เจาะลึก ประวัติ เจ้าของ S&P: จากร้านเล็ก สู่ตำนานเบเกอรี่ไทย

เวลาเรานึกถึงเค้กวันเกิดสวยๆ อาหารไทยอร่อยๆ ที่รสชาติคุ้นเคย หรือกาแฟหอมๆ สักแก้ว ชื่อแรกๆ ที่หลายคนคิดถึงก็คงหนีไม่พ้น “เอส แอนด์ พี” ใช่ไหมครับ/คะ? แบรนด์นี้อยู่คู่คนไทยมานานมาก จนบางทีเราก็รู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว แต่เคยสงสัยไหมว่า… ร้านเล็กๆ ที่เริ่มจากศูนย์ กลายมาเป็นอาณาจักรร้านอาหารและเบเกอรี่ที่ใหญ่ขนาดนี้ มีสาขาทั่วประเทศและไปไกลถึงต่างแดนได้อย่างไร? เรื่องราวความสำเร็จนี้มีเบื้องหลังที่น่าสนใจมากๆ โดยเฉพาะ ประวัติ เจ้าของ s&p ตัวจริงเสียงจริง ที่เป็นผู้ก่อตั้งและขับเคลื่อนมาตลอดหลายทศวรรษ วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงเส้นทางของแบรนด์นี้ในแบบที่เข้าใจง่ายๆ กันครับ/คะ

ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) สมัยนั้นถนนสุขุมวิทยังไม่ได้คึกคักเหมือนทุกวันนี้ ที่ซอยประสานมิตร (สุขุมวิท 23) ได้มีร้านเล็กๆ ร้านหนึ่งถือกำเนิดขึ้น ไม่ใช่ร้านอาหารใหญ่โตอะไรเลยครับ/คะ แค่ “S&P Ice-Cream Corner” เล็กๆ น่ารักๆ ก่อตั้งโดยสมาชิกในตระกูล “ไรวา” และ “ศิลาอ่อน” ซึ่งส่วนใหญ่จบมาจากต่างประเทศ มีวิสัยทัศน์อยากทำธุรกิจอาหารและบริการด้วยใจรัก โดยเริ่มต้นจากสิ่งที่ตัวเองชอบและถนัด ความตั้งใจแรกคือการสร้างร้านไอศกรีมและเบเกอรี่เล็กๆ ที่มีคุณภาพในยุคนั้น ซึ่งยังไม่ค่อยมีร้านสไตล์แบบนี้มากนักในกรุงเทพฯ ความเรียบง่ายแต่ใส่ใจในรายละเอียด คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญของ S&P

จากร้านไอศกรีมเล็กๆ ในซอยประสานมิตร ธุรกิจก็เริ่มขยับขยายอย่างรวดเร็ว จากไอศกรีมก็เริ่มมาทำเบเกอรี่ ทำเค้ก และพัฒนาสูตรอาหารไทยรสชาติต้นตำรับที่ถูกปากคนไทย จุดเด่นที่ทำให้ S&P แจ้งเกิดและเป็นที่รู้จักในวงกว้างเลยก็คือการเป็นผู้บุกเบิกการทำ “เค้กแต่งหน้าตามสั่ง” และ “เค้กลายการ์ตูน” รายแรกๆ ในเมืองไทย ลองนึกภาพสมัยก่อน เวลาเราอยากได้เค้กวันเกิดที่พิเศษหน่อย ไม่ใช่แค่เค้กปอนด์ธรรมดาๆ การจะหาร้านที่รับทำตามแบบที่เราต้องการนั้นยากมาก S&P เข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้ได้พอดี ทำให้ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะในหมู่ครอบครัวและคนรุ่นใหม่ในยุคนั้น ความสำเร็จจากเบเกอรี่นี่เองที่เป็นเหมือนใบเบิกทางให้ S&P ขยายธุรกิจไปสู่ร้านอาหารเต็มรูปแบบ ด้วยเมนูที่หลากหลาย ทั้งอาหารไทย เบเกอรี่ และเครื่องดื่ม จุดนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและต่อยอดของ ประวัติ เจ้าของ s&p ที่ไม่ได้ยึดติดอยู่แค่ธุรกิจไอศกรีมเดิมๆ

ก้าวสำคัญที่ทำให้ S&P เติบโตแบบก้าวกระโดดและเปลี่ยนสถานะจากธุรกิจครอบครัวมาเป็นองค์กรขนาดใหญ่ คือการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) การเป็นบริษัทมหาชนนี้เหมือนกับการระดมทุนครั้งใหญ่ ที่ทำให้บริษัทมีเงินทุนมหาศาลไปขยายสาขาอย่างรวดเร็ว สร้างโรงงานผลิตขนาดใหญ่ที่ได้มาตรฐาน และแตกแบรนด์ลูกที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่แค่ร้าน S&P ที่เราคุ้นเคย แต่ยังมีแบรนด์อื่นๆ เช่น ร้านอาหารไทยพาทาระ (Patara), พาทิโอ (Patio), ร้านกาแฟบลูคัพ (BlueCup Coffee), หรือแม้แต่การนำเข้าแบรนด์ดังจากต่างประเทศอย่างร้านทงคัตสึ ไมเซน (Maisen) และร้านอาหารญี่ปุ่น อุเมะโนะฮานะ (Umenohana) การขยายตัวนี้ทำให้ S&P มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศและเริ่มรุกเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ ทั้งในเอเชียและยุโรป จากร้านเล็กๆ ในซอย สู่การเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดกว่า 9,000 ล้านบาท (ข้อมูล ณ เดือน ก.พ. 2566) มีพนักงานกว่า 4,450 คน และสร้างรายได้ในปี พ.ศ. 2566 สูงถึงกว่า 6,290 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความแข็งแกร่งที่มาจากรากฐานที่มั่นคงและการบริหารจัดการที่ดีของ ประวัติ เจ้าของ s&p ที่พัฒนามาตลอด

เบื้องหลังความอร่อยและบริการดีๆ ของ S&P ไม่ได้มาจากโชคช่วย แต่มาจากหลักการทำงานที่ยึดมั่นมาตลอด บริษัทให้ความสำคัญสูงสุดกับ “คุณภาพสินค้าและบริการ” โดยยึดหลักการที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง 4 ข้อ คือ “บริการเรียบร้อย, มีแต่ของอร่อย, สถานที่สะอาด, บรรยากาศดี” หลักการเหล่านี้ถูกปลูกฝังให้กับพนักงานทุกคน เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกครั้งที่มาเยือน นอกจากนี้ S&P ยังให้ความสำคัญกับ “สุขภาวะที่ดี” ของลูกค้า มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น และยังมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ลดต้นทุน และยกระดับการบริการให้ทันสมัย เช่น การนำระบบออโตเมชั่น (Automation) หุ่นยนต์ช่วยเสิร์ฟในบางสาขา ระบบ Mobile POS (เครื่องรับชำระเงินแบบพกพา) และระบบชำระเงินแบบไร้เงินสด (Cashless Payment) มาใช้ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีอย่าง RPA (Robotic Process Automation – ระบบอัตโนมัติสำหรับงานเอกสาร) ในงานหลังบ้าน สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า แม้จะเป็นแบรนด์เก่าแก่ แต่ S&P ก็ไม่หยุดนิ่งที่จะปรับตัวและเรียนรู้ เพื่อให้สามารถแข่งขันในยุคที่เปลี่ยนแปลงเร็วได้

หัวใจสำคัญอีกอย่างที่ทำให้ S&P ยังคงแข็งแกร่งและเติบโตอย่างต่อเนื่องคือเรื่องของการบริหารแบบครอบครัวที่ส่งต่อรุ่นสู่รุ่น ประวัติ เจ้าของ s&p คือเรื่องราวของความมุ่งมั่นจากรุ่นก่อตั้งอย่างคุณภัทรา ศิลาอ่อน, คุณเกษสุดา ไรวา และพี่น้องในตระกูล ที่ร่วมกันสร้างรากฐานมาตั้งแต่ต้น และส่งต่อวิสัยทัศน์และหลักการบริหารให้กับทายาทรุ่นที่ 2 ซึ่งเข้ามาสานต่อได้อย่างลงตัว ปัจจุบันผู้ที่ขับเคลื่อนองค์กรหลักๆ คือคุณวิทูร ศิลาอ่อน ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคุณกำธร ศิลาอ่อน ซึ่งดูแลด้านการเงินและการผลิต สมาชิกครอบครัวรุ่นอื่นๆ ก็มีส่วนร่วมในการบริหารธุรกิจในเครืออย่างต่อเนื่อง การบริหารแบบครอบครัวนี้มีข้อดีคือมีความผูกพัน ความเข้าใจในธุรกิจอย่างลึกซึ้ง และการตัดสินใจที่รวดเร็ว แต่ก็ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี เพื่อให้องค์กรเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน โดยผสมผสานจุดแข็งของการบริหารแบบครอบครัวเข้ากับการบริหารแบบมืออาชีพ

แน่นอนว่าการทำธุรกิจใหญ่ระดับนี้ ย่อมต้องเจออุปสรรคและความท้าทาย ไม่ใช่แค่เส้นทางโรยด้วยกลีบกุหลาบ S&P ก็เคยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตต่างๆ ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจในอดีต และโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงปี พ.ศ. 2563 ที่ทำให้รายได้ลดลงอย่างมาก และประสบปัญหาขาดทุนชั่วคราว นอกจากนี้ ยังต้องเผชิญกับความท้าทายด้านต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากราคาวัตถุดิบที่ผันผวน ค่าแรงงานที่ปรับเพิ่มขึ้น และภาวะเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของลูกค้า เหมือนช่วงที่เจอพายุหนักๆ ก็มีสะดุดบ้าง แต่ด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ ประสบการณ์ในการบริหาร และความสามารถในการปรับตัว S&P ก็สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ และยังคงมองหาโอกาสใหม่ๆ เสมอ

มองไปข้างหน้า S&P ยังมีแผนขยายธุรกิจต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยที่ยังคงมองหาทำเลศักยภาพใหม่ๆ แต่ยังเตรียมรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยมีแผนจะไปเปิดสาขาแรกที่ประเทศกัมพูชาในปี พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025) รวมถึงการพัฒนาระบบดิจิทัลและแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น เป้าหมายคือการเป็นแบรนด์ชั้นนำในระดับภูมิภาคและระดับโลก ซึ่งต้องอาศัยทั้งความมุ่งมั่น การลงทุน และการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

เรื่องราวของ S&P จากร้านไอศกรีมเล็กๆ ในซอยประสานมิตร สู่การเป็นบริษัทมหาชนขนาดใหญ่ที่มีแบรนด์หลากหลายและสาขาทั่วประเทศและต่างประเทศ เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของธุรกิจที่เติบโตมาจากความตั้งใจ คุณภาพ และการบริหารจัดการที่ดี โดยมี ประวัติ เจ้าของ s&p ในแต่ละยุคแต่ละสมัยเป็นผู้กำหนดทิศทางและขับเคลื่อนองค์กรมาโดยตลอด สอนให้รู้ว่าความฝันเล็กๆ ถ้ามีความมุ่งมั่นและรู้จักปรับตัวตามสถานการณ์ ก็สามารถเติบโตเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ ไม่ใช่แค่ในโลกธุรกิจ แต่ในชีวิตของเราทุกคนก็เช่นกันครับ/คะ ครั้งต่อไปที่คุณเดินเข้าร้าน S&P หรือเห็นโลโก้สีฟ้าที่คุ้นตา ลองนึกถึงเรื่องราวการเดินทางอันยาวนานของแบรนด์นี้ดูนะครับ/คะ

⚠️ การลงทุนในหุ้นของบริษัทใดๆ มีความเสี่ยงจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ผลประกอบการของบริษัท ภาวะเศรษฐกิจ และการแข่งขัน ผู้ที่สนใจควรศึกษาข้อมูลของบริษัทและปัจจัยต่างๆ ให้รอบคอบก่อนตัดสินใจนะครับ/คะ

Leave a Reply