
ช่วงนี้ไม่ว่าจะเปิดข่าวช่องไหน เราก็มักจะได้ยินคำว่า “เศรษฐกิจโลกผันผวน” “อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น” หรือ “สงครามการค้า” กันบ่อยซะจนชินหูใช่ไหมครับ? เหมือนนั่งอยู่บนรถไฟเหาะตีลังกาที่ไม่มีใครรู้ว่าจะเหวี่ยงไปทางไหนต่อเลยทีเดียว แต่ท่ามกลางความปั่นป่วนเหล่านี้นั้น ยังมีดัชนีหนึ่งที่ถือเป็นเหมือน “เข็มทิศ” สำคัญในการนำทางนักลงทุนและเป็น “เทอร์โมมิเตอร์” วัดไข้เศรษฐกิจของเอเชีย นั่นก็คือ ดัชนีฮั่งเส็ง (Hang Seng Index หรือ HSI) ของฮ่องกงนั่นเองครับ
หลายคนอาจสงสัยว่าเจ้า ฮั่งเส็ง เนี่ย มันคืออะไรกันแน่? ทำไมใครๆ ก็พูดถึงกันจัง? ลองนึกภาพตามผมนะครับ สมมติว่าตลาดหุ้นฮ่องกงคือ “เวทีประกวดดนตรี” แห่งหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยวงดนตรีเก่งๆ มากมาย เจ้า ฮั่งเส็ง ก็เปรียบเสมือน “รางวัลสูงสุด” ที่จะมอบให้กับวงดนตรีที่เล่นดีที่สุด 66 วงแรก ซึ่งล้วนเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง การที่ดัชนีนี้จะขึ้นหรือลง ก็เหมือนกับการรวมคะแนนของวงดนตรีเหล่านั้น ถ้าวงใหญ่ๆ เล่นดี คะแนนรวมก็พุ่งปรี้ด ดัชนีก็สดใส แต่ถ้าวงใหญ่ๆ เกิดป่วย เล่นผิดคีย์ คะแนนรวมก็ดิ่งลงไป ดัชนีก็ต้องปรับตัวตาม ถือเป็นตัวสะท้อนภาพรวมการดำเนินงานของตลาดหุ้นฮ่องกงได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ
ช่วงที่ผ่านมา บรรยากาศของตลาดหุ้นเอเชียโดยรวมต้องบอกว่า “ลมมรสุมพัดกระหน่ำ” เอาเรื่องอยู่เหมือนกันครับ สาเหตุหลักๆ เลยก็มาจากความวิตกกังวลเรื่อง “ดอกเบี้ย” ที่ธนาคารกลางหลายๆ แห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ “เฟด” (Federal Reserve) เอง ก็กำลังพิจารณาที่จะปรับขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งกระฉูด ดอกเบี้ยที่สูงขึ้นมันก็เหมือนกับการที่เราต้องจ่ายค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถแพงขึ้นนั่นแหละครับ พอต้นทุนสูงขึ้น ธุรกิจก็อาจจะเติบโตได้ช้าลง ส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังตลาดหุ้นให้ต้องจับตาดูกันตาไม่กะพริบ แต่ท่ามกลางพายุฝน ก็ยังมีแสงรำไรๆ โผล่มาบ้าง อย่างข่าวดีเมื่อมีแววว่าผู้นำจีนกับสหรัฐฯ อาจจะกลับมาเจรจาการค้ากันอีกครั้ง หลังเคยบาดหมางกันเรื่อง “มาตรการภาษี” ที่ต่างฝ่ายต่างฟาดฟันกันไปมาเหมือนหนังแอคชั่น จนตลาดต้องสะดุ้งเฮือกไปหลายรอบ นี่แหละครับที่ช่วยหนุนให้ ฮั่งเส็ง มีจังหวะได้ฟื้นตัวขึ้นมาหายใจหายคอได้บ้างในบางวัน แม้โดยรวมแล้วจะยังเปิดในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม อย่างที่ Ryt9 และ Yahoo Finance เคยรายงานไว้ในช่วงปีที่ผ่านมา
ทีนี้ ลองมาดู “ตัวแปรสำคัญ” ที่ทำให้ ฮั่งเส็ง ต้องขึ้นๆ ลงๆ กันบ้างดีกว่าครับ เพราะตลาดหุ้นฮ่องกงนั้น มันไม่ใช่แค่เรื่องของฮ่องกงล้วนๆ แต่ยังผูกติดกับ “พี่ใหญ่” อย่างเศรษฐกิจจีนแบบแน่นแฟ้นสุดๆ ครับ ถ้าเศรษฐกิจจีนไอ ฮ่องกงก็จามตามไปด้วย ส่วน “ลุงแซม” อย่างเศรษฐกิจสหรัฐฯ เองก็มีอิทธิพลไม่แพ้กัน เพราะการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลง บวกกับความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ ก็ส่งแรงกระเพื่อมมาถึงตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงบ้านเราและฮ่องกงด้วยครับ แม้เศรษฐกิจฮ่องกงเองจะเริ่มฟื้นตัวจากพิษโควิดและปัจจัยภายในประเทศบ้างแล้ว แต่ความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกเหล่านี้ก็ยังคงเป็นเงาตามตัวไม่ห่างหาย

แล้วใครกันล่ะที่เป็น “ตัวท็อป” หรือ “หัวเรือใหญ่” ในดัชนี ฮั่งเส็ง นี้? ถ้าเปรียบ ฮั่งเส็ง เป็นทีมฟุตบอล บริษัทเหล่านี้ก็คือนักเตะซูเปอร์สตาร์ที่มีอิทธิพลต่อผลแพ้ชนะของทีมมากที่สุดครับ อันดับแรกคงหนีไม่พ้น “บิ๊กเทค” อย่าง Tencent Holdings Limited (บริษัท เทนเซ็นต์ โฮลดิ้งส์ จำกัด) ที่เราคุ้นเคยกันดีในฐานะเจ้าของ WeChat หรือ Alibaba Group Holding Ltd (อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด) เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซและคลาวด์คอมพิวติ้งของจีน บริษัทเหล่านี้มีมูลค่าตลาดมหาศาล และการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นเพียงเล็กน้อยก็สามารถส่งผลกระทบต่อ ฮั่งเส็ง ได้อย่างมีนัยสำคัญเลยทีเดียวครับ
นอกจากนี้ กลุ่ม “ธนาคาร” ยักษ์ใหญ่ของจีนก็เป็นอีกหนึ่งขุมกำลังสำคัญไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น Industrial & Commercial Bank of China (ธนาคาร ICBC), China Construction Bank (ธนาคาร ไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงก์) และ Bank of China Ltd (ธนาคารแห่งประเทศจีน) หุ้นธนาคารเหล่านี้มีขนาดใหญ่และมีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจจีนและฮ่องกงอย่างมาก ปิดท้ายด้วยกลุ่ม “พลังงาน” ที่ขาดไม่ได้ อย่าง PetroChina Co (ปิโตรไชน่า) และ CNOOC Limited (ซีเอ็นโอโอซี ลิมิเต็ด) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม การที่หุ้นเหล่านี้ขึ้นลง ย่อมมีผลต่อจังหวะก้าวของ ฮั่งเส็ง โดยรวมแน่นอนครับ
พูดถึง ฮั่งเส็ง แล้ว ก็ต้องขอเล่าย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นกันสักหน่อยครับ ดัชนีที่สำคัญขนาดนี้ย่อมต้องมี “พ่อ” ผู้ให้กำเนิด ดัชนี ฮั่งเส็ง นั้นถือกำเนิดขึ้นมาได้ด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของ “กวน ชื่อกวง” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สแตนลีย์ กวน” (Stanley Kwan) ผู้ที่ริเริ่มแนวคิดนี้ขึ้นมา และหลังจากนั้น บริษัท ดัชนีฮั่งเส็ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ ธนาคารฮั่งเส็ง (Hang Seng Bank) ก็รับหน้าที่เป็น “ผู้ดูแล” ดัชนีอย่างเป็นทางการ รับรองได้เลยว่าการคำนวณและบริหารจัดการเป็นไปตามมาตรฐานสากล เปรียบเสมือนมีผู้รักษาการณ์ที่คอยดูแลให้ดัชนีนี้เป็นไปอย่างยุติธรรมและน่าเชื่อถือนั่นเองครับ ข้อมูลเหล่านี้หาอ่านได้ทั่วไปตามแหล่งข้อมูลทางการเงินอย่าง Wikipedia หรือ TradingView เลยครับ
แม้ว่า ฮั่งเส็ง จะเป็นดัชนีที่ทรงพลังและมีบทบาทสำคัญ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี “ข้อควรระวัง” เลยนะครับ เหมือนเวลาเราไปเที่ยวที่ไหน ก็ต้องระวังมิจฉาชีพที่อาจจะแฝงตัวมาหลอกลวงได้ ในโลกการลงทุนก็เช่นกันครับ ช่วงที่ผ่านมามีข่าวคราวของมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นพนักงานธนาคารฮั่งเส็ง เพื่อหลอกขอข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า แบบนี้ต้องระวังให้ดี อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ เด็ดขาดนะครับ และที่สำคัญที่สุดคือ “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน” ประโยคนี้เป็นเหมือนคาถาที่ต้องท่องให้ขึ้นใจเลยครับ เพราะบางทีระบบของธนาคารหรือตลาดเองก็อาจมีการปรับปรุง ทำให้การใช้งานบางช่วงเวลาเป็นไปไม่ได้ หรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้เสมอครับ การเตรียมตัวและทำความเข้าใจความเสี่ยงให้ดี จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

แล้วในฐานะนักลงทุนอย่างเราๆ จะนำข้อมูลเกี่ยวกับ ฮั่งเส็ง นี้ไปปรับใช้ได้อย่างไรบ้าง? ลองนึกภาพดูนะครับ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาโอกาสในการ “กระจายความเสี่ยง” ของพอร์ตลงทุนไปในตลาดต่างประเทศ ตลาดหุ้นฮ่องกงก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีบริษัทชั้นนำระดับโลกจดทะเบียนอยู่มากมาย แต่ก่อนจะกระโดดลงไปในสนามนี้ การ “ศึกษาข้อมูล” ของหุ้นแต่ละตัวที่อยู่ใน ฮั่งเส็ง อย่างละเอียดถี่ถ้วนก็เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio), กำไรต่อหุ้น (EPS), หรืออัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Div Yield) ของบริษัทนั้นๆ ซึ่งคุณสามารถหาดูได้จากแพลตฟอร์มข้อมูลทางการเงินอย่าง Yahoo Finance ได้เลยครับ
และที่สำคัญไม่แพ้กันคือการจับตาดู “จังหวะและแนวโน้ม” ของตลาดให้ดี ผู้เชี่ยวชาญหลายสำนักมักจะวิเคราะห์จากตัวเลขเศรษฐกิจของฮ่องกง จีน และสหรัฐฯ ควบคู่กันไป เพราะอย่างที่บอกไปครับ ทั้งหมดนี้ล้วนเชื่อมโยงและส่งผลกระทบต่อทิศทางของ ฮั่งเส็ง หากคุณเป็นนักลงทุนที่อาจจะ “มีเงินทุนหมุนเวียนไม่สูงมากนัก” การตัดสินใจลงทุนในหุ้นต่างประเทศที่มีความผันผวนสูง อาจต้อง “ประเมินความเสี่ยง” ให้ดีเป็นพิเศษนะครับ ลองเริ่มต้นจากการลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกงดูก่อนก็ได้ครับ ซึ่งจะเป็นการกระจายความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง โดยมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพคอยดูแลให้
ท้ายที่สุดแล้ว ฮั่งเส็ง ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่วิ่งขึ้นวิ่งลงบนหน้าจอ แต่เป็นเหมือน “กระจกสะท้อน” ภาพรวมเศรษฐกิจของภูมิภาค และเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่เข้าใจและพร้อมรับมือกับความผันผวน การเรียนรู้และติดตามข้อมูลข่าวสารอยู่เสมอ ทั้งจากสื่อที่น่าเชื่อถือและจากข้อมูลสถิติที่แท้จริง จะช่วยให้คุณ “รู้เขา รู้เรา” และสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างชาญฉลาด ไม่ว่าตลาดจะเหวี่ยงไปทางไหน คุณก็จะสามารถยืนหยัดและเติบโตไปพร้อมกับมันได้อย่างมั่นคงแน่นอนครับ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการลงทุนนะครับ!