ฮั่งเส็งระส่ำ? เปิดปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนต้องรู้!

สวัสดีครับ/ค่ะ เพื่อนๆ นักลงทุน และผู้สนใจเรื่องเงินๆ ทองๆ ทุกคน วันนี้ผม/ดิฉันมีเรื่องใกล้ตัว แต่ก็ไกลตัวนิดๆ มาเล่าให้ฟังครับ เพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อ “น้องแก้ว” เพิ่งไลน์มาถามว่า “พี่ๆ เห็นข่าวไหม ทำไมตลาดหุ้นช่วงนี้มันดูวุ่นๆ จังเลย ทั้งที่ฮ่องกงก็เหมือนกัน ตัวเลข ฮั่งเส็ง ก็ขึ้นๆ ลงๆ ดูแล้วงงไปหมด” อืม คำถามนี้โดนใจมากครับ เพราะไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นไทย ตลาดหุ้นอเมริกา หรือแม้แต่ “ตลาดหุ้นฮ่องกง” ที่เราจะคุยกันวันนี้ ตัวเลข “ดัชนีฮั่งเส็ง” (หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “ฮั่งเส็ง”) ก็กำลังเต้นระบำยุกยิกจนหลายคนเวียนหัวเลยล่ะ

ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับเจ้า “ฮั่งเส็ง” กันก่อนแบบง่ายๆ ครับ ลองนึกภาพว่า “ฮั่งเส็ง” ก็เหมือนสมุดพกหรือรายงานผลการเรียนของบริษัทใหญ่ๆ ที่ลิสต์อยู่ในตลาดหุ้นฮ่องกงนั่นแหละครับ เขาเอาบริษัทเด่นๆ ดังๆ มาถัวเฉลี่ยน้ำหนักตามมูลค่าตลาด แล้วก็คอยบอกเราว่า ภาพรวมของบริษัทเหล่านั้นเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้น แย่ลง หรือทรงๆ ตัว ดัชนีนี้มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1969 โน่นแหนะ ถือเป็น “หน้าตา” ของตลาดหุ้นฮ่องกงเลยก็ว่าได้ บริษัทที่เราคุ้นชื่อหลายๆ แห่งก็อยู่ในดัชนี “ฮั่งเส็ง” นี่แหละครับ

แล้วทำไมช่วงนี้ “ฮั่งเส็ง” และตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชียถึงดูไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ล่ะ? มันเหมือนมีหลายปัจจัยถาโถมเข้ามาพร้อมๆ กันเลยครับ อย่างแรกเลยก็เรื่อง “อัตราดอกเบี้ย” นี่แหละครับ ที่ธนาคารกลางใหญ่ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังส่งสัญญาณว่าอาจจะยังไม่ลดดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ หรืออาจจะขึ้นอีกนิดหน่อยด้วยซ้ำไป ลองคิดดูนะครับ ถ้าเงินกู้แพงขึ้น การลงทุนอะไรมันก็ดูไม่ค่อยน่าสนใจเท่าเดิมใช่ไหมล่ะ เงินที่เคยไหลไปลงทุนในตลาดหุ้นก็อาจจะชะลอตัวลง หรือบางส่วนก็โยกย้ายไปหาที่ที่ให้ผลตอบแทนแน่นอนกว่า เช่น พันธบัตร เรื่องนี้เลยเป็นปัจจัยกดดันสำคัญที่ทำให้บรรยากาศการลงทุนดูซึมๆ ไปหมด ไม่ใช่แค่ “ฮั่งเส็ง” นะครับ แต่เป็นกันทั้งภูมิภาคเลย

อีกเรื่องที่เหมือนเงาตามตัว “ฮั่งเส็ง” มาตลอด ก็คือความสัมพันธ์ระหว่าง “สหรัฐฯ” กับ “จีน” ครับ เรื่องการค้า เรื่องภาษีนำเข้าส่งออก มันเป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่ส่งผลต่อบริษัทใหญ่ๆ หลายแห่งใน “ฮั่งเส็ง” เหมือนกัน อย่างข่าวที่เคยมีมาว่าสหรัฐฯ อาจจะพิจารณาขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์อีกครั้ง มันก็สร้างความกังวลให้นักลงทุนได้ไม่น้อย เพราะบริษัทใน “ฮั่งเส็ง” หลายแห่งก็ทำธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับตลาดโลกและจีน พอสองยักษ์ใหญ่มีปัญหากัน ตลาดหุ้นอย่างฮ่องกงที่อยู่ตรงกลางก็ได้รับผลกระทบเต็มๆ ครับ

ไม่พอแค่นั้นครับ สถานการณ์ “ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์” ทั่วโลกก็มีผลด้วย อย่างในตะวันออกกลาง พอมีข่าววุ่นๆ ขึ้นมา นักลงทุนก็ใจคอไม่ดี ขายหุ้นออกมาก่อนเพื่อความปลอดภัย เพราะไม่รู้ว่าสถานการณ์จะลุกลามไปแค่ไหน ความไม่แน่นอนเหล่านี้ทำให้ความผันผวนในตลาดสูงขึ้น ตัวเลขที่เคยนิ่งๆ ก็กระโดดขึ้นลงแรงกว่าปกติ ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลโดยตรงต่อการเคลื่อนไหวของ “ฮั่งเส็ง” ในแต่ละวัน

แล้วก็มีเรื่องของ “ตัวเลขเศรษฐกิจ” ครับ รายงานเศรษฐกิจจากบางประเทศ เช่น สหรัฐฯ ที่เคยมีสัญญาณชะลอตัวลงในไตรมาสหนึ่ง หรือภาคการผลิตของญี่ปุ่นที่ดูหดตัวลงหน่อยๆ จากข้อมูลดัชนี PMI ข้อมูลเหล่านี้มันบอกภาพรวมว่า “เศรษฐกิจ” ทั่วโลกยังไม่แข็งแรงเต็มที่นะ ซึ่งก็ทำให้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมดูไม่คึกคักเท่าที่ควร เมื่อเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ความเชื่อมั่นของนักลงทุนก็ลดลง การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วยครับ

สำหรับฮ่องกงเอง ก็มีเรื่องภายในที่น่าจับตา อย่างเรื่อง “งบประมาณฮ่องกง” ที่ออกมาดูจะเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศมากกว่า อาจจะยังไม่เห็นมาตรการแรงๆ ที่จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามามากนัก ซึ่งบางทีนักลงทุนต่างชาติก็อยากเห็นนโยบายที่ชัดเจนกว่านี้เพื่อสร้างความมั่นใจในการลงทุนระยะยาวในตลาด “ฮั่งเส็ง” แต่ก็มีข่าวดีๆ บ้างเหมือนกันครับ คือฮ่องกงกำลังพิจารณาที่จะอนุญาตให้ศูนย์ซื้อขาย “สินทรัพย์ดิจิทัล” สามารถให้บริการนักลงทุนรายย่อยได้ ซึ่งอันนี้ก็น่าสนใจสำหรับคนที่มองหาโอกาสในสินทรัพย์รูปแบบใหม่ๆ และอาจจะช่วยเพิ่มความคึกคักให้กับตลาดฮ่องกงในอนาคตได้บ้าง

ถ้าให้ดูตัวเลขล่าสุด (อ้างอิงจากข้อมูลประมาณวันที่ 13 มิถุนายน) “ฮั่งเส็ง” ปิดอยู่ที่ประมาณ 23,892.56 จุด ลดลงไป 142.82 จุด คิดเป็น -0.59% ในวันนั้น ปัจจัยที่ทำให้ลดลงก็วนๆ อยู่กับเรื่องความกังวลทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง และความเป็นไปได้เรื่องมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ นั่นแหละครับ มันแสดงให้เห็นว่า ตลาดไวต่อข่าวสารเหล่านี้มากๆ

อย่างไรก็ตาม แม้ช่วงสั้นๆ “ฮั่งเส็ง” จะดูย่อตัวลงไปบ้าง และนักวิเคราะห์หลายคนมองว่าตลาดหุ้นฮ่องกงกำลังใกล้เข้าสู่ภาวะปรับฐาน (Correction) ที่ราคาลดลงมา 10% จากจุดสูงสุดล่าสุด จากความกังวลต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น แต่ถ้ามองย้อนหลังไปหนึ่งปีที่ผ่านมา จากข้อมูลที่เห็น “ฮั่งเส็ง” กลับให้ผลตอบแทนที่น่าทึ่งทีเดียวครับ บวกไปกว่า 31.97% เลยนะ! แสดงให้เห็นว่าแม้จะมีเรื่องให้กังวล แต่ในระยะยาว ตลาดก็ยังมีศักยภาพอยู่เหมือนกัน

ส่วนจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ “ฮั่งเส็ง” เคยไปยืนที่ 33,484.08 จุด เมื่อวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 2018 นู่นเลยครับ ส่วนจุดต่ำสุดก็ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1987 ที่ 1,894.90 จุด ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดเหตุการณ์สำคัญในตลาดหุ้นโลกด้วยครับ การที่ “ฮั่งเส็ง” เคยทำจุดสูงสุดและต่ำสุดห่างกันขนาดนี้ ก็เป็นเครื่องย้ำเตือนว่าตลาดหุ้นมีความผันผวนสูงจริงๆ

ถ้าเราในฐานะนักลงทุนดูจากกราฟต่างๆ ข้อมูลทางเทคนิคโดยรวมในช่วงเวลานี้ค่อนข้าง “เป็นกลาง” ครับ หมายความว่า ตัวชี้วัดทางเทคนิคยังไม่มีสัญญาณชัดเจนว่าจะไปทางไหนแรงๆ อาจจะกำลังรอดูปัจจัยใหม่ๆ เข้ามานั่นเองครับ

สรุปแล้ว สถานการณ์ของ “ฮั่งเส็ง” และตลาดหุ้นทั่วโลกตอนนี้ก็เหมือนกำลังเจอพายุหลายลูกพร้อมๆ กัน ทั้งเรื่องดอกเบี้ยที่ยังไม่แน่นอน สงครามการค้าเก่าๆ ที่อาจปะทุขึ้นใหม่ สถานการณ์โลกที่ไม่สงบ และตัวเลขเศรษฐกิจที่ไม่สดใสนัก ปัจจัยเหล่านี้ล้วนกดดันให้ “ฮั่งเส็ง” และตลาดอื่นๆ ต้องปรับตัวและผันผวนไปตามข่าว

แล้วเราในฐานะนักลงทุนควรทำยังไงดีล่ะครับ/คะ? สิ่งสำคัญที่สุดคือ “ติดตามข่าวสาร” อย่างใกล้ชิด ทำความเข้าใจว่าปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อตลาด โดยเฉพาะต่อ “ฮั่งเส็ง” ถ้าคุณสนใจตลาดนี้ อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไปกับการขึ้นๆ ลงๆ รายวันครับ ให้มองภาพรวมและปัจจัยระยะยาวด้วย พิจารณาว่าบริษัทใหญ่ๆ ใน “ฮั่งเส็ง” ที่คุณสนใจพื้นฐานยังดีอยู่ไหม แม้ราคาหุ้นจะผันผวนตามปัจจัยภายนอก

⚠️ และที่สำคัญมากๆ ครับ/ค่ะ การลงทุนในตลาดหุ้นที่มีความผันผวนสูงแบบนี้มีความเสี่ยงเสมอ “ฮั่งเส็ง” ก็เช่นกัน ราคาอาจปรับตัวลงได้อีกตามปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมา ก่อนตัดสินใจลงทุนอะไร ให้ประเมินความเสี่ยงที่คุณรับได้ ทำความเข้าใจเครื่องมือหรือหุ้นที่คุณจะลงทุนอย่างถ่องแท้ และอย่าใช้เงินที่เป็นเงินฉุกเฉินหรือเงินที่คุณจำเป็นต้องใช้ในอนาคตอันใกล้มาลงทุนนะครับ/คะ คิดซะว่า การทำความเข้าใจ “ฮั่งเส็ง” วันนี้ ก็คือการเปิดโลกการลงทุนของเราให้กว้างขึ้นอีกหนึ่งก้าว เตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ในตลาดการเงินโลก ขอให้ทุกคนลงทุนอย่างมีความสุขและรอบคอบนะครับ/คะ!

Leave a Reply