ช่วงนี้ได้ยินเพื่อนฝูงหรือคนรู้จักบ่นเรื่องหุ้นกันบ่อยไหมครับ? ตลาดดูซึมๆ ไม่ค่อยคึกคักเหมือนก่อน แล้วหุ้นที่เราสนใจอย่างพวกหุ้นตัวใหญ่ๆ ในกลุ่ม SET100 ล่ะ สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง วันนี้เรามาลองดูกันครับว่า `ราคาหุ้น set100` ช่วงนี้มีเรื่องราวน่าสนใจอะไรซ่อนอยู่บ้าง จากข้อมูลล่าสุดที่รวบรวมมาเล่าสู่กันฟัง
**เปิดฉากตลาดหุ้นไทย ส่องสถานการณ์ล่าสุด**
ถ้าดูจากข้อมูล ณ วันที่ 19 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ก็ปิดทำการไปตามปกติ แต่ระหว่างวัน ดัชนี SET ก็มีการเคลื่อนไหว ขึ้นไปสูงสุดที่ 1,589.81 จุด ก่อนจะลงมาต่ำสุดที่ 1,572.03 จุด มูลค่าการซื้อขายรวมๆ ก็อยู่ที่ประมาณ 23,334 ล้านบาท ซึ่งก็เป็นภาพรวมการซื้อขายวันนั้น
แต่ถ้าลองดูภาพใหญ่ขึ้นอีกหน่อย จากข้อมูลดัชนีหลักๆ ณ วันที่ใกล้เคียงกัน จะเห็นว่าดัชนีส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงครับ อย่าง SET เองก็ลงไปประมาณ 0.60% ส่วน SET100 ที่เราโฟกัส `ราคาหุ้น set100` ก็ลดลงไปเหมือนกันประมาณ 0.75% ดัชนี mai นี่หนักสุด ลดลงเกือบ 2% เลย แสดงว่าภาพรวมตลาดช่วงนี้ยังอยู่ในภาวะที่ไม่ค่อยสดใสนัก
ลองมาดูจำนวนหุ้นที่ราคาขึ้นกับราคาลงบ้าง ในตลาด SET หุ้นราคาบวกมีมากกว่าหุ้นราคาลบเล็กน้อยนะ คือ 248 ตัวที่บวก เทียบกับ 211 ตัวที่ลบ แต่ถ้าดูปริมาณการซื้อขาย หุ้นที่ราคาลบกลับมีปริมาณเยอะกว่า แปลว่าแรงขายก็ยังมีอิทธิพลอยู่ไม่น้อย ส่วนตลาด mai ก็คล้ายๆ กัน คือจำนวนหุ้นที่ราคาขึ้นกับลงพอๆ กัน แต่ปริมาณซื้อขายไปกระจุกที่หุ้นราคาลงมากกว่า
สัญญาณทางเทคนิคเบื้องต้นพวก Oscillator หรือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ก็บอกว่าภาพรวมยังเป็นกลางๆ ครับ เหมือนตลาดยังหาทิศทางที่ชัดเจนไม่ได้ มีทั้งแรงซื้อและแรงขายปะปนกันไป

**ย้อนดูภาพใหญ่กว่าเดิม: ตลาดหุ้นไทยปี 2568 ดิ่งแรง ต่างชาติขาย รายย่อยสู้**
นี่แหละครับคือจุดที่น่าสนใจจริงๆ! ถ้าดูตั้งแต่ต้นปี 2568 (นับถึงวันที่ 23 เมษายน 2568) ดัชนีตลาดหุ้นไทยเราปรับตัวลดลงไปถึง 246 จุด หรือคิดเป็นการลดลงกว่า 17% ครับ โอ้โห ลงมาเยอะทีเดียว!
ในภาวะที่ตลาดโดยรวมเป็นแบบนี้ แล้ว `ราคาหุ้น set100` ที่เป็นหัวเรือใหญ่ของตลาดล่ะ เป็นยังไงบ้าง? ข้อมูลบอกว่า ในกลุ่ม SET100 ทั้งหมด มีหุ้นแค่ 10 ตัวเท่านั้นเองที่ราคายังยืนอยู่ในแดนบวกได้ ส่วนที่เหลือราคาก็ลดลงตามภาวะตลาดไป แสดงให้เห็นว่าปีนี้เป็นปีที่ท้าทายจริงๆ ครับสำหรับนักลงทุน
แล้วใครซื้อใครขายในตลาดช่วงที่ผ่านมา? สถิติจากต้นปีถึง 23 เมษายน 2568 ชี้ชัดว่านักลงทุนต่างชาติขายสุทธิไปกว่า 53,467 ล้านบาทครับ เยอะมากจริงๆ เหมือนขนเงินกลับบ้านกันเป็นหลักหมื่นล้านเลยทีเดียว
ตรงกันข้ามกับนักลงทุนรายย่อยอย่างพวกเรานี่แหละครับ ที่สู้! ซื้อสุทธิสวนตลาดไปกว่า 76,822 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกัน ส่วนนักลงทุนกลุ่มอื่นๆ เช่น สถาบัน หรือบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ก็เป็นฝั่งขายสุทธิเหมือนกันครับ ภาพนี้มันบอกอะไรเรา? เหมือนรายย่อยกำลังพยายามช้อนซื้อหุ้นที่ราคาลงมาเยอะๆ ในขณะที่นักลงทุนสถาบันและต่างชาติเลือกที่จะขายทำกำไรหรือลดความเสี่ยงออกไป นี่เป็นพฤติกรรมที่น่าจับตามองมากๆ
**เจาะลึก SET100 คืออะไร ทำไมเราต้องสนใจ `ราคาหุ้น set100`?**
ก่อนจะไปคุยกันต่อเรื่องหุ้นรายตัว เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า SET100 คืออะไรกันแน่ เผื่อใครเป็นนักลงทุนมือใหม่
SET ย่อมาจาก Stock Exchange of Thailand ก็คือดัชนีที่รวมเอา `ราคาหุ้น` ของหุ้นสามัญทั้งหมดในตลาดบ้านเรามารวมกันครับ ส่วน SET100 ก็คือดัชนีที่คัดเอาหุ้นตัวท็อป 100 อันดับแรกของตลาดมาคำนวณ ซึ่งการคัดเลือกก็จะมีเกณฑ์อยู่ครับ ไม่ใช่แค่ใหญ่สุดอย่างเดียว ต้องมีสภาพคล่องสูงพอสมควร (คือซื้อง่ายขายคล่องนั่นแหละ) มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free-float) ตามที่กำหนด และไม่ถูกขึ้นเครื่องหมายห้ามซื้อขาย (SP) บ่อยๆ หุ้น 50 ตัวแรกของ SET100 นี่แหละครับคือ SET50 ดังนั้น SET100 ก็คือ SET50 บวกกับหุ้นอันดับ 51-100 นั่นเอง

SET100 เขาคำนวณแบบถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization Weight) หมายความว่าหุ้นตัวไหนใหญ่มากๆ `ราคาหุ้น` ของมันก็จะมีอิทธิพลต่อการขึ้นลงของดัชนี SET100 มากกว่าหุ้นตัวเล็กๆ ครับ
ทำไมเราถึงควรสนใจ SET100 หรือ SET50? ดัชนีพวกนี้มันช่วยให้เรามองภาพรวมของหุ้นขนาดใหญ่ในตลาดได้ง่ายขึ้นครับ เป็นเหมือนตัวชี้วัดว่าหุ้นตัวท็อปๆ ของประเทศเป็นยังไง ช่วยเราวิเคราะห์แนวโน้มตลาด และเป็นเหมือนแนวทางในการเลือกหุ้นลงทุนได้ เพราะหุ้นในกลุ่มนี้มักจะเป็นบริษัทใหญ่ มีพื้นฐานมั่นคงพอสมควร และมีสภาพคล่องสูง เวลาจะซื้อจะขายก็ทำได้สะดวกกว่าหุ้นนอกกลุ่มครับ นอกจากนี้ยังช่วยในการบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนของเราได้ด้วย
**ส่องดาวเด่นในกลุ่ม SET100: ใครสวนกระแสตลาดขาลงได้บ้าง?**
อย่างที่บอกไปครับว่าตั้งแต่ต้นปี 2568 หุ้นส่วนใหญ่ใน SET100 ราคายังติดลบอยู่ แต่ก็มี 10 ตัวที่ยังยืนบวกได้ และในบรรดา 10 ตัวนั้น ก็มี 3 ตัวที่โดดเด่นมากๆ เรามาดูกันว่ามีตัวไหนบ้าง และทำไม `ราคาหุ้น` พวกเขาถึงไปได้ดีสวนตลาดขนาดนี้ (ข้อมูล ณ 23 เมษายน 2568):
1. **BCPG:** ตัวนี้ราคาหุ้นบวกแรงที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้าเลยครับ ขึ้นไปกว่า 27% ตั้งแต่ต้นปี! แรงหนุนหลักๆ มาจากฝีมือของนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาซื้ออย่างต่อเนื่อง (ถือครองเพิ่มขึ้นถึง 2.6% YTD) แถมนักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่ากำไรจะออกมาดีจากโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐฯ ปัจจัยบวกต่อๆ ไปก็คือแนวโน้มกำไรจากอเมริกา โครงการใหญ่ที่กำลังจะเริ่มเดินเครื่อง (COD) และดีลซื้อกิจการใหม่ๆ ครับ นักวิเคราะห์จาก บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ถึงกับให้คำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมราคาเป้าหมาย 7.80 บาทเลยทีเดียว
2. **BTG:** หุ้นตัวนี้ราคาบวกขึ้นมาประมาณ 13.83% ครับ นักวิเคราะห์ได้ปรับประมาณการกำไรปี 2568-2569 ของ BTG ขึ้นเยอะมากๆ (ตั้ง 48% และ 50%!) เพราะมองว่าอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะสูงขึ้นได้อีก จากราคาเนื้อสัตว์ที่ดีขึ้น และต้นทุนพวกกากถั่วเหลืองมีแนวโน้มลดลง ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจมากๆ บล. บียอนด์ จํากัด (มหาชน) ก็เชียร์ให้ “ซื้อ” พร้อมปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 28.50 บาท จากเดิม 22.50 บาทครับ
3. **CPF:** อีกตัวที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นมาประมาณ 11% ครับ CPF มีทิศทางกำไรไตรมาส 1 ปี 2568 ที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มเลย และมีโอกาสจะดีต่อเนื่องในไตรมาส 2 ด้วย เพราะราคาเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะสุกรทั้งในไทยและเวียดนาม ปรับตัวดีขึ้นจากปริมาณที่ลดลงและปัญหาโรคระบาด ในขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จที่ช่วยหนุนกำไรได้ดี บล. เอเซีย พลัส จำกัด ให้มุมมอง “Outperform” (ดีกว่าตลาด) และให้มูลค่าพื้นฐานปี 2568 ไว้ที่ 30 บาทครับ
นี่คือตัวอย่างหุ้นใน SET100 ที่สามารถโชว์ผลงานด้าน `ราคาหุ้น` ได้อย่างน่าประทับใจในภาวะตลาดที่ยากลำบากของปี 2568 นี้ ซึ่งปัจจัยสนับสนุนส่วนใหญ่ก็มาจากพื้นฐานของธุรกิจและมุมมองเชิงบวกของนักวิเคราะห์นี่แหละครับ
**มองย้อนไปปี 2567: ใครคือแชมป์ SET100?**
ไหนๆ ก็คุยเรื่องหุ้น SET100 แล้ว ลองย้อนไปดูปี 2567 ที่ผ่านมาหน่อย ตลาดหุ้นไทยปีที่แล้วก็ผันผวนไม่แพ้กันครับ ดัชนี SET ก็ปรับตัวลดลงไป แต่ก็ยังมีหุ้นบางตัวใน SET100 ที่ `ราคาหุ้น` พุ่งแรงมากๆ จนน่าตกใจ (ข้อมูล ณ 26 ธันวาคม 2567):
* **TRUE:** บวกไปถึง 115.84%! นักวิเคราะห์มองว่ายังน่าสนใจ คาดว่าปี 2567 จะพลิกกลับมามีกำไร และปี 2568 จะโตต่อได้อีก 25%
* **DELTA:** บวกไป 73.30%! แม้ข้อมูลล่าสุดปี 2568 จะมีมุมมองระมัดระวัง แต่มองย้อนไปปี 2567 หุ้น DELTA โดดเด่นมากจริงๆ จากศักยภาพการเติบโตในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ AI (ปัญญาประดิษฐ์), Data Center (ศูนย์ข้อมูล), EV (ยานยนต์ไฟฟ้า) อะไรพวกนี้ นักวิเคราะห์เคยให้คำแนะนำ “Neutral” ช่วงปลายปี 2567 เพราะราคาสะท้อนไปเยอะแล้ว แต่ราคาก็ยังไปต่อได้อีก
* **VGI:** บวก 72.02%! ผลประกอบการอยู่ในช่วงฟื้นตัว (Turnaround) จากการปรับโครงสร้างธุรกิจ
* **PRM:** บวก 60.75%! มองว่ากำไรดีต่อเนื่อง มีปัจจัยบวกจากการรับเรือใหม่และโอกาสทางธุรกิจอื่นๆ
* **STGT:** บวก 46.50%! แม้จะมีการปรับประมาณการกำไรลงช่วงปลายปี 2567 แต่มองไปปี 2568 ก็มีแนวโน้มสดใสขึ้นจากราคาขายและอุปสงค์ที่ดีขึ้น
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ตลาดจะขึ้นหรือลง ก็ยังมีหุ้นที่ผลประกอบการดีหรือมีปัจจัยบวกเฉพาะตัวที่ทำให้ `ราคาหุ้น` ปรับตัวขึ้นสวนตลาดได้เสมอครับ แต่การจะหาหุ้นแบบนี้ให้เจอ ก็ต้องอาศัยการศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์อย่างรอบคอบ

**สรุปสถานการณ์ `ราคาหุ้น set100` และข้อคิดเพื่อนักลงทุน**
จากข้อมูลทั้งหมดที่เราดูกันมา จะเห็นว่าตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ (ต้นปี 2568) ยังอยู่ในช่วงที่ค่อนข้างยากลำบากครับ ดัชนีโดยรวมและ `ราคาหุ้น set100` ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ต้นปี โดยมีแรงขายหนักจากนักลงทุนต่างชาติ ในขณะที่นักลงทุนรายย่อยพยายามเข้าซื้อ
อย่างไรก็ตาม ในกลุ่ม SET100 เอง ก็ยังมีหุ้นบางตัวที่สามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่ดีขึ้น การคาดการณ์กำไรที่สดใส หรือแรงซื้อจากนักลงทุนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่มองเห็นโอกาส
สำหรับนักลงทุนที่สนใจ `ราคาหุ้น set100` หรืออยากจะลงทุนในกลุ่มนี้:
1. **ทำความเข้าใจ:** หุ้นใน SET100 คือหุ้นใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง การเคลื่อนไหวของพวกเขาสะท้อนภาพรวมของตลาดได้ค่อนข้างดี
2. **ศึกษาข้อมูล:** แม้จะเป็นหุ้นใหญ่ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะดีทุกตัว ต้องศึกษาพื้นฐาน ผลประกอบการ แนวโน้มธุรกิจ และมุมมองของนักวิเคราะห์ (อย่างที่เราเห็นตัวอย่าง BCPG, BTG, CPF)
3. **พิจารณากลยุทธ์:** หุ้นกลุ่มนี้เหมาะกับการลงทุนระยะยาว เก็บสะสมตอนย่อตัว เพื่อรับผลตอบแทนจากการเติบโตในอนาคต หรืออาจใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคประกอบการตัดสินใจจังหวะซื้อขาย
4. **จับตาพฤติกรรมนักลงทุน:** การที่ต่างชาติขายหนัก รายย่อยซื้อสวน เป็นภาพที่น่าติดตาม อาจเป็นโอกาสหรือความเสี่ยงก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าปัจจัยอะไรที่ขับเคลื่อนแต่ละกลุ่ม
⚠️ **ข้อควรทราบและคำเตือน:** การลงทุนในตลาดหุ้น หรือตราสารทางการเงินใดๆ มีความเสี่ยงสูงมากๆ นะครับ `ราคาหุ้น set100` หรือหุ้นตัวอื่นๆ สามารถปรับตัวลดลงได้ และคุณอาจสูญเสียเงินลงทุนบางส่วนหรือทั้งหมดได้เลย ความผันผวนของราคาอาจมาจากปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น สภาพเศรษฐกิจ กฎหมาย การเมือง หรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด การใช้เครื่องมือที่มีการกู้ยืมเงิน (เช่น การซื้อขายด้วยมาร์จิน) ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงทางการเงินเข้าไปอีก
ข้อมูลที่นำเสนอในบทความนี้ เป็นเพียงการรวบรวม วิเคราะห์ และสรุปจากข้อมูลที่ปรากฏ ณ ช่วงเวลาหนึ่งๆ เท่านั้น (มีทั้งข้อมูล ณ วันที่ 19 เม.ย. 2568, 23 เม.ย. 2568 และ 26 ธ.ค. 2567) ซึ่งอาจไม่ใช่ข้อมูลเรียลไทม์ และไม่ได้แม่นยำ 100% เสมอไป ข้อมูลเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาและให้ภาพรวมเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาเป็นการชี้ชวน ชี้นำ หรือให้คำแนะนำในการซื้อขายหลักทรัพย์ใดๆ ทั้งสิ้น
ก่อนตัดสินใจลงทุนใน `ราคาหุ้น set100` หรือหุ้นตัวไหนก็ตาม **โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง** รวมถึงพิจารณาจากวัตถุประสงค์ ประสบการณ์ และการยอมรับความเสี่ยงของตัวคุณเองอย่างรอบคอบที่สุด หากไม่มั่นใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอนะครับ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการลงทุนครับ!