 (หรือการลงทุนอะไรก็ตาม!)**

1. **การลงทุนมีความเสี่ยง:** อันนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดนะครับ การลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวมมีความผันผวนได้ มูลค่าลดลงได้ ไม่ใช่ว่าจะกำไรเสมอไป โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงเพิ่มเติมที่เราคาดไม่ถึงก็ได้
2. **ศึกษาข้อมูลให้เข้าใจ:** ก่อนตัดสินใจลงทุนกองทุนไหนก็ตาม ควรอ่านหนังสือชี้ชวนกองทุนนั้นๆ ให้ละเอียดมากๆ ครับ หรือปรึกษาผู้แนะนำการลงทุนที่น่าเชื่อถือ
3. **เรื่องวันหยุด:** ตลาดหุ้นไทยกับตลาดหุ้นอเมริกามีวันหยุดไม่ตรงกันนะครับ บางทีตลาดไทยเปิด ตลาดอเมริกาปิด หรือกลับกัน อันนี้ส่งผลต่อวันทำการซื้อขาย วันที่คำนวณ NAV (มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ) หรือวันที่จะได้รับเงินค่าขายคืนด้วย ใครที่ลงทุนต้องคอยเช็กปฏิทินวันหยุดของตลาดหุ้นที่เกี่ยวข้องด้วยนะครับ เช่น วันหยุดสำคัญของอเมริกาอย่าง Martin L. King Day, Presidents’ Day, Good Friday, Memorial Day, Juneteenth, Independence Day, Labor Day, Thanksgiving, Christmas Day ก็เป็นวันที่ตลาดหุ้นอเมริกาปิดทำการครับ ส่วนวันหยุดไทยก็มีเยอะแยะเลยอย่างวันสงกรานต์ วันหยุดชดเชยต่างๆ ซึ่งวันเหล่านี้มีผลต่อการส่งคำสั่งซื้อขายกองทุนที่ไปลงทุนต่างประเทศของเราครับ

**สรุปแล้ว หุ้น S&P 500 ซื้อที่ไหน?**

สำหรับคนไทยที่อยากลงทุนในบริษัทชั้นนำของอเมริกาผ่านดัชนี S&P 500 วิธีที่สะดวกและนิยมที่สุดคือ การลงทุนผ่าน **กองทุนรวม หรือ ETF ที่มีนโยบายลงทุนอ้างอิงกับดัชนี S&P 500** ครับ มีให้เลือกจากหลาย บลจ. ในประเทศไทย ทั้งของ KKPAM, กสิกรไทย, ไทยพาณิชย์ และอีกหลายๆ แห่ง ซึ่งแต่ละกองทุนก็มีจุดเด่น ค่าธรรมเนียม นโยบายค่าเงิน และเงินลงทุนขั้นต่ำที่แตกต่างกันไป

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ **การเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุน ระดับความเสี่ยงที่เรารับได้ และจำนวนเงินที่เราพร้อมจะลงทุน** ครับ อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจเพราะเห็นว่าคนอื่นลงทุนแล้วได้กำไรเยอะ ลองศึกษาข้อมูลแต่ละกองทุนให้ดี เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย แล้วค่อยตัดสินใจลงทุนนะครับ

การลงทุนใน S&P 500 เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการสร้างความมั่งคั่งระยะยาวและกระจายพอร์ตลงทุน แต่อย่าลืมว่าทุกการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอครับ ศึกษาให้พร้อม แล้วการลงทุนของคุณก็จะอุ่นใจมากขึ้นครับ!

⚠️ **คำเตือน:** การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้เข้าใจก่อนตัดสินใจลงทุน และควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงของกองทุนรวมก่อนตัดสินใจลงทุน

Leave a Reply