SET100 ผันผวน! วิเคราะห์เจาะลึก หุ้นไทยใน Settrade วันนี้

สวัสดีครับ/ค่ะ เพื่อนๆ นักลงทุนและผู้ที่กำลังมองหาโอกาสในตลาดการเงินทุกท่าน ช่วงนี้หลายคนคงรู้สึกว่าตลาดหุ้นไทยมันดูซึมๆ ไม่ค่อยคึกคักเหมือนเก่า มองไปทางไหนก็เห็นแต่ตัวเลขแดงๆ อยู่บ่อยๆ ใช่ไหมครับ/คะ? มันเหมือนเวลาที่เราอยากออกไปเที่ยว แต่ฟ้ากลับดูครึ้มๆ ไม่รู้ฝนจะตกเมื่อไหร่ ทำให้หลายคนชะลอแผนการ หรือบางทีก็ต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางกันไป

ในโลกของการเงินก็คล้ายกันครับ/ค่ะ การที่เราจะตัดสินใจลงทุนหรือทำอะไรสักอย่าง ก็ต้องดู “สภาพอากาศ” ของตลาดให้ดีก่อน วันนี้ผม/ดิฉันในฐานะคนที่ติดตามเรื่องพวกนี้มาพอสมควร จะพาไปแกะกล่องข้อมูลล่าสุด เพื่อดูว่าตอนนี้ “สภาพอากาศ” ตลาดหุ้นไทยเป็นยังไงกันบ้าง โดยเฉพาะภาพรวมของหุ้นใหญ่ๆ อย่างในกลุ่ม SET100 (เซ็ทเทรด 100) ที่หลายคนให้ความสนใจกันครับ/ค่ะ

ถ้าลองดู “มาตรวัด” หลักๆ ของตลาดอย่างดัชนี SET ที่สะท้อนภาพรวมตลาดทั้งหมด หรือดัชนี SET50 ที่เป็นตัวแทนของหุ้นใหญ่สุด 50 ตัว และดัชนี SET100 (เซ็ทเทรด 100) ที่รวมหุ้นใหญ่ 100 ตัวแรกเข้าไว้ด้วยกัน จะเห็นว่าช่วงล่าสุดนี้ ตัวเลขมันปรับลดลงมาพอสมควรเลยครับ/ค่ะ ดัชนี SET ลงไปอยู่ที่ประมาณ 1,146 จุด ลดลงไปเกือบ 7 จุด ส่วน SET50 และ SET100 (เซ็ทเทรด 100) ก็อยู่ในแดนลบเช่นกัน ถามว่าทำไมตัวเลขพวกนี้ถึงสำคัญ? ก็เพราะมันเหมือนเป็น “เทอร์โมมิเตอร์” ที่บอกอุณหภูมิของตลาด ถ้าดัชนีขึ้นก็แปลว่าตลาดโดยรวมกำลังร้อนแรง คึกคัก แต่ถ้าดัชนีลงก็แปลว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงที่นักลงทุนอาจจะกังวล หรือกำลังขายทำกำไรกันออกมาครับ/ค่ะ

แล้วถ้ามองย้อนหลังไปหน่อย จะเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นอีกครับ/ค่ะ ข้อมูลบอกว่าผลตอบแทนของดัชนี SET ในช่วง 5 วันที่ผ่านมาติดลบประมาณ 2% มองไกลออกไป 1 เดือนก็ลบไปกว่า 6% และถ้าดูตั้งแต่ต้นปี (YTD) หรือย้อนหลัง 1 ปี ตัวเลขติดลบสองหลักเลยทีเดียวครับ/ค่ะ นั่นยิ่งยืนยันว่าตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงขาลงมาพักใหญ่แล้วนะ นี่คือภาพใหญ่ที่เราต้องรู้ไว้ก่อนก้าวเข้าไปในตลาด

แต่รู้ไหมครับ/คะ ว่าในวันที่ตลาดโดยรวมดูไม่สดใสแบบนี้ มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งตลาดก็ยังสูงถึงกว่า 4.5 หมื่นล้านบาทเลยนะ! แสดงว่าถึงแม้ตลาดจะซึมๆ แต่ก็ยังมีเงินจำนวนมหาศาลที่กำลังเปลี่ยนมือกันอยู่ครับ/ค่ะ เปรียบง่ายๆ ก็เหมือนเวลาฝนทำท่าจะตก คนที่กลัวฝนก็อาจจะรีบเก็บของเข้าร่ม แต่คนที่เห็นโอกาสก็อาจจะเตรียมร่มหรือเสื้อกันฝนไว้เดินลุย หรือบางทีก็เตรียมตัวรับน้ำฝนไว้ใช้ประโยชน์ในมุมอื่น

แล้วใครกันล่ะที่เป็นคนซื้อคนขายในตลาดกว่า 4.5 หมื่นล้านบาทนี้? ข้อมูลน่าสนใจมากครับ/ค่ะ มันแบ่งนักลงทุนออกเป็นกลุ่มๆ ได้แก่ นักลงทุนสถาบันในประเทศ (เช่น กองทุนต่างๆ), นักลงทุนต่างชาติ, นักลงทุนทั่วไป (อย่างพวกเราๆ นี่แหละครับ/ค่ะ) และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าโบรกเกอร์)

ภาพที่เห็นชัดเจนคือ “นักลงทุนต่างชาติ” เป็นผู้ขายสุทธิเยอะที่สุดเลยครับ/ค่ะ ขายไปกว่า 1.3 พันล้านบาท ซึ่งนี่แหละครับ/ค่ะ มักจะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง เพราะเงินทุนจากต่างชาติมีผลต่อตลาดค่อนข้างมาก ลองจินตนาการว่ามีเพื่อนต่างชาติหลายคนมาเที่ยวบ้านเรา แล้วจู่ๆ พร้อมใจกันเดินทางกลับบ้าน ย่อมส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในบ้านเราไม่มากก็น้อยใช่ไหมครับ/ค่ะ

ในทางกลับกัน “นักลงทุนสถาบัน” ในประเทศกลับเป็นผู้ซื้อสุทธิรายใหญ่ ซื้อไปกว่า 1.3 พันล้านบาทใกล้เคียงกับที่ต่างชาติขายเลยครับ/ค่ะ รวมถึงบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ก็ซื้อสุทธิเล็กน้อย ส่วนนักลงทุนทั่วไปอย่างเราๆ ก็ขายสุทธิไปบ้างเล็กน้อยเช่นกัน นี่แสดงให้เห็นถึงมุมมองที่แตกต่างกันครับ/ค่ะ ในขณะที่ต่างชาติอาจจะเห็นความเสี่ยงและเลือกขาย แต่สถาบันในประเทศอาจจะมองเห็นโอกาสในยามที่ราคาหุ้นปรับลงมา หรืออาจจะมีการปรับพอร์ตลงทุนภายในของตัวเอง

ลองมาดู “ดาวเด่น” ในแง่ของมูลค่าการซื้อขายกันบ้างนะครับ/คะ แม้ตลาดจะลง แต่หุ้นใหญ่ๆ ที่มีสภาพคล่องสูงก็ยังมีการซื้อขายหนาแน่นอยู่เสมอ 5 อันดับแรกที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดในช่วงล่าสุด ได้แก่ AOT, DELTA, KBANK, CPALL, และ GULF หุ้นเหล่านี้เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่เรารู้จักกันดี ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่ม SET50 และ SET100 (เซ็ทเทรด 100) นั่นแหละครับ/ค่ะ การที่หุ้นเหล่านี้มีการซื้อขายสูง แสดงว่ายังคงมีนักลงทุนติดตามและเข้าออกอยู่ตลอดเวลา แม้ราคาอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักในวันที่เก็บข้อมูลก็ตาม

ทีนี้ ถ้าใครฟังแล้วเริ่มสนใจอยากจะลองลงทุนในหุ้นใหญ่ๆ แบบ SET100 (เซ็ทเทรด 100) บ้าง แต่ไม่อยากซื้อหุ้นทีละตัว มีทางเลือกอื่นไหม? มีครับ/ค่ะ! ข้อมูลที่เราได้มามีการพูดถึง “กองทุนเปิด BCAP SET 100 ETF” หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า BSET100 นี่คือหนึ่งในผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภท ETF (อีทีเอฟ) ครับ/ค่ะ ETF ก็เหมือนกองทุนรวมชนิดหนึ่งที่ซื้อขายได้เหมือนหุ้น โดยกองทุน BSET100 นี้มีนโยบายลงทุนในหุ้นที่อยู่ในดัชนี SET100 (เซ็ทเทรด 100) นั่นเองครับ/ค่ะ ซื้อ BSET100 ก็เหมือนได้ลงทุนในหุ้นใหญ่ 100 ตัวพร้อมๆ กันในครั้งเดียว สะดวกมากๆ สำหรับคนที่อยากกระจายความเสี่ยงไปในกลุ่มหุ้นใหญ่ แต่ข้อมูลล่าสุดที่เราได้มาบอกว่าสถานะกองทุนเป็น Closed ณ วันที่ 3 พฤษภาคม 2568 ซึ่งอาจจะต้องตรวจสอบข้อมูลล่าสุดอีกครั้งหากสนใจลงทุนนะครับ/คะ

สำหรับคนที่คิดจะเริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้น หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น อนุพันธ์ (Derivatives) หรือกองทุนรวม สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ การเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ครับ/ค่ะ ซึ่งก็ต้องเลือกใช้บริการจากบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ ซึ่งในข้อมูลบอกว่าเค้ามีบริการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบัญชี การซื้อขายอนุพันธ์ การจัดการสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของหุ้นที่เราถือ (เช่น การจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน หรือการรับใบสำคัญแสดงสิทธิ) รวมถึงเรื่องค่าธรรมเนียมและหลักประกันต่างๆ ที่เราต้องทำความเข้าใจก่อนเริ่มลงทุนครับ/ค่ะ

คุณอาจจะถามว่า “แล้วฉันจะหาข้อมูลหรือเครื่องมือช่วยตัดสินใจได้จากไหนล่ะ?” ส่วนใหญ่แล้วบริษัทหลักทรัพย์จะมีแพลตฟอร์มออนไลน์หรือแอปพลิเคชันให้เราใช้งานครับ/ค่ะ แพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Settrade (เซ็ทเทรด) ก็เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลและเครื่องมือที่สำคัญมากๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลดัชนี SET, SET50, SET100 (เซ็ทเทรด 100) ข้อมูลราคาหุ้นแบบเรียลไทม์ ข้อมูลการซื้อขายของนักลงทุนแต่ละประเภท หรือแม้แต่บทวิเคราะห์ข่าวสารต่างๆ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราติดตามสถานการณ์และตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ/ค่ะ

สรุปภาพรวมตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ ก็ต้องบอกว่าอยู่ในช่วงที่เผชิญกับแรงกดดัน โดยเฉพาะจากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ดัชนีหลักๆ รวมถึงหุ้นใหญ่ในกลุ่ม SET100 (เซ็ทเทรด 100) ปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาครับ/ค่ะ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีนักลงทุนสถาบันในประเทศที่มองเห็นโอกาสและเข้าซื้อสะสม ขณะที่หุ้นใหญ่สภาพคล่องสูงก็ยังคงมีการซื้อขายที่คึกคัก และยังมีผลิตภัณฑ์อย่าง ETF ที่อิงกับดัชนี SET100 ให้เลือกใช้เป็นเครื่องมือในการลงทุนด้วย

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “อย่าเพิ่งตื่นตระหนก” ไปกับตัวเลขแดงๆ ครับ/ค่ะ ตลาดหุ้นมันมีขึ้นมีลงเป็นเรื่องธรรมชาติ สิ่งที่เราควรทำคือ:

1. **ทำความเข้าใจภาพรวม:** ตัวเลขดัชนีและข้อมูลการซื้อขายที่เราดูมา เป็นเหมือนข้อมูลเบื้องต้นที่บอกสภาพตลาดในปัจจุบัน
2. **ศึกษาข้อมูลเชิงลึก:** ทำความเข้าใจว่าทำไมตลาดถึงลง? ปัจจัยมาจากอะไร? และหุ้นหรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่คุณสนใจมีแนวโน้มเป็นอย่างไร
3. **รู้จักตัวเอง:** ประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวเอง และกำหนดเป้าหมายการลงทุนให้ชัดเจน
4. **ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ:** หากไม่มั่นใจ การขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งที่ดีครับ/ค่ะ

สุดท้ายนี้ อยากย้ำเตือนเสมอว่า **การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน** ราคาหลักทรัพย์สามารถขึ้นลงได้ และอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้นะครับ/คะ โดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดยังมีความผันผวนสูงแบบนี้

⚠️ หากสภาพคล่องทางการเงินของท่านไม่สูงนัก แนะนำให้ประเมินอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจดำเนินการตามกลยุทธ์ต่างๆ ครับ/ค่ะ

ขอให้ทุกท่านที่สนใจเรื่องการเงิน โชคดีกับการเดินทางในโลกของการลงทุนนะครับ/คะ การมีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องคืออาวุธที่ดีที่สุดของเราครับ/ค่ะ

Leave a Reply