หุ้นนิเคอิบ่าย: จับจังหวะทำกำไรตลาดหุ้นญี่ปุ่น

สวัสดีครับทุกท่าน! ยินดีต้อนรับกลับสู่คอลัมน์การเงินแบบเข้าใจง่าย สไตล์เล่าเรื่องนะครับ วันนี้ผมจะชวนทุกท่านมาทำความรู้จักกับหนึ่งในดัชนีหุ้นที่สำคัญมากๆ ของเอเชีย นั่นก็คือ ดัชนี Nikkei 225 (นิคเคอิ 225) หรือที่คนไทยเราคุ้นเคยกันในชื่อ “นิคเคอิ” นั่นเองครับ

เพื่อนสนิทของผม คุณสมชาย แกเพิ่งไลน์มาถามเมื่อเช้าว่า “เฮ้ย นิเคอิวันนี้มันลงเยอะป่าววะ เห็นข่าวแว๊บๆ แล้ว ‘หุ้นนิเคอิบ่าย’ นี่มันน่าสนใจไหม?” คำถามของคุณสมชายทำให้ผมคิดว่า เอ้อ… หลายคนคงอยากรู้เหมือนกันว่าดัชนีนี้มันคืออะไร สำคัญแค่ไหน แล้วไอ้ที่เราเห็นตัวเลขเขียวๆ แดงๆ ในข่าวหรือแอปฯ หุ้นเนี่ย มันบอกอะไรเราบ้าง? โดยเฉพาะคำว่า “หุ้นนิเคอิบ่าย” นี่แหละครับ หลายคนอาจจะจับตาดูเป็นพิเศษ เพราะมันคือช่วงเวลาสำคัญของการซื้อขายในตลาดญี่ปุ่น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรา? วันนี้เราจะมาไขปริศนากันครับ

เอาล่ะครับ เริ่มจากคำถามพื้นฐานก่อนเลย “ดัชนี Nikkei 225 มันคืออะไรกันแน่?”

ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ ดัชนี Nikkei 225 (นิคเคอิ 225) ก็เหมือนกับ “เทอร์โมมิเตอร์” หรือ “มาตรวัดอุณหภูมิ” ของตลาดหุ้นญี่ปุ่นครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange) ดัชนีนี้ไม่ได้วัดอุณหภูมิอากาศนะครับ แต่วัด “สุขภาพ” หรือ “บรรยากาศ” โดยรวมของตลาดหุ้นญี่ปุ่นว่าเป็นอย่างไรในแต่ละวัน แต่ละช่วงเวลา เป็นตัวบ่งชี้ว่าราคาหุ้นของบริษัทใหญ่ๆ ชั้นนำ 225 แห่งในญี่ปุ่นโดยเฉลี่ยแล้วมีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางไหน

ดัชนีนี้ถูกสร้างและดูแลโดยบริษัทชื่อ Nikkei Inc. (ชื่อเดียวกับตัวดัชนีนั่นแหละครับ) ซึ่งเป็นบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นที่เชี่ยวชาญด้านข้อมูลเศรษฐกิจและการเงิน ดัชนี Nikkei 225 ถือเป็นดัชนีหลักที่เก่าแก่และได้รับการยอมรับมากที่สุดของญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่ในประเทศนะครับ แต่ทั่วโลกให้ความสำคัญกับดัชนีนี้มากๆ เพราะญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ และบริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งก็เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมระดับโลก

แล้วทำไมเราถึงเห็นความเคลื่อนไหวของ Nikkei 225 ในข่าวการเงินทั่วโลก รวมถึงข่าวในไทยด้วย? ก็เพราะว่าตลาดหุ้นทั่วโลกมันเชื่อมโยงกันนั่นเองครับ โดยเฉพาะตลาดในเอเชียที่มักจะได้รับอิทธิพลจากกันและกัน และยังได้รับอิทธิพลจากตลาดใหญ่ๆ อย่าง สหรัฐอเมริกา และ จีน อีกด้วย ดังนั้น การที่ Nikkei 225 ปรับตัวขึ้นหรือลง ก็มักจะสะท้อนถึงบรรยากาศการลงทุนในภูมิภาคและแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมได้ระดับหนึ่ง

ทีนี้ มาดูกันที่ตัวเลขล่าสุดบ้างดีกว่าครับ (อ้างอิงจากข้อมูล ณ วันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมานะครับ ตัวเลขนี้เป็นเพียงตัวอย่าง ณ ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ตลาดหุ้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา)

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ดัชนี Nikkei 225 ปิดตลาดที่ประมาณ 37,834.25 จุด ซึ่งลดลงจากวันก่อนหน้าประมาณ 338.84 จุด หรือคิดเป็นการลดลง 0.89% ในวันเดียว ฟังดูเหมือนตลาดจะซึมๆ ใช่ไหมครับ? ราคาเปิดอยู่ที่ 38,130.25 จุด แล้วก็มีการแกว่งตัวระหว่างวันอยู่ในช่วง 37,540.2 ถึง 38,141.59 จุด ปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 1.43 พันล้านหุ้น

แต่ถ้าเรามองภาพกว้างขึ้นอีกนิด จะเห็นว่าในกรอบเวลาที่ต่างกัน ดัชนีก็มีพฤติกรรมที่ต่างกันครับ เช่น

* ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ข้อมูลจาก Fusion Media) ดัชนีปรับตัวลดลงประมาณ 1.56%
* แต่พอมองในรอบเดือนที่ผ่านมา (ข้อมูลจาก Fusion Media) ดัชนีกลับเพิ่มขึ้นถึง 6.82% อันนี้น่าสนใจ แสดงว่าก่อนหน้านี้มีช่วงที่ตลาดปรับขึ้นแรงพอสมควร
* ส่วนในรอบปีที่ผ่านมา (ข้อมูลจาก Fusion Media และ Yahoo Finance) ผลตอบแทนยังมีความหลากหลาย บางแหล่งบอกลดลงเล็กน้อยประมาณ 2.29% ขณะที่บางแหล่งบอกเพิ่มขึ้นถึง 22.72% อันนี้อาจขึ้นอยู่กับจุดเริ่มต้นการคำนวณที่ต่างกัน แต่ก็บอกได้ว่า Nikkei 225 มีการแกว่งตัวผันผวนภายในรอบปีที่ผ่านมาพอสมควร
* ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ ถ้ามองย้อนไป 5 ปี (ข้อมูลจาก Yahoo Finance) ดัชนี Nikkei 225 ให้ผลตอบแทนสูงถึง 88.13%! และนับตั้งแต่เริ่มมีการคำนวณมา ดัชนีนี้ให้ผลตอบแทนรวมกว่า 3,152.90% เลยทีเดียวครับ

ตัวเลขเหล่านี้บอกอะไรเราครับ? มันบอกว่า “ความผันผวน” เป็นเรื่องปกติของตลาดหุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนี Nikkei 225 ที่มีทั้งช่วงที่ปรับตัวลงในระยะสั้น แต่ก็มีช่วงที่ปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในระยะกลางและระยะยาว ขึ้นอยู่กับกรอบเวลาที่เรามอง

คุณสมชายเพื่อนผมอาจจะอยากรู้เรื่อง “หุ้นนิเคอิบ่าย” เป็นพิเศษ เพราะนักเก็งกำไรระยะสั้นหรือคนที่ติดตามตลาดระหว่างวัน มักจะโฟกัสไปที่การเคลื่อนไหวในช่วงบ่ายของตลาดญี่ปุ่น ซึ่งเป็นครึ่งหลังของการซื้อขายในแต่ละวัน ความเคลื่อนไหวในช่วงบ่ายนี้มักจะได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงเช้า ทั้งในญี่ปุ่นเองและที่สำคัญคือ ข่าวสารหรือการเคลื่อนไหวของตลาดในภูมิภาคอื่นๆ ที่กำลังเปิดทำการ หรือข่าวเศรษฐกิจที่อาจประกาศในช่วงเที่ยงของญี่ปุ่น การติดตาม “หุ้นนิเคอิบ่าย” จึงเหมือนการจับจังหวะการซื้อขายในครึ่งหลังของวันนั่นเองครับ

ทีนี้ เรามาคุยกันถึงปัจจัยที่ทำให้ Nikkei 225 มันขึ้นๆ ลงๆ เหมือนรถไฟเหาะตีลังกาบ้างดีกว่าครับ

แน่นอนว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็มีปัจจัยภายในประเทศของตัวเองครับ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น สภาพเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ข่าวสารของบริษัทญี่ปุ่นโดยตรง แต่ที่สำคัญมากๆ และมักจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญเลยก็คือ “ปัจจัยภายนอกประเทศ” ครับ

ลองนึกภาพตามนะครับว่าญี่ปุ่นเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจโลก ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นที่อื่นก็มีผลต่อญี่ปุ่นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:

1. **ตลาดสหรัฐอเมริกา (ตลาดพี่ใหญ่):** ดัชนีหลักๆ ของสหรัฐฯ อย่าง ดาวโจนส์ (Dow), S&P 500, หรือ แนสแด็ก คอมโพสิต (Nasdaq Composite) มักจะเป็นตัวกำหนดบรรยากาศการลงทุนของโลก ถ้าตลาดหุ้นอเมริกาขึ้น ส่วนใหญ่ตลาดหุ้นเอเชียรวมถึง Nikkei 225 ก็มักจะปรับตัวตามในทิศทางเดียวกัน หรือถ้าอเมริกาลง ตลาดเอเชียก็มีโอกาสลงตามสูง การตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เรื่องการปรับขึ้นหรือลดอัตราดอกเบี้ย ก็ส่งผลกระทบต่อกระแสเงินลงทุนทั่วโลก รวมถึงที่ไหลเข้าออกญี่ปุ่นด้วยครับ
2. **เศรษฐกิจจีน:** จีนเป็นคู่ค้าสำคัญและมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่มาก ตัวเลขเศรษฐกิจของจีน เช่น อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หรือตัวเลขการนำเข้าส่งออก มีผลต่อบริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งที่พึ่งพาตลาดจีน ดังนั้น ถ้าเศรษฐกิจจีนชะลอตัวหรือมีปัญหา ก็ส่งผลลบต่อ Nikkei 225 ได้
3. **เหตุการณ์ระดับโลก:** อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในโลกที่มีขนาดใหญ่และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก เช่น การระบาดของโควิด-19 ที่เคยเกิดขึ้น วิกฤติสงครามรัสเซีย-ยูเครน หรือแม้แต่การแข็งค่าหรืออ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (ซึ่งส่งผลต่อการส่งออกของญี่ปุ่น) ก็ล้วนเป็นปัจจัยที่ตลาด Nikkei 225 ให้ความสนใจและตอบสนองครับ

จะเห็นว่าการเคลื่อนไหวของ Nikkei 225 นั้นซับซ้อนและได้รับอิทธิพลจากหลายทิศทาง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยในญี่ปุ่นอย่างเดียว การจะคาดการณ์ทิศทางของ “หุ้นนิเคอิบ่าย” หรือการเคลื่อนไหวของดัชนีโดยรวมจึงต้องพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ประกอบกันไปด้วยครับ

ทีนี้ หลายคนอาจจะสงสัยว่า “แล้วเราจะลงทุนใน Nikkei 225 ได้ยังไงล่ะ?”

คำตอบคือ อย่างที่เกริ่นไปครับ เราไม่สามารถ “ซื้อ” ตัวดัชนี Nikkei 225 ได้โดยตรง เหมือนเราซื้อหุ้นของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง เพราะดัชนีมันเป็นแค่ตัวเลขที่คำนวณขึ้นมาเพื่อสะท้อนภาพรวมเท่านั้นครับ

แต่เราสามารถลงทุนใน “ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน” ที่ “อิง” กับดัชนี Nikkei 225 ได้ครับ ซึ่งมีหลายรูปแบบ เช่น:

* **สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures):** อันนี้เป็นการเก็งกำไรกับการขึ้นลงของดัชนีโดยตรง เป็นเครื่องมืออนุพันธ์ที่มีความเสี่ยงสูง เหมาะกับคนที่เข้าใจและยอมรับความเสี่ยงได้
* **กองทุนรวม (Funds) หรือ ETF (Exchange Traded Funds):** มีกองทุนหลายกองที่ไปลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของ Nikkei 225 หรือลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อิงกับดัชนี ทำให้เราเหมือนได้ลงทุนตามการเคลื่อนไหวของดัชนีโดยรวม เป็นวิธีที่ง่ายขึ้นและมีการกระจายความเสี่ยงมากกว่าการซื้อหุ้นรายตัว
* **ซื้อหุ้นรายตัวที่เป็นส่วนประกอบ:** เราสามารถเลือกซื้อหุ้นของบริษัทใหญ่ๆ ที่อยู่ในรายชื่อ 225 บริษัทของดัชนี Nikkei ได้ครับ อย่างเช่น บริษัทรถยนต์ชื่อดัง บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ หรือธนาคารใหญ่ๆ การลงทุนแบบนี้เราต้องเลือกหุ้นเป็นรายตัว และความเสี่ยงก็จะขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทนั้นๆ เป็นหลัก

ไม่ว่าจะเลือกวิธีไหนก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนการตัดสินใจลงทุนในอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับ Nikkei 225 หรือตลาดหุ้นญี่ปุ่น คือการตระหนักถึง “ความเสี่ยง” ครับ

การซื้อขายตราสารทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นหุ้น อนุพันธ์ หรือแม้แต่เงินดิจิทัลที่หลายคนสนใจในปัจจุบัน มีความเสี่ยงสูงมาก คุณอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดหรือบางส่วนได้เลยนะครับ ราคาของ Nikkei 225 หรือผลิตภัณฑ์ที่อิงกับมันอาจแปรปรวนอย่างรุนแรงได้จากปัจจัยต่างๆ ที่เราคุยกันไป ทั้งปัจจัยเศรษฐกิจโลก การเมือง หรือแม้แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันต่างๆ

การซื้อขายด้วยมาร์จิ้น (Margin) ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงเป็นทวีคูณ เพราะเป็นการใช้เงินกู้มาลงทุน ถ้าตลาดไปผิดทางที่เราคาดการณ์ ก็อาจถูกบังคับให้ขาย (Force Sell) และขาดทุนจำนวนมากได้

นอกจากนี้ ข้อมูลราคาหรือสถิติที่เราเห็นตามเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่างๆ อาจไม่ใช่แบบเรียลไทม์ 100% เสมอไป และอาจมีความล่าช้าหรือความไม่แม่นยำอยู่บ้างได้ นักลงทุนจึงควรใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อประกอบการตัดสินใจเท่านั้น ไม่ควรเชื่อทุกตัวเลขแบบตาบอดครับ

บทสรุปสำหรับวันนี้ก็คือ ดัชนี Nikkei 225 เป็นตัวชี้วัดสำคัญของตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่มีความผันผวนสูง ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากสภาพเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีน รวมถึงเหตุการณ์สำคัญระดับโลก การลงทุนที่อิงกับดัชนีนี้ทำได้ผ่านเครื่องมือทางการเงินหลายรูปแบบ แต่ทุกรูปแบบล้วนมีความเสี่ยงสูง

สำหรับคุณสมชายและทุกท่านที่กำลังสนใจ “หุ้นนิเคอิบ่าย” หรือการลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ผมอยากจะฝากไว้ว่า การทำความเข้าใจตัวดัชนี ปัจจัยที่ขับเคลื่อนมัน และที่สำคัญที่สุดคือ “ความเสี่ยง” เป็นสิ่งจำเป็นมากๆ ก่อนที่จะลงเงินไปครับ

ก่อนตัดสินใจลงทุนใน Nikkei 225 หรือเครื่องมือทางการเงินที่อิงกับมัน ไม่ว่าจะเป็นการเก็งกำไรสั้นๆ หรือลงทุนระยะยาว ควรทำการบ้านให้ดี ศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ พิจารณาเป้าหมายการลงทุนของตัวเอง ประสบการณ์ในการลงทุนที่ผ่านมา และที่สำคัญที่สุดคือ “ความสามารถในการยอมรับความเสี่ยง” ของตนเองครับ อย่าเพิ่งรีบร้อนตามกระแส หรือหวังแต่กำไรเพียงอย่างเดียว

เหมือนกับการขับรถครับ เราต้องรู้จักเส้นทาง รู้จักสภาพอากาศ และประเมินความสามารถของตัวเองก่อนออกเดินทาง การลงทุนก็เช่นกันครับ ต้องพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ

⚠️ คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และพิจารณาความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของตนเอง การซื้อขายตราสารทางการเงินและเงินดิจิทัลมีความเสี่ยงสูงและอาจไม่เหมาะกับนักลงทุนทุกคน โปรดทำความเข้าใจลักษณะของผลิตภัณฑ์และศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุน

Leave a Reply