นิเคอิ 225 ผันผวน! โอกาสหรือกับดักนักลงทุน?

สวัสดีครับทุกคน! เคยรู้สึกไหมว่าช่วงนี้อะไรๆ ก็ดูดีไปหมด กำลังเพลินๆ เลย จู่ๆ ก็มีเรื่องให้ใจหายแวบ! เหมือนกำลังวิ่งฉิวๆ ในเกม แล้วเจออุปสรรคที่ไม่คาดคิดขึ้นมาซะงั้น

ช่วงนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกก็เหมือนเจอสถานการณ์แบบนี้แหละครับ โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่น ดัชนีสำคัญอย่าง **ดัชนีนิเคอิ 225** (Nikkei 225 Index) เพิ่งจะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ แซงหน้าจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้เมื่อ 30 กว่าปีก่อน (ปี 1989) ไปหมาดๆ ทำเอาคนในตลาดหุ้นฮือฮากันยกใหญ่

แต่พอเวลาผ่านไปไม่นาน… อ้าว! เกิดอะไรขึ้น? **ดัชนีนิเคอิ 225** ที่เพิ่งทำสถิติไปหมาดๆ ก็กลับร่วงลงมาแรงๆ ในการซื้อขายล่าสุด มากกว่า 4% เลยทีเดียว! การร่วงลงมาแบบนี้ นักลงทุนเขาเรียกว่าเข้าสู่ “ภาวะ Correction” (การปรับฐาน) ซึ่งก็คือการที่ดัชนีร่วงลงมาจากจุดสูงสุดล่าสุดเกิน 10% นั่นแหละครับ ฟังแล้วก็ใจหายแทนคนที่เพิ่งดีใจไปเลยใช่ไหมครับ?

**เกิดอะไรขึ้น ทำไมตลาดหุ้นญี่ปุ่นถึงวูบลงมาแรงขนาดนี้?**

สาเหตุหลักๆ ที่นักวิเคราะห์เขาคุยกันตอนนี้ก็คือ ความกังวลเกี่ยวกับมาตรการภาษีการค้าใหม่ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างประเทศนี่แหละครับ พอมีข่าวแบบนี้ออกมา นักลงทุนก็จะเริ่มคิดหนัก เฮ้ย! ถ้ามีการเก็บภาษีนำเข้าส่งออกกันมากขึ้น บริษัทต่างๆ ที่ค้าขายระหว่างประเทศก็จะลำบากขึ้น กำไรอาจจะลดลง แล้วราคาหุ้นก็ควรจะลงสิ นี่คือสิ่งที่เรียกว่า “sentiment” (ความรู้สึก) ของตลาด คือความกังวลมันเข้าปกคลุม ทำให้คนอยากจะขายหุ้นออกมาไว้ก่อน

ทีนี้พอตลาดหุ้นญี่ปุ่นซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่ในเอเชียร่วงหนัก ตลาดอื่นๆ ก็เลยพลอยได้รับผลกระทบตามไปด้วยครับ เราจะเห็นว่าตลาดหุ้นในยุโรปอย่าง FTSE 100 ของอังกฤษ หรือ CAC 40 ของฝรั่งเศส ก็ปรับตัวลดลงเหมือนกัน ตลาดหุ้นในเอเชียอย่างฮ่องกง (Hang Seng Index) หรือสิงคโปร์ (STI Index) ก็ไม่พ้น โดนแรงเทขายไปเหมือนกันครับ

แม้แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่ง ใกล้ๆ จุดสูงสุดตลอดกาล ก็ยังเริ่มมีแรงกดดันจากปัจจัยความกังวลเรื่องการค้านี้เหมือนกันนะครับ แสดงว่าประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลยทีเดียว

**ในเมื่อตลาดหุ้นผันผวน แล้วมีอะไรที่ราคาสูงขึ้นบ้างไหม?**

แน่นอนครับ! เวลาที่นักลงทุนรู้สึกไม่มั่นคง ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้น พวกเขามักจะหาสินทรัพย์ที่ดู “ปลอดภัย” กว่าเก็บไว้ครับ ที่เห็นได้ชัดตอนนี้เลยก็คือ “ทองคำ” ครับ พอตลาดหุ้นผันผวน ทองคำก็ปรับตัวสูงขึ้น สะท้อนว่าคนกำลังกังวลและอยากถือของที่คิดว่าน่าจะรักษามูลค่าได้ดีในยามวิกฤต

การเคลื่อนไหวนี้บอกอะไรเรา? บอกว่าตลาดการเงินทั่วโลกกำลังตอบสนองต่อความเสี่ยงใหม่ที่เพิ่มขึ้น คือความเสี่ยงจากนโยบายการค้าที่อาจจะเปลี่ยนแปลงไปมา ทำให้เกิดการขายหุ้นในตลาดที่อ่อนไหวกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะตลาดที่บริษัทใหญ่ๆ พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศเยอะๆ อย่างญี่ปุ่นครับ

**ย้อนดูสถิติที่น่าสนใจของ ดัชนีนิเคอิ 225**

อย่างที่บอกไปครับว่า **ดัชนีนิเคอิ 225** นี่เพิ่งเป็นพระเอกของตลาดหุ้นโลกไปหมาดๆ เพราะทำลายสถิติเดิมของปี 1989 ได้สำเร็จ หลังจากติดดอยมานานกว่าสามทศวรรษ! สถิติสูงสุดเดิมคือประมาณ 38,915.87 จุด ส่วนสถิติสูงสุดใหม่ที่เพิ่งทำได้ในปี 2024 นี้ ขึ้นไปถึง 42,426.77 จุดเลยนะครับ โอ้โห! นานแค่ไหนกว่าจะขึ้นมาได้ขนาดนี้

ดัชนีนี้เป็นดัชนีที่รวบรวมราคาหุ้นของ 225 บริษัทชั้นนำที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange) ครับ คล้ายๆ กับดัชนี SET50 หรือ SET100 ของไทย ที่รวมหุ้นใหญ่ๆ เข้าไว้ด้วยกัน แต่ของญี่ปุ่นมี 225 ตัว

ข้อมูลล่าสุด (จากการร่วงแรงรอบนี้) ทำให้ราคาปิดของ **ดัชนีนิเคอิ 225** ลงมาอยู่ที่ประมาณ 35,617.56 จุด ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนแปลง -4.05% ในวันเดียว! ถ้าดูสถิติ 52 สัปดาห์ย้อนหลัง ช่วงการเคลื่อนไหวจะอยู่ที่ 31,156.12 จุด ถึง 42,426.77 จุด ซึ่งจะเห็นว่าจุดสูงสุดใหม่นั้นสูงกว่าจุดสูงสุดเดิมของปี 1989 ไปเยอะทีเดียว

ข้อมูลทางเทคนิค หลังจากที่ราคาร่วงลงมาแรงๆ แบบนี้ บางเครื่องมือวิเคราะห์ก็เริ่มส่งสัญญาณที่เรียกว่า “Strong Sell” หรือ “ขายแข็งแกร่ง” แล้วครับ นี่เป็นแค่สัญญาณทางสถิติและรูปแบบราคาในอดีตนะครับ ไม่ได้หมายความว่าต้องขายเสมอไป แต่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่นักลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจ

**แล้วเรื่องอัตราดอกเบี้ยล่ะ เกี่ยวข้องไหม?**

แม้ว่าสาเหตุหลักของการร่วงรอบนี้จะมาจากเรื่องภาษีการค้า แต่เรื่องนโยบายการเงินโดยเฉพาะของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ “เฟด” (Fed) ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกจับตาครับ มีการคาดการณ์และพูดถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต

ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ? เพราะอัตราดอกเบี้ยมีผลต่อต้นทุนทางการเงินของบริษัทต่างๆ และต่อสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจครับ ถ้าดอกเบี้ยลดลง การกู้ยืมก็จะถูกลง บริษัทอาจจะลงทุนมากขึ้น คนก็อาจจะใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การลดดอกเบี้ยมักจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้น (แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าลดเพราะอะไร ถ้าลดเพราะเศรษฐกิจไม่ดีก็อาจจะไม่ใช่ข่าวดีเสมอไป)

ในข้อมูลที่เราเห็น มีการพูดถึงการคาดการณ์การลดดอกเบี้ยของเฟด และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปีที่ปรับตัวลงเล็กน้อย ซึ่งสองอย่างนี้ก็เป็นตัวชี้วัดความคาดหวังของตลาดต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยและเศรษฐกิจในอนาคตครับ แม้จะไม่ใช่ตัวกระตุ้นหลักของการร่วงของ **ดัชนีนิเคอิ 225** รอบนี้ แต่ก็เป็นปัจจัยที่ลอยอยู่ในอากาศและส่งผลต่อภาพรวมการลงทุนได้เหมือนกัน

**เปรียบเทียบกับตลาดอื่นเป็นอย่างไรบ้าง?**

เราเห็นตัวเลขดัชนีหลักๆ จากทั่วโลกในข้อมูลนะครับ อย่างตลาดสหรัฐฯ แม้จะรู้สึกกดดัน แต่ Dow Jones, S&P 500, Nasdaq ก็ยังประคองตัวอยู่ในแดนบวกเล็กน้อย ส่วนตลาดเอเชียอื่นๆ นอกจากญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ที่ลง ไต้หวัน (TSEC weighted index) ก็ยังคงบวกอยู่เล็กน้อย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ทุกตลาดที่โดนผลกระทบเท่ากันครับ ตลาดที่พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศ หรือมีบริษัทที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากภาษี อาจจะมีความเสี่ยงมากกว่า

**สรุปแล้ว เราเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้?**

1. **ตลาดหุ้นไม่เคยมีคำว่าแน่นอน:** **ดัชนีนิเคอิ 225** เพิ่งทำสถิติใหม่ไปหมาดๆ แต่ก็ร่วงลงมาแรงและเร็วได้ แสดงให้เห็นว่าตลาดสามารถเปลี่ยนทิศทางได้ตลอดเวลาด้วยปัจจัยที่ไม่คาดคิด
2. **ประเด็นการค้าสำคัญเสมอ:** ความกังวลเรื่องภาษีการค้ามีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก และสามารถทำให้ตลาดหุ้นโดยรวมผันผวนได้
3. **มองภาพรวม:** การลงทุนไม่ใช่แค่ดูตลาดเดียว แต่ต้องดูปัจจัยทั่วโลก ทั้งเรื่องนโยบายการเงิน เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

**คำแนะนำสำหรับนักลงทุนมือใหม่ (และมือเก๋าที่กำลังใจเต้นแรง):**

เห็นเหตุการณ์นี้แล้ว อย่าเพิ่งตกใจจนทำอะไรไม่ถูก หรือกระโดดเข้าไปซื้อ/ขาย โดยไม่คิดให้ดีนะครับ!

* **ทำความเข้าใจ:** ก่อนจะลงทุนในตลาดไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น **ดัชนีนิเคอิ 225** หุ้นรายตัว หรือสินทรัพย์อื่นๆ ให้ทำความเข้าใจก่อนว่าสิ่งที่เราจะลงทุนคืออะไร มีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลต่อราคา
* **กระจายความเสี่ยง:** ไม่ควรเอาเงินทั้งหมดไปลงไว้ในที่เดียว ลองแบ่งไปลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ แบบ หลายๆ ตลาด หรือหลายๆ ประเทศ เพื่อลดความเสี่ยง
* **มองระยะยาว:** การลงทุนในหุ้นระยะสั้นมีความผันผวนสูง ถ้าเรามองภาพใหญ่และลงทุนระยะยาว เราอาจจะไม่ต้องกังวลกับการปรับฐานระยะสั้นมากนัก
* **ศึกษาเครื่องมือ:** ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มการลงทุนมากมายครับ อย่างเช่น แพลตฟอร์มระหว่างประเทศอย่าง Moneta Markets ที่มีเครื่องมือและข้อมูลให้เราศึกษาประกอบการตัดสินใจได้หลากหลาย แต่จำไว้ว่าเครื่องมือเป็นแค่ตัวช่วย การมีความรู้ความเข้าใจคือสิ่งสำคัญที่สุด

⚠️ **ข้อควรระวัง:** การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ และไม่ควรนำเงินทั้งหมดที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงอย่างหุ้นนะครับ ราคาอาจจะลงไปอีกก็ได้ ไม่มีใครรู้แน่นอน! เตรียมแผนรับมือกับความเสี่ยงไว้เสมอครับ

หวังว่าเรื่องราวของ **ดัชนีนิเคอิ 225** รอบนี้ จะเป็นบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ให้เราเห็นภาพรวมของตลาดหุ้นโลกที่ซับซ้อนและคาดเดาได้ยากนะครับ ขอให้ทุกคนลงทุนอย่างมีสติ และปลอดภัยครับ!

Leave a Reply