สวัสดีครับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาช่องทาง ‘งอกเงย’ เงินในกระเป๋าตัวเองช่วงนี้!
เห็นข่าว เห็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับคนที่ได้เงินก้อนโตจากการซื้อขายพวกหุ้น คริปโตฯ หรือที่เขาเรียกว่า ตราสารทางการเงิน (financial instruments) กับ เงินดิจิตอล (digital money) กันเยอะแยะไปหมดใช่ไหมครับ ฟังแล้วก็อยากกระโดดลงไปเล่นบ้าง เพราะดูเหมือนเป็นทางลัดสู่ความรวยได้ง่ายๆ แค่จิ้มๆ กดๆ เองเหรอ? เรื่องเล่าเหล่านี้ฟังดูน่าตื่นเต้นมากๆ เหมือนอยู่ในหนังฮอลลีวูดเลยเนอะ! แต่จำไว้ว่า หนังน่ะมีผู้กำกับและบทที่เขียนไว้แล้ว ชีวิตจริงในตลาดการเงินนี่สิ ‘บท’ มันสุ่มมากๆ เลยนะ และมักจะมีฉากหักมุมที่ทำให้คนดู (คือนักลงทุนอย่างเราๆ นี่แหละ) อึ้งไปเลยก็ได้
เอาล่ะ ในฐานะเพื่อนที่พอมีความรู้เรื่องการเงินอยู่บ้าง อยากจะชวนมาคุยกันแบบเปิดอกถึงอีกมุมหนึ่งของโลกการลงทุนที่ดูหวือหวาเหล่านี้ นั่นก็คือ ‘ความเสี่ยง’ (Risk) ก้อนใหญ่เบ้อเริ่มที่ซ่อนอยู่ใต้พรมครับ เพราะตามข้อมูลที่ได้มา รวมถึงการวิเคราะห์ตลาดต่างๆ เนี่ย มันมีเรื่องที่ต้องรู้ก่อนจะเอาเงินที่เราหามาได้ยากไปลงสนามนี้
**สนามนี้มีความเสี่ยงสูงปรี๊ด… สูงแค่ไหนน่ะเหรอ?**
พูดกันแบบไม่อ้อมค้อมเลยนะครับ การซื้อขายพวก ตราสารทางการเงิน และ เงินดิจิตอล เนี่ย มีความเสี่ยงสูงมากๆ ถึงขั้นที่คุณอาจจะ ‘สูญเสีย’ เงินลงทุนไป ‘ทั้งหมด’ หรือ ‘เกือบทั้งหมด’ ที่ลงไปเลยก็ได้นะ! มันไม่ใช่แค่ขาดทุนนิดๆ หน่อยๆ แล้วเดี๋ยวก็ได้คืน แต่คือเงินอาจจะหายวับไปกับตาได้เลย
ลองนึกภาพว่าเรากำลังจะปีนภูเขาสูงๆ เพื่อไปชมวิวสวยๆ ข้างบน แทนที่จะเดินสบายๆ บนพื้นเรียบๆ สนามนี้มันเหมือนต้องปีนเขาที่ทั้งสูง ชัน และมีหินร่วงลงมาตลอดเวลาเลยล่ะครับ เพราะแบบนี้แหละ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนถึงบอกว่า การซื้อขายลักษณะนี้ ‘อาจจะไม่เหมาะสม’ กับนักลงทุนทุกคน
คุณอาจจะถามว่า ‘อ้าว แล้วทำไมราคามันถึงขึ้นลงน่าหวาดเสียวขนาดนั้นล่ะ?’ คำตอบก็คือ โดยเฉพาะกับพวก เงินดิจิตอล เนี่ย ราคามันผันผวนสูงยิ่งกว่ารถไฟเหาะอีก! แค่มีข่าวอะไรนิดหน่อย เช่น ประเทศนู้นออกกฎหมายมาควบคุม หรือมีเหตุการณ์ทางการเงิน หรือเหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นที่ไหนสักแห่งในโลกเนี่ย ราคาก็พร้อมจะพุ่งพรวด หรือดิ่งเหวลงเหวได้ในพริบตาเลยนะ ปัจจัยภายนอกเหล่านี้แหละที่ควบคุมได้ยากสุดๆ และมันส่งผลกระทบกับ ‘ราคา’ ใน ‘ตลาด’ โดยตรงเลยครับ
**ตัวเร่งความเสี่ยงที่ชื่อว่า ‘มาร์จิน’ (Margin)**
ทีนี้มาถึงอีกตัวช่วย (หรือตัวซวย?) ที่ชื่อว่า ‘มาร์จิน’ (Margin) หรือการซื้อขายโดยใช้เงินที่ยืมมาจากโบรกเกอร์ (นายหน้าซื้อขาย) นี่แหละครับ มันก็เหมือนเราขับรถซูเปอร์คาร์ที่เร่งความเร็วได้สูงกว่ารถบ้านๆ ทั่วไปเยอะ ข้อดีคือ ถ้าทายถูกทาง ถูกเวลา กำไรมันก็จะพุ่งปรี๊ดๆ เร็วกว่าปกติเยอะเลยครับ แต่ข้อเสียคือ ถ้าพลาด! ถ้าตลาดไปในทิศทางตรงกันข้ามกับการคาดการณ์ของเราเนี่ย เราจะขาดทุนหนักกว่าปกติมากๆ เพราะเงินที่ยืมมาก็ต้องคืน แถมยังอาจจะโดนบังคับขายเพื่อคืนหนี้อีกต่างหาก! นี่คือความเสี่ยงทางการเงินที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเลยนะ
**ข้อมูลที่เราเห็น… เชื่อได้แค่ไหน?**
เอาล่ะ อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ‘ข้อมูล’ และ ‘ราคา’ ที่เราเห็นบนแพลตฟอร์มซื้อขายต่างๆ นะครับ ตามข้อมูลจากแหล่งอย่าง Fusion Media (ฟิวชั่น มีเดีย) เนี่ย เค้าก็บอกชัดเจนเลยนะว่า ราคาและข้อมูลที่เราเห็น อาจจะไม่ใช่ ‘เรียลไทม์’ (Real-time) หรือ ‘แม่นยำเป๊ะ’ ตลอดเวลา เหมือนที่เราดูนาฬิกาดิจิตอลที่บอกเวลาตรงกันทั่วโลกเป๊ะๆ แบบนั้นน่ะครับ
ทำไมล่ะ? ก็เพราะบางทีข้อมูลและราคาเหล่านี้อาจจะมาจาก ‘ผู้ดูแลสภาพคล่อง’ (Liquidity Provider) ซึ่งเป็นคนละส่วนกับราคาซื้อขายจริงที่เกิดขึ้นใน ‘ตลาด’ หลักๆ เลยก็ได้ครับ ราคาที่แสดงอยู่บ่อยครั้งจึงเป็นเพียงแค่ ‘ราคาชี้นำ’ (Indicative Price) ไม่ได้เอาไว้ใช้เพื่อการ ‘ซื้อขาย’ อย่างจริงจังตรงๆ โดยไม่ตรวจสอบให้ดีก่อนนะ! การพึ่งพาข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์หรือไม่เรียลไทม์นี่แหละครับ ที่เพิ่มความเสี่ยง ทำให้นักลงทุนหลายคนต้องเจอกับการขาดทุนอย่างไม่คาดคิด
เวลาเราคุยกันถึงตลาดหุ้นใหญ่ๆ อย่าง S&P 500 (เอสแอนด์พี 500) ซึ่งเป็นดัชนีที่รวมหุ้นของบริษัทใหญ่ๆ 500 แห่งในอเมริกา อาจจะสงสัยว่า ‘ตอนตลาดแย่ๆ จำนวน สมาชิก s&p ลดกี่เปอร์เซ็นต์ นะ?’ ซึ่งนั่นคือเรื่องของบริษัทในดัชนีที่มีเกณฑ์การเข้าออกชัดเจนคนละแบบกับพวกเราที่เป็นนักลงทุนรายย่อยนะครับ แต่ในการซื้อขายรายวันที่มีความเสี่ยงจากข้อมูลที่ไม่ตรงจริงแค่เสี้ยววินาที หรือราคาชี้นำที่ไม่ใช่ราคาซื้อขายจริงเนี่ยแหละ ที่ทำให้นักลงทุนหลายคน ‘สมาชิก’ ในวงการนี้ (ไม่ใช่สมาชิก S&P 500 ที่เป็นบริษัทนะ!) อาจ ‘ลด’ น้อยถอยลงไปจริงๆ จากความเสียหายที่เจอจนทนไม่ไหวแล้วเลิกไปเลย… เห็นไหมครับว่าเรื่องของ ‘ข้อมูล’ ที่ไม่เป๊ะนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องระวัง!
ผู้ให้บริการข้อมูลพวกนี้ เค้าก็ป้องกันตัวเองไว้แล้วนะ เค้าบอกไว้เลยว่า เค้าไม่รับผิดชอบต่อความเสียหาย หรือการสูญเสียที่เกิดจากการ ‘ซื้อขาย’ หรือการพึ่งพา ‘ข้อมูล’ ที่เค้าให้ไปนะ แถมยังห้ามไม่ให้เราเอาข้อมูลของเค้าไปใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ หรือแจกจ่ายต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย แสดงว่าข้อมูลพวกนี้มันมีความละเอียดอ่อนและมีข้อจำกัดในการนำไปใช้จริงๆ ครับ
**ก่อนจะโดดลงสนาม… รู้จักตัวเองก่อนนะ!**
ทีนี้ คุณอาจถามว่า ‘แล้วต้องทำยังไงล่ะ?’ ถ้าเห็นโอกาสแล้วก็ยังสนใจอยู่ดี สิ่งแรกเลยครับที่สำคัญที่สุดก่อนจะเอาเงินที่หามาได้ยากไปเสี่ยงในตลาดที่โหดแบบนี้ คือ ‘รู้จักตัวเอง’! ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบมากๆ ในด้านต่างๆ เหล่านี้ครับ
1. **วัตถุประสงค์การลงทุนของคุณคืออะไร?** ต้องการลงทุนระยะสั้น เก็งกำไรเร็วๆ หรือระยะยาว? เงินก้อนนี้เป็นเงินเย็นจริงๆ ที่พร้อมจะเสียไปได้ไหม?
2. **ระดับประสบการณ์ของคุณแค่ไหน?** เคยซื้อขายพวกนี้มาก่อนไหม? เข้าใจกลไกตลาดดีแค่ไหน? ถ้ายังเป็นมือใหม่มากๆ ความเสี่ยงก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีกนะ
3. **การยอมรับความเสี่ยงของคุณเป็นอย่างไร?** ถ้าเงินหายไปครึ่งหนึ่ง หรือหายไปเกือบหมดเนี่ย คุณจะนอนหลับอยู่ไหม? จะกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน การเงินของครอบครัว หรือแผนในอนาคตของคุณมากน้อยแค่ไหน? ต้องซื่อสัตย์กับตัวเองในข้อนี้มากๆ เลยนะครับ!
ถ้าไม่แน่ใจจริงๆ ไม่ต้องอายที่จะ ‘แสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพ’ นะครับ ปรึกษาพี่ๆ ที่ปรึกษาทางการเงินที่เชื่อถือได้ ให้เค้าช่วยประเมินสถานการณ์และให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับคุณจริงๆ ดีกว่าการตัดสินใจเองโดยที่ข้อมูลและความเข้าใจยังไม่แน่นพอ
**สรุป: โอกาสมาพร้อมกับความเสี่ยงก้อนมหึมา**
จำไว้เลยครับว่า การลงทุนใน ตราสารทางการเงิน และ เงินดิจิตอล มันไม่ใช่ทางลัดสู่ความรวยเสมอไปนะ มันมาพร้อม ความเสี่ยง ก้อนใหญ่เบ้อเริ่มเลย โอกาสได้กำไรสูงก็จริง แต่โอกาสขาดทุนมหาศาลจนหมดตัวก็มีอยู่จริงเช่นกัน
⚠️ ย้ำอีกครั้งว่า คุณอาจ สูญเสีย เงินลงทุน ทั้งหมดได้เลยนะ!
ก่อนจะตัดสินใจ ‘ซื้อขาย’ อะไรก็ตามในตลาดเหล่านี้ ให้ ตระหนัก ดีถึง ความเสี่ยง และ ต้นทุน ที่เกี่ยวข้องให้ถ่องแท้ ศึกษา ข้อมูล ให้รอบด้าน อย่าเพิ่งเชื่อ ‘ราคา’ หรือ ‘ข้อมูล’ ที่เห็นแบบเป๊ะๆ 100% โดยเฉพาะถ้าแหล่งที่มาก็บอกเองว่ามันอาจไม่ใช่ เรียลไทม์ หรือ แม่นยำ เสมอไป
ถ้าเงินก้อนนี้เป็นเงินก้อนสุดท้าย เป็นเงินที่ต้องใช้ในอีกไม่นาน เป็นเงินค่าเทอมลูก หรือเป็นเงินดาวน์บ้าน… คิดให้ดีมากๆ เลยนะครับ/ค่ะ ว่าคุณพร้อมที่จะเอาไปเสี่ยงกับ ความเสี่ยง ระดับนี้จริงๆ ไหม
การลงทุนเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนทางการเงินที่ดีได้ครับ แต่ต้องทำด้วยความเข้าใจ มีสติ และบริหาร ความเสี่ยง ให้เป็น ไม่อย่างนั้น แทนที่จะได้เห็นเงินงอกเงย อาจจะต้องมานั่งเสียใจกับเงินที่หายไปหมดก็ได้นะครับ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการตัดสินใจทางการเงินของตัวเองครับ!
