สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน โดยเฉพาะใครที่กำลังจ้องหน้าจอ ตั้งอกตั้งใจ ดูนิเคอิ กันอยู่ตอนนี้!
ช่วงนี้ไม่ว่าจะเปิดข่าวการเงินช่องไหน หรือไถฟีดโซเชียลมีเดียขึ้นไป ก็หนีไม่พ้นเรื่องราวของตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่กำลังร้อนแรงเป็นไฟ โดยเฉพาะดัชนีนิเคอิ 225 (Nikkei 225) ที่วิ่งแซงโค้ง ทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบหลายปี สร้างความฮือฮาให้กับนักลงทุนทั่วโลกจนอดสงสัยไม่ได้ว่า “เฮ้ย! มันเกิดอะไรขึ้น? แล้วเราจะกระโดดเข้าไปร่วมวงกับเขาดีไหมเนี่ย?”

เพื่อนผม คุณสมชาย เมื่อเช้านี้ก็วิ่งหน้าตาตื่นมาหาผม ถามว่า “เฮ้ย! นิเคอิทำไมมันขึ้นเอาๆ วะ? จะเล่นดีไหมเนี่ย?” ผมได้แต่ยิ้มแล้วบอกไปว่า ใจเย็นๆ ก่อน เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังแบบย่อยง่ายๆ เหมือนเมนูโปรดของคุณสมชายเลย!
ไม่ใช่แค่ญี่ปุ่นนะ ตอนนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกก็คึกคักไม่เบา ดัชนีหลักๆ ฝั่งวอลล์สตรีท (Wall Street) อย่าง ดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jones), S&P 500 (เอสแอนด์พี 500) และแนสแด็ก (Nasdaq) ก็ยังคงยืนอยู่ใกล้เคียงจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ แสดงให้เห็นว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกกำลังมีสัญญาณที่ดี (ในบางมุม)
แต่ที่ฮือฮาสุดๆ หนีไม่พ้น ดัชนีนิเคอิ 225 (Nikkei 225) ของญี่ปุ่น ที่วิ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบหลายปีเลยทีเดียว ล่าสุด (ณ ช่วงเวลาหนึ่ง) ดัชนีนิเคอิ 225 ไปปิดที่ 40,913.65 จุด เพิ่มขึ้น 0.82% ในขณะที่ฝั่งวอลล์สตรีทเอง S&P 500 (เอสแอนด์พี 500) ก็ขึ้น 0.54% ไปที่ 5,567.19 จุด ดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jones) ก็บวกเล็กน้อยที่ 0.17% ด้านแนสแด็ก (Nasdaq) ก็พุ่งแรงถึง 0.90% เลยนะ ส่วนตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่ก็ปรับตัวสูงขึ้นตามกันไป
แต่ตลาดก็ไม่ได้สดใสไปหมดทุกที่นะ อย่าง FTSE 100 (ฟุตซี่ 100) ของอังกฤษก็ร่วงไป 0.45% แสดงให้เห็นว่าตลาดมันก็มีขึ้นมีลง เป็นเรื่องธรรมดามากๆ ข้อมูลเหล่านี้เราอ้างอิงจากสำนักข่าวการเงินใหญ่ๆ อย่าง MarketWatch (มาร์เก็ตวอทช์) หรือ CNBC (ซีเอ็นบีซี) นะครับ เพราะฉะนั้นเวลา ดูนิเคอิ หรือดูตลาดอื่นๆ ก็ต้องพิจารณาหลายๆ ดัชนีประกอบกัน
แล้วไอ้เจ้าดัชนีนิเคอิ 225 ที่เรากำลังนั่ง ดูนิเคอิ กันอยู่นี่ มันคืออะไรกันแน่? พูดง่ายๆ มันก็คือดัชนีที่สะท้อนภาพรวมของหุ้นชั้นนำ 225 บริษัทที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange) ของญี่ปุ่นนั่นแหละครับ คนที่คำนวณและดูแลเจ้าดัชนีนี้ก็คือ หนังสือพิมพ์นิฮอน เคไซ ชิมบุน (Nihon Keizai Shimbun) หรือที่เรารู้จักกันในนาม Nikkei (นิเคอิ) นั่นเอง

คิดดูว่าบริษัทอย่าง Toyota (โตโยต้า), Sony (โซนี่), หรือ Canon (แคนนอน) ที่เราคุ้นเคยกันดี ก็เป็นส่วนหนึ่งของดัชนีนี้แหละครับ เคยทำสถิติสูงสุดเมื่อ 11 กรกฎาคม 2567 ที่ 42,426.77 เยนเลยทีเดียว! แต่ปัจจุบันมูลค่าก็ประมาณ 37,160.25 เยน (ณ ช่วงเวลาหนึ่ง) ซึ่งก็ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงมาก
ที่น่าสนใจคือ ทำไมหุ้นญี่ปุ่นถึงวิ่งได้ดีขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เงินเยน (Japanese Yen) ยังคงอ่อนค่าใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 38 ปีเลยนะ? นี่มันเหมือนกับเวลาเราป่วยแล้วยังไปวิ่งมาราธอนได้เลยนะเนี่ย!
นั่นเป็นเพราะว่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงนี่แหละ มันไปช่วยหนุนกำไรของบริษัทส่งออกใหญ่ๆ ให้ดีขึ้น เพราะเมื่อส่งของไปขายต่างประเทศ แล้วแลกกลับมาเป็นเงินเยน ก็จะได้จำนวนที่เยอะขึ้นนั่นเอง ลองนึกภาพว่าคุณขายของได้ราคาดีขึ้นในสกุลเงินท้องถิ่น มันก็ย่อมส่งผลดีต่อผลประกอบการบริษัทจริงไหมครับ อย่างหุ้น SoftBank (ซอฟต์แบงก์) ที่เรารู้จักกันดี ก็ทำสถิติสูงสุดในรอบ 24 ปีไปแล้วนะ สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของบางบริษัทในญี่ปุ่นจริงๆ
แต่ใช่ว่าใครอยากจะลงทุนในดัชนี นิเคอิ 225 โดยตรงก็ทำได้เลยนะ มันไม่เหมือนซื้อหุ้นรายตัว เพราะดัชนีมันคือค่าเฉลี่ย เราต้องไปลงทุนผ่านเครื่องมืออย่าง สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) หรือ กองทุนรวม (Mutual Funds) ที่อ้างอิงดัชนีนี้ หรือ กองทุนอีทีเอฟ (ETF) ซึ่งแต่ละแบบก็มีความซับซ้อนและผลตอบแทนที่ต่างกันออกไป ลองจินตนาการว่าคุณอยากจะ “กินข้าวทั้งแปลง” แทนที่จะกินข้าวเป็นเม็ดๆ นั่นแหละครับ
เอาล่ะครับ ถึงตรงนี้ ใครที่กำลังเคลิ้มกับข่าวดีๆ แล้วอยากจะรีบไป ดูนิเคอิ แล้วกดซื้อเลยเนี่ย… ช้าก่อน!
สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมอยากจะย้ำคือ การลงทุนในตราสารทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นหุ้น พันธบัตร หรือแม้กระทั่งเงินดิจิทัล (Digital Currency) เนี่ย ‘มีความเสี่ยงสูงมาก’ นะครับ มันเหมือนกับการขับรถด้วยความเร็วสูงบนถนนที่ไม่คุ้นเคย ถ้าไม่ศึกษาเส้นทางให้ดี โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุย่อมสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว
ผมเข้าใจว่าบางคนอาจจะคุ้นเคยกับการ ‘เล่น’ หวยหุ้นนิเคอิ หรือหวยหุ้นอื่นๆ ที่มีการอ้างอิงผลจากตลาดหุ้น ซึ่งมันก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่คนสนใจตลาดหุ้น แต่ต้องแยกให้ออกนะว่า การลงทุนจริงๆ มันไม่ใช่การเสี่ยงโชคแบบนั้น เพราะการลงทุนคือการศึกษา วิเคราะห์ และวางแผน ส่วนการเสี่ยงโชคมันคือการพึ่งพาดวงเป็นหลัก ซึ่งสองอย่างนี้มันคนละเรื่องกันเลยครับ
ข้อมูลที่เราเห็นๆ กันบนเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน บางทีมันก็ไม่ใช่ข้อมูลเรียลไทม์ (Real-time) เป๊ะๆ นะครับ อาจจะดีเลย์ไปบ้าง เพราะงั้นเวลาจะตัดสินใจอะไรต้องเช็คดีๆ ให้แน่ใจว่าเราได้ข้อมูลที่อัปเดตที่สุด การตัดสินใจลงทุนบนข้อมูลที่ผิดพลาด มันก็เหมือนกับคุณขึ้นรถไฟที่ชานชาลาผิดนั่นแหละครับ

ถ้าไม่แน่ใจ หรือยังศึกษาไม่พอ การขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน หรือที่ปรึกษาการลงทุน เป็นสิ่งจำเป็นมากๆ ขนาด Fusion Media (ฟิวชั่น มีเดีย) ผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงินชื่อดัง ยังต้องมีคำเตือนความเสี่ยงชัดเจนเลยนะ เพราะเขาเข้าใจดีว่าเงินของคุณมันมีค่ามากแค่ไหน
แล้วถ้าเราสนใจจะ ‘ดูนิเคอิ’ หรือลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นจริงๆ ควรทำยังไงล่ะ? สมมติว่าคุณมีเงินก้อนหนึ่งที่พร้อมจะลงทุน ไม่ใช่เงินเก็บฉุกเฉิน หรือเงินที่ต้องใช้จ่ายในชีวิตประจำวันนะ
อันดับแรกเลยคือ ‘ศึกษาข้อมูล’ ครับ ไม่ใช่แค่ดูข่าวว่าขึ้นหรือลง แต่ต้องเข้าใจโครงสร้างเศรษฐกิจของญี่ปุ่น นโยบายธนาคารกลางญี่ปุ่น ผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ที่อยู่ในดัชนี รวมถึงปัจจัยภายนอกอย่างสถานการณ์การเมืองโลก หรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อตลาดได้หมดเลย
นักลงทุนหลายคนมองว่า การที่เงินเยนมีเสถียรภาพมากขึ้น จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หุ้นญี่ปุ่นน่าสนใจในระยะยาว เพราะมันจะช่วยลดความผันผวนของค่าเงิน ซึ่งจะส่งผลให้กำไรของบริษัทต่างๆ มีความแน่นอนมากขึ้น ทำให้เป็นที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติมากขึ้นอีกด้วย
อย่าเพิ่งเทหมดหน้าตัก! การ ‘กระจายความเสี่ยง’ เป็นหัวใจสำคัญของการลงทุน เหมือนกับการที่เราไม่ควรเอาไข่ทั้งหมดใส่ไว้ในตะกร้าใบเดียว เพราะถ้าตะกร้าตก ไข่ก็จะแตกหมด การแบ่งเงินลงทุนไปในสินทรัพย์หลายๆ ประเภท ทั้งหุ้น พันธบัตร หรือแม้กระทั่งทองคำ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตโฟลิโอของคุณได้
และสุดท้าย มองการลงทุนเป็นการเดินทางระยะยาว ไม่ใช่การวิ่งแข่งระยะสั้นครับ ตลาดหุ้นมันมีขึ้นมีลงเสมอ สิ่งสำคัญคือคุณต้องมีวินัยในการลงทุน ไม่ตื่นตกใจกับความผันผวนในระยะสั้น และทำความเข้าใจในสิ่งที่คุณลงทุนอย่างถ่องแท้
สรุปแล้ว การที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดยเฉพาะดัชนีนิเคอิ 225 กำลังทำผลงานได้ดี ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น และเป็นโอกาสที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน
แต่ทุกการลงทุนมีความเสี่ยงเสมอครับ ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจควักกระเป๋า หรือแม้แต่จะนั่ง ดูนิเคอิ แบบจริงจัง ควรประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวเองให้ดี ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน และปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหากจำเป็น
⚠️ หากเงินที่คุณจะนำมาลงทุนเป็นเงินที่จำเป็นต้องใช้ในเร็ววัน หรือเป็นเงินเก็บก้อนสุดท้าย แนะนำให้คิดทบทวนให้ดีก่อนนะครับ เพราะการลงทุนคือการเดินทาง ไม่ใช่การพนัน! ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุนนะครับ!