หุ้นนิเคอิ วันนี้: โอกาสทองหรือหลุมดำ? วิเคราะห์เจาะลึกก่อนลงทุน!

เคยไหมครับ อยู่ดีๆ เพื่อนก็ทักมาถามว่า ‘เฮ้ย หุ้นญี่ปุ่นตอนนี้เป็นไงบ้าง?’ หรือเปิดข่าวมาเจอพาดหัวเรื่อง ดัชนีนิกเกอิขึ้นแรงลงแรง ทำเอาหลายคนงงว่า สรุปแล้ว `หุ้นนิเคอิ วันนี้` มันจะไปทางไหนกันแน่นะ? ในฐานะที่คลุกคลีอยู่ในวงการการเงินมาพักใหญ่ อยากจะชวนทุกท่านมาแกะกล่องทำความเข้าใจเรื่องนี้กันแบบง่ายๆ สไตล์คนคุยกันครับ

ก่อนจะไปดูว่า `หุ้นนิเคอิ วันนี้` เป็นยังไง เรามาทำความรู้จักกับพระเอกของเราก่อนครับ… นิกเกอิ 225 (Nikkei 225) นี่ก็เหมือนหน้าตาของตลาดหุ้นโตเกียวเขาแหละครับ เป็นดัชนีที่รวมเอาหุ้นของ 225 บริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวมาคำนวณเข้าด้วยกัน คิดง่ายๆ นะครับ มันเหมือนการเอาผลสอบของนักเรียนเก่งๆ 225 คนมารวมกัน แล้วหาค่าเฉลี่ยออกมา เพื่อบอกว่าภาพรวมของโรงเรียน (ตลาดหุ้น) เป็นยังไง

ดัชนีนิกเกอิ 225 นี่เก่าแก่มากนะครับ เริ่มคำนวณมาตั้งแต่ปี 2513 โดยหนังสือพิมพ์ Nikkei ของญี่ปุ่น เขาคิดย้อนหลังไปถึงปี 2492 โน่นเลย วิธีคิดดัชนีของเขาก็จะซับซ้อนนิดหน่อย แต่หลักๆ คือใช้ราคาหุ้นมาถัวเฉลี่ย โดยหุ้นตัวไหนที่ราคาต่อหุ้นสูงๆ ก็จะมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงของดัชนีรวมเยอะหน่อย ไม่ได้ใช้มูลค่าตลาดเหมือนดัชนีอื่นบางตัว นี่คือจุดเด่นที่ต้องทำความเข้าใจครับ

หุ้น 225 ตัวที่ถูกคัดเลือกเข้ามาอยู่ในดัชนีนี้ ไม่ใช่ว่าสุ่มๆ เอามานะครับ มีเกณฑ์การคัดเลือกที่ค่อนข้างละเอียด ทั้งดูเรื่องสภาพคล่องในการซื้อขาย ความสมดุลของอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อให้ดัชนีสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้ดีที่สุด โดยจะมีการทบทวนรายชื่อหุ้นกันเป็นประจำทุกปี และถ้ามีหุ้นตัวไหนหลุดจากกระดานไป ก็จะมีตัวอื่นเข้ามาแทนที่ครับ

ว่ากันถึงโครงสร้างแล้ว ดัชนีนิกเกอิ 225 นี่มีหุ้นที่มาจาก 36 อุตสาหกรรมเลยนะ แบ่งเป็น 6 หมวดหมู่ใหญ่ๆ แต่ที่เด่นสุดๆ และมีน้ำหนักต่อดัชนีรวมมากที่สุดก็คือ หมวดเทคโนโลยีครับ คิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของดัชนีทั้งหมดเลยทีเดียว รองลงมาก็เป็นกลุ่มอื่นๆ เช่น การเงิน สินค้าอุปโภคบริโภค วัสดุ สินค้าทุน ขนส่ง และสาธารณูปโภค บริษัทใหญ่ๆ ที่เราคุ้นชื่อกันหลายแห่งก็อยู่ในนี้ครับ เช่น บริษัทค้าปลีกเสื้อผ้าดังๆ หรือบริษัทผลิตเครื่องจักรไฟฟ้าชั้นนำ

แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้ `หุ้นนิเคอิ วันนี้` มันวิ่งขึ้นวิ่งลงไม่หยุด? ปัจจัยมันเยอะมากครับ ไม่ได้มีแค่อย่างเดียว ที่เห็นชัดๆ จากข้อมูลที่ผ่านๆ มาก็เช่น…

แรงซื้อในหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) หรือพวกชิปต่างๆ เนี่ย เป็นตัวสำคัญเลยที่ช่วยหนุนให้ดัชนีนิกเกอิปรับตัวขึ้นในบางช่วงครับ เพราะญี่ปุ่นเป็นฐานการผลิตและมีบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกอยู่เยอะ ความต้องการชิปที่เพิ่มขึ้น หรือข่าวดีเกี่ยวกับอุตสาหกรรมนี้ ก็ส่งผลบวกโดยตรงต่อหุ้นกลุ่มนี้ และเมื่อหุ้นกลุ่มนี้มีน้ำหนักเยอะในดัชนี มันก็ดึงดัชนีรวมให้ขึ้นตามไปด้วยครับ

แต่ในทางกลับกัน ค่าเงินเยนที่แข็งโป๊กขึ้นมานี่สิครับ กลายเป็นตัวกดดัน `หุ้นนิเคอิ วันนี้` ในบางช่วง เพราะอะไรน่ะเหรอครับ? ก็เพราะบริษัทญี่ปุ่นส่วนใหญ่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลักครับ เวลาเงินเยนแข็ง ค่าสินค้าที่ขายไปต่างประเทศ พอแลกกลับมาเป็นเงินเยนก็ได้น้อยลง กำไรที่รายงานออกมาก็มีแนวโน้มที่จะหดตามไปด้วย หุ้นของบริษัทส่งออกทั้งหลายเลยไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่เมื่อเงินเยนแข็งค่า นี่เป็นปัจจัยที่นักลงทุนต้องจับตาดูควบคู่ไปกับการเคลื่อนไหวของดัชนีเลยนะครับ

นอกจากปัจจัยเฉพาะตัวของญี่ปุ่นเองแล้ว สภาพตลาดหุ้นทั่วโลกก็มีผลกับ `หุ้นนิเคอิ วันนี้` ไม่น้อยครับ อย่างช่วงที่ผ่านมา มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการคลังและหนี้รัฐบาลของสหรัฐฯ เนี่ย มันไม่ได้กระทบแค่วอลล์สตรีทนะครับ แต่ส่งแรงกระเพื่อมมาถึงตลาดหุ้นเอเชียรวมถึงญี่ปุ่นด้วย ทำให้นักลงทุนระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น และกดดันให้ดัชนีโดยรวมปรับตัวลง

ในมุมบวกบ้าง การเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่มีสัญญาณว่าอาจจะมีความคืบหน้าไปในทางที่ดีขึ้น ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยสร้างบรรยากาศเชิงบวกให้กับตลาดหุ้นเอเชียโดยรวม ซึ่งญี่ปุ่นเองก็ได้รับอานิสงส์ไปด้วย เพราะเศรษฐกิจในภูมิภาคเชื่อมโยงกันหมดครับ ตลาดหุ้นใหญ่ๆ ทั่วโลกอย่างดาวโจนส์ (Dow Jones), เอสแอนด์พี 500 (S&P 500), แนสแด็ก (Nasdaq) ที่อเมริกา หรือฮั่งเส็ง (Hang Seng) ที่ฮ่องกง, ฟุตซี่ 100 (FTSE 100) ที่อังกฤษ พวกนี้ก็มีการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกันไปตามปัจจัยในพื้นที่และปัจจัยระดับโลก ซึ่งก็สะท้อนกลับมาถึงตลาดหุ้นญี่ปุ่นด้วย

นอกจากปัจจัยที่กล่าวมาแล้ว ตัวเลขเศรษฐกิจเองก็เป็นเครื่องยนต์สำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดหุ้นครับ อย่างที่ผ่านมา ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี – GDP) ของจีนที่ประกาศออกมาว่าเติบโตได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ก็ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและบรรยากาศการลงทุนที่ดีให้กับทั้งภูมิภาค รวมถึงตลาดหุ้นญี่ปุ่นด้วยครับ

หรือแม้แต่อัตราเงินเฟ้อของจีนที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ก็เป็นอีกตัวเลขที่นักลงทุนให้ความสนใจ เพราะมันอาจส่งผลต่อนโยบายการเงินของจีน ซึ่งมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจในเอเชียทั้งหมด นโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ ในภูมิภาคนี้ก็สำคัญครับ อย่างการที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) อันนี้ก็ถือเป็นข่าวดีที่ช่วยกระตุ้นตลาดได้

ในส่วนของญี่ปุ่นเอง นักลงทุนก็ต้องประเมินข้อมูลเศรษฐกิจภายในประเทศควบคู่ไปด้วยครับ ทั้งเรื่องตัวเลขเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเอง หรือตัวชี้วัดอื่นๆ ที่สะท้อนภาวะเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ดัชนีนิกเกอิ 225 ยังมีค่าสถิติสำคัญที่นักลงทุนใช้ดูกันอย่างอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) และอัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/B Ratio) ซึ่งเป็นเหมือนแว่นช่วยมองว่า ภาพรวมของ 225 บริษัทนี้ ปัจจุบันซื้อขายกันที่ระดับราคาที่แพงไปหรือยัง หรือยังน่าสนใจอยู่เมื่อเทียบกับกำไรหรือมูลค่าทางบัญชี นี่ก็เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่ใช้ประกอบการตัดสินใจครับ

แล้วถ้าอยากจะร่วมวงกับ `หุ้นนิเคอิ วันนี้` ล่ะ ทำไง? ต้องเข้าใจก่อนว่า เราไม่สามารถเดินไป “ซื้อ” ตัวดัชนีนิกเกอิ 225 ได้โดยตรงนะครับ แต่มันมีช่องทางในการลงทุนที่อิงกับดัชนีนี้อยู่หลายแบบ เช่น การลงทุนผ่านอนุพันธ์อย่างสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) ที่อิงกับดัชนีนิกเกอิ หรือการลงทุนผ่านกองทุนรวม (Mutual Funds) ที่ไปลงทุนในหุ้นที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี หรือบางกองทุนก็อาจจะสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนี (Index Fund) หรือจะเลือกซื้อหุ้นรายตัวที่เป็นองค์ประกอบหลักของดัชนีโดยตรงเลยก็ได้ แต่ก็ต้องศึกษาเป็นรายบริษัทไปครับ

ย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์นิดนึง ดัชนีนิกเกอิ 225 เองก็เคยสร้างสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์มาแล้วนะครับ นั่นแสดงว่าตลาดนี้มีศักยภาพในการเติบโตที่น่าสนใจ เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจปัจจัยที่ขับเคลื่อนมันให้ดี

ลองจินตนาการดูนะครับ สมมติว่าพรุ่งนี้มีข่าวดีมากๆ เกี่ยวกับการส่งออกของญี่ปุ่น หรือค่าเงินเยนอ่อนยวบลงไปอีก หุ้นกลุ่มส่งออกอาจจะดี๊ด๊า ราคาวิ่งขึ้นแรงๆ ซึ่งเมื่อหุ้นกลุ่มใหญ่ๆ ที่มีน้ำหนักเยอะในดัชนีราคาขึ้น ดัชนีนิกเกอิรวมก็มีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นตามไปด้วย หรือในทางกลับกัน ถ้ามีข่าวร้าย เช่น สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากบางประเทศในเอเชีย แรงกดดันก็จะมาถึงตลาดหุ้นในภูมิภาค รวมถึงญี่ปุ่นด้วยครับ นี่คือภาพง่ายๆ ที่บอกว่าปัจจัยภายนอกก็มีผลต่อ `หุ้นนิเคอิ วันนี้` อย่างมาก

มาถึงเรื่องสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยครับ ทุกเรื่องในโลกการเงิน มันก็เหมือนเหรียญสองด้านครับ เมื่อมีโอกาส ก็มีความเสี่ยงที่ต้องระวังมากๆ

ต้องขอย้ำเตือนเลยนะครับว่า การซื้อขายตราสารทางการเงินต่างๆ รวมถึงการลงทุนในตลาดหุ้น หรือแม้แต่เงินดิจิทัลที่มีการกล่าวถึงกันอย่างแพร่หลายในข้อมูลข่าวสารทั่วไปนั้น มีความเสี่ยงสูงมากนะครับ สูงถึงขั้นที่อาจทำให้สูญเสียเงินลงทุนไปทั้งหมด หรือบางส่วนอย่างมีนัยสำคัญได้เลย

ราคาของตราสารเหล่านี้ รวมถึงเงินดิจิทัล มีความผันผวนสูงมากๆ ครับ แค่มีข่าวอะไรเล็กๆ น้อยๆ ทั้งข่าวการเงิน กฎหมายใหม่ๆ ที่ออกมา หรือแม้แต่เหตุการณ์ทางการเมืองในประเทศต่างๆ ก็สามารถส่งผลกระทบต่อราคาได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง

ยิ่งถ้าใครเทรดโดยใช้มาร์จิ้น (Margin) หรือที่เข้าใจง่ายๆ คือการยืมเงินโบรกเกอร์มาเทรดเนี่ย ความเสี่ยงยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีกนะครับ เพราะถ้าตลาดไปคนละทางกับที่เราคาดไว้ เราอาจจะต้องเติมเงิน หรือถ้าไม่ทัน ก็อาจจะถูกบังคับขายขาดทุนจนเงินต้นหายไปเยอะมากๆ ครับ

ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อขายอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับตลาดการเงิน ไม่ว่าจะเป็น `หุ้นนิเคอิ วันนี้` หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ หรือแม้แต่เงินดิจิทัล ขอให้ทำความเข้าใจความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนนะครับ ลองพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุนของตัวเอง ระดับประสบการณ์ในการลงทุนที่เรามี และที่สำคัญคือความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของตัวเองอย่างรอบคอบมากๆ

หากไม่แน่ใจ หรือรู้สึกว่าข้อมูลมันซับซ้อนเกินไป อย่าลังเลที่จะขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินนะครับ การลงทุนไม่ใช่เรื่องของการลองผิดลองถูกด้วยเงินก้อนใหญ่ๆ โดยที่เรายังไม่เข้าใจมันดีพอ

อีกเรื่องที่ต้องระวังคือ ข้อมูลและราคาหุ้นหรือตราสารต่างๆ ที่เราเห็นบนเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันต่างๆ เนี่ย บางทีมันอาจไม่ใช่ข้อมูลแบบเรียลไทม์ หรือบางครั้งก็อาจจะไม่เที่ยงตรงแม่นยำเสมอไปนะครับ ราคาจริงในตลาดอาจแตกต่างออกไปได้ และผู้ให้บริการข้อมูลเอง ก็มักจะมีข้อจำกัดความรับผิดชอบว่าเขาจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือการสูญเสียใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการซื้อขาย หรือการที่เราไปเชื่อหรือพึ่งพาข้อมูลเหล่านั้น

นอกจากนี้ ข้อมูลต่างๆ ที่เผยแพร่สู่สาธารณะ ส่วนใหญ่จะมีข้อกำหนดด้านลิขสิทธิ์นะครับ เราไม่ได้รับอนุญาตให้เอาข้อมูลไปใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งต่อ หรือแจกจ่ายต่อ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ให้ข้อมูลนะครับ อันนี้เป็นเรื่องกฎหมายที่ต้องระวังด้วย

และสุดท้าย เพื่อความโปร่งใส บางครั้งผู้ให้ข้อมูลข่าวสารทางการเงินก็อาจจะได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณา ซึ่งเป็นเรื่องปกติในวงการสื่อนะครับ แต่ก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนควรทราบไว้

สรุปแล้ว `หุ้นนิเคอิ วันนี้` และในวันต่อๆ ไปเนี่ย มันเป็นเรื่องที่ต้องดูหลายมุมจริงๆ ครับ ทั้งปัจจัยภายในญี่ปุ่นเองอย่างหุ้นรายตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมหลักๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยี ค่าเงินเยน หรือตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ไปจนถึงปัจจัยภายนอกอย่างสภาพตลาดหุ้นทั่วโลก นโยบายการเงินของประเทศมหาอำนาจ หรือแม้แต่ความกังวลเรื่องหนี้สาธารณะของบางประเทศ

สำหรับใครที่สนใจตลาดหุ้นญี่ปุ่น หรืออยากจะลงทุนใน `หุ้นนิเคอิ วันนี้` ลองถามตัวเองก่อนว่า ‘เราเข้าใจมันดีแค่ไหน? เรารับความเสี่ยงได้แค่ไหน?’ ถ้ายังใหม่ ลองศึกษาข้อมูลพื้นฐานของดัชนี ตัวชี้วัดต่างๆ หรืออาจจะเริ่มจากการลงทุนผ่านกองทุนรวมที่เน้นตลาดหุ้นญี่ปุ่น ซึ่งกระจายความเสี่ยงไปในหุ้นหลายตัว ดีกว่าการเลือกซื้อหุ้นรายตัวถ้าเรายังไม่มีข้อมูลเพียงพอครับ

หากสภาพคล่องเงินลงทุนไม่สูงนัก การจะทุ่มเงินทั้งหมดไปกับตลาดที่มีความผันผวนสูงก็อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด ลองพิจารณาแนวทางการลงทุนที่เหมาะกับตัวเอง ความสามารถในการยอมรับความเสี่ยง และระยะเวลาการลงทุนที่เรามีก่อนนะครับ

⚠️ สุดท้ายและสำคัญที่สุด ขอเตือนย้ำอีกครั้งว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบและทำความเข้าใจความเสี่ยงให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนสูงอย่างตลาดหุ้นญี่ปุ่น หรือตราสารทางการเงินอื่นๆ ความรู้และความเข้าใจคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดครับ

Leave a Reply