หุ้นhsi เหวี่ยงหนัก! โอกาสทองหรือกับดักนักลงทุน?

เพื่อนผมชื่อ ‘เล็ก’ เพิ่งมาถามผมเมื่อวันก่อนครับว่า “พี่ๆ ช่วงนี้เห็นข่าวตลาดหุ้นฮ่องกงมันดูเหวี่ยงๆ จังเลย หุ้นhsi เนี่ยมันคืออะไร แล้วทำไมมันถึงขึ้นๆ ลงๆ น่าปวดหัวขนาดนี้?”

แหม… คำถามนี้โดนใจผมเลยครับ ในฐานะคอลัมนิสต์การเงินที่คลุกคลีในวงการมานาน ต้องบอกว่าเรื่องของ หุ้นhsi หรือที่เรียกเต็มๆ ว่า ‘ดัชนีฮั่งเส็ง’ นี่น่าสนใจจริงๆ ครับ มันเหมือนเป็น ‘ดัชนีชี้วัด’ หรือ ‘สกอร์การ์ด’ สำคัญของตลาดหุ้นฮ่องกง (ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง) เลยก็ว่าได้ โดยเค้าจะคัดเอาบริษัทใหญ่ๆ ที่มีมูลค่าตลาดสูงๆ มาคำนวณรวมกัน ซึ่งข้อมูลล่าสุดเห็นว่ามีประมาณ 73 บริษัท ครอบคลุมมูลค่าตลาดรวมของฮ่องกงไปกว่า 65% เลยทีเดียวครับ ถ้าให้เปรียบง่ายๆ ก็เหมือนเอา ‘ทีมรวมดารา’ ของบริษัทแถวหน้าในฮ่องกงมารวมไว้ในดัชนีนี้แหละ ใครทำผลงานดี ดัชนีก็ขึ้น ใครฟอร์มตก ดัชนีก็ลงตาม

ทีนี้ ไอ้ความเหวี่ยงๆ ที่เพื่อนเล็กบอกเนี่ย มันก็มีที่มาที่ไปครับ ช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงยุโรป เอเชีย และสหรัฐฯ ต่างก็ซึมๆ คล้อยตามกันไปหมด สาเหตุหลักๆ ส่วนหนึ่งมาจากความกังวลเรื่อง ‘อัตราดอกเบี้ย’ ที่มีแนวโน้มจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก อย่างธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ ‘เฟด’ (Fed) ก็เพิ่งจะ ‘ขึ้นอัตราดอกเบี้ย’ ไปอีก 0.25% ในการประชุมครั้งล่าสุด ทำเอานักลงทุนทั่วโลกต้องมานั่งลุ้นกันต่อว่า เฟดจะเอายังไงต่อกับทิศทางดอกเบี้ยในอนาคต ขนาด ‘ธนาคารกลางญี่ปุ่น’ หรือ ‘บีโอเจ’ (BOJ) ที่ว่าแน่ๆ ยังต้องเข้า ‘ซื้อพันธบัตรฉุกเฉิน’ เพื่อควบคุม ‘ผลตอบแทนพันธบัตร’ อายุ 10 ปีที่มันพุ่งขึ้นไปซะสูงเลยครับ พอความไม่แน่นอนเรื่องดอกเบี้ยมันมีสูง ‘มาตรวัดความกังวล’ ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เรียกว่า ‘ดัชนี VIX’ หรือที่บางทีก็เรียกกันว่า ‘ดัชนีความกลัว’ มันก็พุ่งขึ้นไปถึงระดับสูงสุดในรอบปีเลยทีเดียว สะท้อนว่านักลงทุนกำลังเครียดกันน่าดู

สำหรับตัว หุ้นhsi เอง ความผันผวนนี่เป็นเรื่องปกติของเค้าเลยครับ ข้อมูลเปรียบเทียบชี้ว่า ดัชนีนี้มีการเปลี่ยนแปลงระหว่างวันสูงกว่าดัชนีหุ้นไทยอย่าง SET50 อย่างมีนัยสำคัญ คือประมาณ 95% ของวันซื้อขายเนี่ย HSI จะแกว่งตัวเกิน 1% ในขณะที่ SET50 อยู่ที่ราว 74.2% เห็นไหมครับว่า HSI เค้าเหวี่ยงแรงกว่าเยอะ! แล้วอะไรที่ทำให้ HSI sensitive ขนาดนั้น? เรื่องใหญ่ๆ ที่กระทบดัชนีนี้มาตลอดก็คือความสัมพันธ์ระหว่าง ‘พี่ใหญ่’ สหรัฐฯ กับ ‘มังกร’ จีนครับ ลองนึกภาพนะครับ เวลาที่การเจรจาการค้าระหว่างสองมหาอำนาจนี้ดูมีแววดี หรือมีคำตัดสินศาลสหรัฐฯ ที่เป็นคุณกับบริษัทจีนบางแห่ง หุ้นhsi ก็มีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นรับข่าว แต่พอมีเรื่องตึงเครียดทางการค้า มีมาตรการภาษี (ภาษี) หรือเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว (อย่าง GDP สหรัฐฯ ที่หดตัวในไตรมาสแรกปี 2568 สร้างความกังวลไม่น้อย) ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ หรือแม้กระทั่งความไม่แน่นอนต่อความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนเอง ก็พร้อมที่จะกดดันให้ หุ้นhsi ร่วงลงทันทีครับ ข้อมูลบางแหล่งถึงกับชี้ว่า ดัชนีนี้กำลังเข้าใกล้ ‘จุดปรับฐาน’ ด้วยซ้ำ จากความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจจีนที่ยังมีอยู่

นอกจากปัจจัยภายนอกแล้ว ฮ่องกงเองก็มีเรื่องให้ลุ้นเหมือนกันครับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังฮ่องกงก็ได้เสนอแผนเศรษฐกิจที่เน้นความระมัดระวังเพื่อหวังกลับสู่การเติบโตในปีนี้ แต่ก็มีเสียงผิดหวังที่ยังไม่มีมาตรการจูงใจที่ชัดเจนพอที่จะดึงดูด ‘ผู้มีความสามารถ’ หรือ ‘Talent’ กลับมาฟื้นฟูสถานะ ‘ศูนย์กลางนานาชาติ’ ที่เคยเป็นจุดแข็งในอดีต ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ในเอเชีย อย่างดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI ภาคการผลิต) ของญี่ปุ่นก็ยังแสดงการหดตัวอยู่เลยครับ ภาพรวมเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ก็ยังต้องลุ้นกันอยู่

สำหรับนักลงทุนไทยที่มองหาโอกาสในการลงทุนในตลาดต่างประเทศ หุ้นhsi ถือเป็นดัชนีที่น่าจับตามองด้วยเหตุผลหลายอย่างครับ อย่างแรกเลยคือความผันผวนที่สูงกว่า SET50 นี่แหละครับ ทำให้นักลงทุนที่ชอบ ‘เก็งกำไรระยะสั้น’ โดยเฉพาะการลงทุนผ่าน ‘ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์’ หรือ ‘DW’ (ดีดับบลิว) ที่อ้างอิงดัชนีฮั่งเส็ง มีโอกาสทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาได้ค่อนข้างเร็ว (แน่นอนว่าความเสี่ยงก็สูงตามไปด้วยนะ!) ยิ่งไปกว่านั้น ‘สภาพคล่อง’ (Bid/Offer) ของ HSI DW ก็ค่อนข้างดี เพราะดัชนี HSI มีตลาด ‘ฟิวเจอร์ส’ (Futures) ที่ใหญ่และมีสภาพคล่องสูงรองรับอยู่ครับ และที่สำคัญคือ เราสามารถซื้อขาย HSI DW ในช่วงพักเที่ยงของตลาดหุ้นไทยได้ด้วยนะ (12:30 – 14:30 น.) ซึ่งเป็นช่วงบ่ายของตลาดหุ้นฮ่องกง ทำให้เราไม่พลาดโอกาสสำคัญๆ ในช่วงนั้นครับ ถ้าจะเลือกลงทุนใน DW ก็ควรเลือกผู้ออกที่น่าเชื่อถือ มีผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ที่พร้อมดูแลอย่างเช่น DW28 ของ ‘แมคควอรี’ (Macquarie) ที่ถูกกล่าวถึงในข้อมูลครับ

มองในแง่ปัจจัยพื้นฐาน เปรียบเทียบ หุ้นhsi กับ SET50 ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2566 ชี้ให้เห็นว่า HSI มี ‘ราคาต่อกำไร’ หรือ ‘P/E’ ต่ำกว่า และให้ ‘เงินปันผล’ (Dividend) สูงกว่า SET50 ด้วยนะครับ นอกจากนี้โครงสร้างของ HSI ก็มีความแตกต่างที่น่าสนใจตรงที่เค้าเป็นแหล่งรวมบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของเอเชียหลายแห่ง เช่น ‘อาลีบาบา’ (ALIBABA), ‘เทนเซ็นต์’ (TENCENT), ‘เหม่ยถวน’ (MEITUAN) ซึ่งต่างจากโครงสร้างหลักของ SET50 พอสมควรครับ

ถ้าดูตัวเลขทางเทคนิคแบบคร่าวๆ ดัชนี HSI ตอนนี้อยู่ในสถานะที่เป็น ‘กลาง’ ทั้งตาม ‘ออสซิลเลเตอร์’ (Oscillators) และ ‘ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่’ (Moving Averages) แต่ถ้าดูการเคลื่อนไหวในช่วงที่ผ่านมา จะเห็นว่าในรอบสัปดาห์ล่าสุด หุ้นhsi ปรับตัวลงเล็กน้อย (-0.20%) แต่ในรอบเดือนที่แล้วยังบวกอยู่ 2.47% ส่วนในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาก็ทำผลงานได้ค่อนข้างดี บวกไปถึง 31.97% เลยทีเดียวครับ (แต่ต้องระวังว่านี่คือตัวเลขในอดีต ไม่ได้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตนะครับ) บริษัทใหญ่สุดในดัชนีก็อย่างเช่น HKEX:700, HKEX:1398, HKEX:9988 เป็นต้นครับ

สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้เลยคือ ‘ดัชนี’ มันเป็นแค่ตัวเลขชี้วัดครับ เราไม่สามารถไปซื้อ ‘ดัชนี’ หุ้นhsi ตรงๆ ได้ แต่เราสามารถเลือกลงทุนทางอ้อมได้หลายวิธี เช่น ผ่าน ‘สัญญาซื้อขายล่วงหน้า’ (HSI Futures), ‘กองทุนรวม’ (Fund) ที่ไปลงทุนในหุ้นที่เป็นองค์ประกอบของดัชนี, หรือลงทุนในหุ้นรายตัวที่เป็นส่วนประกอบของ HSI ไปเลยก็ได้ครับ

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะลงทุนใน หุ้นhsi หรือสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ ก็ต้องเข้าใจหัวใจสำคัญที่สุดข้อหนึ่งครับ นั่นคือ ‘ความเสี่ยง’ การลงทุนในตราสารทางการเงินทุกประเภท รวมถึงเงินดิจิทัล มีความเสี่ยงสูงมากครับ ราคาของมันผันผวนได้ตลอดเวลาและได้รับผลกระทบจากปัจจัยสารพัด ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง นโยบายของธนาคารกลาง หรือแม้แต่กระแสข่าวต่างๆ ยิ่งถ้าคุณใช้ ‘มาร์จิ้น’ (Margin) หรือการซื้อขายด้วยเงินกู้ยืม อำนาจในการทำกำไรอาจจะเพิ่มขึ้น แต่ความเสี่ยงที่จะ ‘ล้างพอร์ต’ หรือขาดทุนอย่างหนักก็จะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณเลยนะครับ

สรุปแล้ว หุ้นhsi ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงที่ต้องจับตาดูใกล้ชิดครับ มีปัจจัยทั้งระดับโลกและระดับภูมิภาคเข้ามาเกี่ยวข้องเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัตราดอกเบี้ยของเฟด ปัญหาความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน สุขภาพเศรษฐกิจจีน หรือแม้แต่แผนฟื้นฟูฮ่องกงเอง ถ้าคุณสนใจ หุ้นhsi หรือ DW ที่อ้างอิง ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบมากๆ ทำความเข้าใจลักษณะเฉพาะของดัชนีนี้ รวมถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือลงทุนที่คุณเลือกใช้ และประเมิน ‘ความสามารถในการรับความเสี่ยง’ ของตัวเองให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจทุกครั้งนะครับ

⚠️ หากเงินทุนไม่ได้เหลือใช้จริงๆ หรือเพิ่งเริ่มต้น แนะนำให้ ‘ดูไปก่อน’ หรือลงทุนในสัดส่วนน้อยมากๆ และทำความเข้าใจ ‘ความเสี่ยง’ ให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจทุกครั้งนะครับ การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

Leave a Reply