
เพื่อนๆ เคยไหมคะ? ตื่นเช้ามาเปิดดูข่าว หรือไถหน้าฟีดโซเชียล แล้วเห็นตัวเลขสีแดงๆ พุ่งขึ้น หรือดิ่งลงน่าใจหาย แล้วมีชื่อ “ดาวโจนส์” โผล่มาตลอด ทั้งดูผลหุ้นดาวโจนส์ประจำวัน หรือดูผลหุ้นดาวโจนส์เมื่อคืนนี้ จนบางทีก็แอบงงว่า ไอ้เจ้าดาวโจนส์นี่มันคืออะไรกันแน่ แล้วทำไมมันถึงสำคัญนักหนา วันนี้เราในฐานะคอลัมนิสต์ที่คลุกคลีกับเรื่องพวกนี้มานาน จะขออาสาพาไปทำความเข้าใจแบบง่ายๆ สไตล์คุยกันหลังเลิกงานค่ะ
ก่อนอื่นเลย ต้องบอกว่าเวลาที่นักลงทุนหรือสำนักข่าวเขาพูดถึง “ดาวโจนส์” หลักๆ แล้วหมายถึง ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า DJIA (ดีเจไอเอ) ค่ะ ลองนึกภาพว่ามันเป็นเหมือนตัวแทนบริษัทใหญ่ๆ ระดับท็อป 30 แห่งของสหรัฐอเมริกา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเน้นบริษัทภาคอุตสาหกรรมหนักๆ แต่ปัจจุบันก็รวมเอาบริษัทที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันเราเข้าไปเยอะแยะเลยค่ะ เจ้าดัชนีตัวนี้ถือเป็นหนึ่งในดัชนีตลาดหุ้นที่เก่าแก่และมีคนรู้จักมากที่สุดในโลก เป็นเหมือนเกณฑ์วัดว่าภาพรวมตลาดหุ้นอเมริกาช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง
ทีนี้มาถึงเรื่องที่หลายคนกังวล คือเวลาที่เห็นดูผลหุ้นดาวโจนส์ช่วงนี้ มักจะเจอแต่ข่าวแนวๆ ว่า ดิ่งเหว ไหลไม่หยุด ร่วงเอา ร่วงเอา บางวันก็ลงไปกว่าหลักร้อยจุด บางวันหนักๆ เป็นพันจุดก็มีให้เห็น ข้อมูลล่าสุดที่เราเห็น ตัวดัชนี ดาวโจนส์ (DJIA) ก็อยู่ที่ประมาณ 40,326.77 เหรียญสหรัฐฯ นะคะ แม้ภาพรวมรายสัปดาห์อาจจะเห็นเขียวๆ อยู่บ้าง (ประมาณ +1.50%) แต่ถ้าดูรายเดือนกลับติดลบ (-2.35%) แถมการเปลี่ยนแปลงล่าสุด 24 ชั่วโมงก็ยังเห็นแดงอยู่ (-0.29%)

แล้วทำไมดาวโจนส์ถึงมีอาการแบบนี้ล่ะคะ? ปัจจัยหลักๆ ที่เป็นตัวกดดันและสร้างความกังวลให้นักลงทุนช่วงนี้เลย หนีไม่พ้นเรื่อง “สงครามการค้า” (Trade War) ค่ะ พอประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐฯ กับจีนมีปัญหากันเรื่องการค้า ทั้งการขึ้นภาษีศุลกากรใส่กันไปมา มันก็กระทบกับบริษัทใหญ่ๆ ที่อยู่ในดัชนีดาวโจนส์โดยตรง เพราะบริษัทพวกนี้ทำการค้าทั่วโลก พอเจอกำแพงภาษี ยอดขาย กำไร ก็อาจจะลดลง ส่งผลให้ราคาหุ้นดิ่งตามไปด้วย
นอกจากเรื่องเทรดวอร์แล้ว ปัจจัยกดดันยังมาจากหุ้นรายตัวที่อยู่ในดัชนีด้วยนะคะ อย่างเช่น หุ้นของบริษัท UnitedHealth (ยูไนเต็ดเฮลธ์) หรือหุ้น Nvidia (เอ็นวิเดีย) ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่มากๆ พอหุ้นของบริษัทเหล่านี้ราคาตกลง มันก็ฉุดให้ดัชนีโดยรวมของดาวโจนส์ลดลงไปด้วยค่ะ
ไม่แค่ดาวโจนส์ที่ได้รับผลกระทบนะคะ ดัชนีอื่นๆ ในตลาดวอลล์สตรีทอย่าง S&P 500 (เอสแอนด์พี 500) และ Nasdaq (แนสแด็ก) ที่รวมหุ้นเทคโนโลยีเยอะๆ ก็มีแนวโน้มปรับตัวลงตามไปด้วย เหมือนเวลาเดินๆ ไปแล้วสะดุดล้ม ก็ล้มกันเป็นโดมิโนเลยค่ะ แถมแรงกระเพื่อมนี้ยังส่งไปถึงตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นด้วย อย่างตลาดหุ้นเอเชียก็เปิดมาแบบผันผวน ตลาดหุ้นโตเกียว (ดัชนีนิกเคอิ) ก็เห็นปรับตัวลงตามทิศทางดาวโจนส์ไปเลยค่ะ
ประเด็นเรื่องนโยบายก็มีส่วนสำคัญนะคะ อย่างความกังวลเรื่องการเข้าแทรกแซงการทำงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด (Fed) โดยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ (Trump) ก็เป็นประเด็นที่นักลงทุนจับตาดู เพราะเฟดมีหน้าที่ดูแลเศรษฐกิจของประเทศ ควบคุมอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อภาพรวมการลงทุนค่ะ แม้แต่ประธานเฟดคนปัจจุบันอย่างคุณเจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) เองก็ยังเคยแสดงความกังวลต่อผลกระทบจากมาตรการเก็บภาษีของทรัมป์ว่าอาจจะฉุดรั้งเศรษฐกิจได้ เรื่องพวกนี้เลยเป็นเหมือนเมฆหมอกที่ปกคลุมตลาด ทำให้บรรยากาศดูอึมครึม นักลงทุนไม่มั่นใจ ก็เลยขายหุ้นออกมา

อ๊ะ แต่เดี๋ยวก่อน! เวลาที่เราเห็นคนพูดถึง ดูผลหุ้นดาวโจนส์ ในอีกบริบทหนึ่ง เช่น “ดาวโจนส์ VIP”, “ดาวโจนส์สตาร์”, “ดาวโจนส์มิดไนท์”, “ดาวโจนส์เอ็กตร้า” หรือ “ดาวโจนส์ทีวี” อันนี้ต้องแยกให้ออกนะคะว่า *ไม่* ใช่ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ที่เราคุยกันมาตั้งแต่ต้นค่ะ อันนี้มักจะเป็นชื่อที่ใช้ในการรายงานผลตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มตัวเลขจากตลาดต่างประเทศในรูปแบบที่คล้ายกับการรายงานผลสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือที่คนไทยเรียกกันว่า “หวยหุ้น” มากกว่า อย่างเช่นที่มีการไลฟ์สดผลตัวเลขสำหรับวันที่ 8 มิถุนายน 2568 อันนั้นคือคนละเรื่องกับการลงทุนในตลาดหุ้นจริงๆ เลยนะคะ ถ้าจะดูผลหุ้นดาวโจนส์เพื่อการลงทุน ต้องดูตัวเลขที่เป็นทางการจากแหล่งข่าวหรือแพลตฟอร์มการเงินที่น่าเชื่อถือค่ะ
สำหรับคนที่สนใจ ดูผลหุ้นดาวโจนส์ ในแง่การลงทุนจริงๆ แม้เราจะลงทุนในตัวดัชนีโดยตรงไม่ได้ แต่ก็มีช่องทางอื่นนะคะ เช่น การลงทุนผ่าน Futures (ฟิวเจอร์ส) ที่อิงกับดัชนี หรือลงทุนผ่านกองทุน (Funds) ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดาวโจนส์ หรือจะเลือกซื้อหุ้นรายตัวที่เป็น 30 บริษัทนั้นเลยก็ได้ค่ะ
โดยสรุปแล้ว การติดตามดูผลหุ้นดาวโจนส์เป็นเรื่องที่น่าสนใจและสำคัญสำหรับคนที่สนใจภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนระดับโลกค่ะ แต่สิ่งที่เราต้องตระหนักอยู่เสมอคือ ตลาดการเงิน การซื้อขายตราสารทางการเงินและเงินดิจิตอล มีความเสี่ยงสูงมากๆ นะคะ
⚠️ ข้อควรรู้และข้อควรระวังสำหรับนักลงทุน ⚠️
* การลงทุนมีความเสี่ยง! รวมถึงความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินลงทุนไปทั้งหมดหรือบางส่วนเลยค่ะ ราคาหุ้นหรือสินทรัพย์พวกนี้ขึ้นๆ ลงๆ รุนแรงมาก และได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกเยอะแยะ ทั้งเรื่องการเงิน กฎหมาย หรือการเมือง
* การซื้อขายโดยใช้มาร์จิน (การยืมเงินมาลงทุน) ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงขึ้นไปอีกค่ะ
* ก่อนตัดสินใจลงทุนอะไรก็ตาม ควรทำความเข้าใจความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องให้ดี ศึกษาวัตถุประสงค์ในการลงทุนของเรา ระดับประสบการณ์ที่เรามี และความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของเราเอง
* หากไม่แน่ใจ ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการเงินนะคะ
* ข้อมูลและราคาที่เราเห็นจากแหล่งต่างๆ อาจไม่ใช่แบบเรียลไทม์ หรือไม่แม่นยำเสมอไป เป็นเพียงราคาชี้นำเบื้องต้นเท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับการอ้างอิงเพื่อซื้อขายจริงในทันทีค่ะ
* ข้อมูลเหล่านี้เป็นลิขสิทธิ์ ห้ามนำไปใช้ ทำซ้ำ หรือแจกจ่ายต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตนะคะ
การดูผลหุ้นดาวโจนส์ หรือติดตามการเคลื่อนไหวของตลาด ก็เหมือนการดูพยากรณ์อากาศค่ะ ช่วยให้เรารู้แนวโน้มและเตรียมรับมือ แต่ก็ไม่ได้แม่นยำ 100% สิ่งสำคัญที่สุดคือการศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ทำความเข้าใจในสิ่งที่เรากำลังจะลงทุน และลงทุนด้วยความไม่ประมาทค่ะ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการเดินทางในโลกการเงินที่ทั้งน่าตื่นเต้นและมีความท้าทายนี้ค่ะ!