จับตาทิศทาง นเคอิ: โอกาสลงทุนที่ไม่ควรมองข้าม

เคยได้ยินชื่อ ‘นเคอิ’ ในข่าวบ่อยๆ ไหมครับ? ดัชนีตัวนี้แหละที่เปรียบเสมือนหัวใจของตลาดหุ้นญี่ปุ่น บางวันก็พุ่งแรงแซงโค้ง บางวันก็แผ่วลงตามลมเศรษฐกิจโลก แล้วไอ้เจ้า นเคอิ เนี่ยมันคืออะไรกันแน่? ทำไมเราต้องคอยจับตาดูมันด้วย ทั้งๆ ที่ไม่ได้ซื้อหุ้นญี่ปุ่นสักหน่อย? ในฐานะคอลัมนิสต์สายการเงินที่ชอบเล่าเรื่องยากๆ ให้ฟังง่ายๆ วันนี้เราจะมาแกะกล่องทำความเข้าใจ ‘นเคอิ’ ไปด้วยกันครับ

**นเคอิ คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญนัก?**

ลองนึกภาพว่าคุณกำลังดูรายงานสุขภาพของประเทศญี่ปุ่น ดัชนี นเคอิ 225 (Nikkei 225) นี่แหละคือหนึ่งในดัชนีชี้วัดสุขภาพเศรษฐกิจที่สำคัญมากๆ ครับ มันคือดัชนีราคาหุ้นที่รวบรวมเอาหุ้นของบริษัทญี่ปุ่นยักษ์ใหญ่ที่มีมูลค่าสูงและซื้อขายคึกคักที่สุด 225 แห่งใน ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (Tokyo Stock Exchange – TSE) มาคำนวณรวมกัน เหมือนกับการเอาบริษัทดาวเด่นของญี่ปุ่นมารวมกันเป็นตะกร้า แล้วดูว่าตะกร้านี้ราคาขึ้นหรือลง

เจ้า นเคอิ เนี่ยไม่ได้เพิ่งมีเมื่อวานซืนนะครับ มันมีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 โน่นแน่ะ ถือเป็นดัชนีหุ้นที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ตลาดหลักทรัพย์โตเกียวจะเป็นผู้ริเริ่ม แต่คนที่คำนวณและดูแลดัชนีตัวนี้ในปัจจุบันคือหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นชื่อ Nihon Keizai Shimbun (ฟังชื่อแล้วก็พอเดาได้ว่า ‘นิเคอิ’ มาจากไหน) วิธีคำนวณก็ไม่ซับซ้อนมากนัก เขาจะเอา ราคาหุ้น ของบริษัททั้ง 225 ตัวมาเฉลี่ยกัน โดยมีวิธีการปรับค่าเพื่อให้ดัชนีมีความต่อเนื่อง ไม่กระโดดไปมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อหุ้นหรือเหตุการณ์สำคัญอื่นๆ ลองคิดง่ายๆ เหมือนการคำนวณคะแนนเฉลี่ยของนักเรียน 225 คนที่เก่งที่สุดในโรงเรียนนั่นแหละครับ

แล้วทำไมต้อง 225 บริษัท? การคัดเลือกหุ้นที่จะเข้ามาอยู่ในดัชนี นเคอิ เนี่ยไม่ใช่เรื่องสุ่มสี่สุ่มห้านะครับ มีเกณฑ์ชัดเจน โดยจะมีการทบทวนรายชื่อปีละ 2 ครั้ง (ช่วงเดือนมกราคม/กรกฎาคม และมีผลช่วงเมษายน/ตุลาคม) โดยดูจาก “สภาพคล่อง” หรือปริมาณการซื้อขายว่าคึกคักพอไหม และ “ความสมดุลของอุตสาหกรรม” เพื่อให้แน่ใจว่าดัชนีสามารถสะท้อนภาพรวมของเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้ครบถ้วน ไม่ได้ไปกระจุกตัวอยู่แค่อุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งมากเกินไป นอกจากนี้ ถ้ามีบริษัทที่อยู่ในดัชนีเดิมถูกคัดออกกะทันหัน เช่น โดนควบรวมกิจการ เขาก็จะรีบหาหุ้นตัวใหม่ที่มีสภาพคล่องสูงและอยู่ในอุตสาหกรรมใกล้เคียงกันมาใส่แทนทันที

**ส่องไส้ใน นเคอิ: ใครคือตัวท็อปในตะกร้านี้?**

อย่างที่บอกไปว่า นเคอิ คือดัชนีรวมดาว 225 ดวงในตลาดหุ้นญี่ปุ่น แล้วดาวเด่นเหล่านี้มาจากอุตสาหกรรมไหนบ้าง? ข้อมูล ณ ช่วงเวลาหนึ่ง (อ้างอิงจากข้อมูล 31 ตุลาคม 2565) บอกว่าโครงสร้างของ นเคอิ ค่อนข้างจะหนักไปทางกลุ่มเทคโนโลยีเลยครับ คิดเป็นเกือบครึ่ง (48.89%) ตามมาด้วยกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (23.85%) ส่วนที่เหลือก็กระจายไปในกลุ่มวัสดุ, สินค้าทุนและอื่นๆ, การเงิน, และขนส่งกับสาธารณูปโภค

ในบรรดา 225 บริษัทนี้ มีทั้งบริษัทขนาดใหญ่มากๆ ไปจนถึงขนาดเล็กหน่อย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทขนาดกลางถึงใหญ่นี่แหละครับ ทีนี้มาดูตัวอย่าง “ดาวเด่น” ที่หลายคนน่าจะคุ้นหูอยู่ในดัชนี นเคอิ กันบ้าง

* **Tokyo Electron (8035):** เจ้านี้เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์เลยครับ เป็นซัพพลายเออร์อุปกรณ์สำคัญในการผลิตชิป IC, จอภาพแบบ FPD หรือแม้กระทั่ง Solar Cell มูลค่าตลาดใหญ่มากๆ ติดอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นเลย
* **Fast Retailing (9983):** ชื่อนี้อาจจะไม่คุ้น แต่ถ้าบอกว่านี่คือบริษัทแม่ของ UNIQLO, GU หรือ Theory ล่ะก็ร้องอ๋อกันแน่นอนครับ เป็นผู้นำด้านค้าปลีกแฟชั่นที่โด่งดังไปทั่วโลก
* **Softbank (9984):** บริษัทนี้ก็ไม่ธรรมดาครับ เป็นกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีอิทธิพลสูงในวงการเทคฯ เคยมีข่าวว่า ราคาหุ้น ขึ้นทำสถิติใหม่ในรอบ 24 ปีเลยทีเดียว ได้แรงหนุนจากธุรกิจ Arm และกระแส AI นี่แหละ
* **Shin-Etsu Chemical (4063):** นี่คือบริษัทเคมีภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ผลิตสินค้าหลากหลายตั้งแต่วัตถุดิบสำคัญอย่างซิลิโคน ไปจนถึงเคมีภัณฑ์เฉพาะทางต่างๆ มีมูลค่าตลาดมหาศาล
* **Daikin (6367):** ใครใช้แอร์ Daikin อยู่ก็ใช่เลยครับ เจ้านี้เป็นผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศและระบบทำความเย็นรายใหญ่ระดับโลก แต่จริงๆ แล้วเขายังผลิตสินค้าอีกมากมาย เช่น ชิ้นส่วนอากาศยาน, อุปกรณ์การแพทย์, ระบบไฮดรอลิก, เคมีภัณฑ์ หรือแม้กระทั่งยุทธภัณฑ์!

เห็นไหมครับว่าบริษัทในดัชนี นเคอิ นี่ไม่ได้มีแต่มุมเดียว แต่ครอบคลุมตั้งแต่เทคฯ แฟชั่น เคมีภัณฑ์ ไปจนถึงเรื่องใกล้ตัวอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้าเลยทีเดียว

**นเคอิ เคลื่อนไหวตามแรงลมอะไรบ้าง?**

ทีนี้มาดูเรื่องราวการเคลื่อนไหวของ นเคอิ กันบ้างครับ ในช่วงที่ผ่านมา ดัชนีตัวนี้ก็มีขึ้นมีลงตามสภาวะตลาดโลก อย่างช่วงหนึ่งก็เคยทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 33 ปี ที่ระดับ 40,913.65 จุด (ข้อมูล พ.ค. 2566) หรือเคยพุ่งขึ้นแรงจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ (เหมือนที่เห็นในตัวอย่างบริษัทข้างบน) แต่บางช่วงก็ปรับตัวลง ซึ่งการเคลื่อนไหวของ นเคอิ ไม่ได้มาจากปัจจัยภายในญี่ปุ่นเองทั้งหมดนะครับ แต่ “อ่อนไหว” มากๆ ต่อปัจจัยภายนอกโลกด้วย

* **นโยบายการเงินและเศรษฐกิจโลก:** อันนี้สำคัญมากๆ ครับ การตัดสินใจเรื่อง อัตราดอกเบี้ย ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) นี่ส่งผลสะเทือนไปทั่วโลก รวมถึง นเคอิ ด้วย ถ้า Fed ขึ้นดอกเบี้ย ก็อาจทำให้เงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นเอเชียรวมถึงญี่ปุ่นได้ นอกจากนี้ ตัวเลข เงินเฟ้อ ของญี่ปุ่นเองก็เป็นข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนจับตาดู เพราะมันบ่งบอกถึงกำลังซื้อและสภาวะเศรษฐกิจภายใน ส่วนฝั่งจีน การลด อัตราดอกเบี้ย นโยบายของธนาคารกลางจีนก็เคยเป็นปัจจัยบวกที่หนุนให้ตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึง นเคอิ ปรับตัวขึ้นได้ในช่วงหนึ่ง
* **สถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ:** จำข่าวเรื่องสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ได้ไหมครับ? สัญญาณเชิงบวกหรือลบจากการเจรจาเหล่านี้ส่งผลโดยตรงต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ถ้าบรรยากาศดี นักลงทุนก็กล้าเสี่ยงเข้ามาซื้อสินทรัพย์ในตลาดหุ้นเอเชียมากขึ้น
* **ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจและการเงินในประเทศใหญ่:** บางช่วงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้รัฐบาลสหรัฐฯ หรือการเจรจาการค้าที่ยังไม่มีความคืบหน้า ก็เป็นปัจจัยกดดันให้ นเคอิ ปรับตัวลงได้เช่นกันครับ
* **ค่าเงินเยน:** อันนี้เป็นปัจจัยเฉพาะตัวของญี่ปุ่นเลยครับ ค่าเงินเยน ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หรือสกุลเงินอื่นๆ ฟังดูเหมือนดีใช่ไหมครับ แต่สำหรับบริษัทญี่ปุ่นที่เป็นผู้ส่งออกสินค้าไปต่างประเทศเยอะๆ ค่าเงินเยนที่แข็งขึ้นหมายถึงรายได้ที่แปลงกลับมาเป็นเงินเยนแล้วลดลง ทำให้กำไรลดลงตามไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลเสียต่อ ราคาหุ้น ของบริษัทกลุ่มส่งออกในดัชนี นเคอิ ครับ
* **สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์:** วิกฤติการณ์ใหญ่ๆ ในโลก เช่น ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ก็เป็นอีกปัจจัยที่เคยสร้างความกังวลและกดดันให้ดัชนี นเคอิ ติดลบอย่างรุนแรงมาแล้วครับ เหมือนเวลาที่เราตกใจกับข่าวร้ายๆ ทั่วโลก ตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็ตกใจตามไปด้วยนั่นแหละ

เห็นไหมครับว่า นเคอิ ไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว แต่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์สำคัญๆ ทั่วโลกเลยทีเดียว การเคลื่อนไหวของมันจึงสะท้อนภาพรวมของเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยภายในและภายนอกอย่างแยกไม่ออก

**อยากร่วมวงกับ นเคอิ ทำได้ยังไง?**

มาถึงคำถามสำคัญครับ ถ้าเราเห็นว่าแนวโน้มตลาดหุ้นญี่ปุ่นดี หรืออยากจะลงทุนตามการเคลื่อนไหวของ นเคอิ เราจะทำได้ยังไงในเมื่อเราไม่ใช่คนญี่ปุ่นและไม่ได้ซื้อขายหุ้นที่ ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว โดยตรง?

คำตอบคือ เราไม่สามารถลงทุนในตัวดัชนี นเคอิ 225 ได้ “โดยตรง” เหมือนกับการซื้อหุ้นตัวเดียวครับ แต่มันมี “ทางอ้อม” ที่นักลงทุนต่างชาติรวมถึงนักลงทุนไทยอย่างเราๆ สามารถเข้าไปร่วมวงได้อยู่ครับ นั่นคือ:

1. **ลงทุนใน นเคอิ ฟิวเจอร์ส (Nikkei 225 Futures):** อันนี้จะเป็นตราสารอนุพันธ์ที่อ้างอิงกับการเคลื่อนไหวของดัชนี นเคอิ ครับ ซื้อขายกันในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เช่น SGX (สิงคโปร์), OSE (โอซาก้า), หรือ CME (ชิคาโก้) การลงทุนแบบนี้มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนในหุ้นปกติ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความเข้าใจและประสบการณ์พอสมควร
2. **ลงทุนผ่าน กองทุนรวม ที่มุ่งหวังผลตอบแทนตามดัชนี (Index Tracking Funds):** นี่เป็นวิธีที่เข้าถึงง่ายและได้รับความนิยมมากๆ ครับ มีกองทุนรวมหลายกองที่นโยบายคือลงทุนในหุ้นที่เป็นองค์ประกอบของ นเคอิ 225 ในสัดส่วนใกล้เคียงกับดัชนี เพื่อให้ผลตอบแทนของกองทุนเคลื่อนไหวตามดัชนี นเคอิ เช่น กองทุน KFJPINDX-A ของ บลจ.กรุงศรีฯ ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลักที่ตามดัชนี นเคอิ วิธีนี้เหมือนเราฝากเงินให้นักบริหารกองทุนไปซื้อหุ้นตามสัดส่วนในดัชนีให้แทนครับ
3. **ลงทุนในหุ้นที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี นเคอิ โดยตรง:** ถ้าคุณเป็นนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญและเข้าถึงการซื้อขายหุ้นต่างประเทศได้ คุณอาจเลือกที่จะซื้อหุ้นรายตัวของบริษัทที่เป็นสมาชิกในดัชนี นเคอิ โดยตรงเลยก็ได้ แต่คุณจะต้องศึกษาข้อมูลของบริษัทเหล่านั้นเป็นรายตัว และอาจต้องใช้เงินลงทุนที่สูงกว่าการซื้อกองทุนรวม

แต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียและความเสี่ยงที่แตกต่างกันไปครับ ขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นนักลงทุนแบบไหน รับความเสี่ยงได้แค่ไหน และมีเงินลงทุนเท่าไหร่

**สรุปส่งท้าย: จับตา นเคอิ แล้วไปต่อยังไงดี?**

ดัชนี นเคอิ 225 ไม่ได้เป็นแค่ตัวเลขบนหน้าจอครับ แต่มันคือตัวแทนภาพรวมของบริษัทชั้นนำใน ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนสุขภาพเศรษฐกิจของญี่ปุ่นและยังอ่อนไหวต่อปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลก การที่เราคอยติดตามความเคลื่อนไหวของ นเคอิ จะช่วยให้เราเข้าใจภาพรวมของตลาดทุนในเอเชีย และเห็นสัญญาณบางอย่างที่อาจส่งผลกระทบมาถึงตลาดหุ้นบ้านเราได้ด้วย

สำหรับนักลงทุนที่สนใจ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น หรืออยากจะลองกระจายความเสี่ยงไปลงทุนต่างประเทศ การศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ นเคอิ และช่องทางการลงทุนต่างๆ ที่มีให้บริการในประเทศไทย (เช่น ผ่าน กองทุนรวม) ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีครับ

⚠️ **คำเตือน:** การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน และควรพิจารณาจากความเสี่ยงที่ตนเองรับได้และ สภาพคล่อง ของเงินลงทุนด้วยครับ ถ้ายังไม่แน่ใจ ควรปรึกษาผู้แนะนำการลงทุนมืออาชีพเสมอ การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนและปัจจัยเฉพาะของแต่ละประเทศเพิ่มเติมเข้ามา อย่าลืมประเมินตัวเองก่อนนะครับ!

Leave a Reply