เพื่อนๆ เคยได้ยินคำว่า “เซต” ในข่าวเศรษฐกิจ หรือเวลาคุยเรื่องหุ้นกันไหมครับ แล้วเคยสงสัยบ้างรึเปล่าว่า ตกลงแล้ว SET (The Stock Exchange of Thailand) หมายถึง อะไรกันแน่? เห็นตัวเลขขึ้นๆ ลงๆ แล้วมันบอกอะไรเราได้บ้าง? วันนี้ผมในฐานะคอลัมนิสต์ที่ชอบเล่าเรื่องการเงินแบบบ้านๆ จะขอพาไปทำความรู้จักกับคำนี้แบบเจาะลึก แต่รับรองว่าเข้าใจง่าย เหมือนคุยกับเพื่อนเลยครับ
ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ แบบไม่ซับซ้อนเลยนะครับ SET หมายถึง “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” นั่นเองครับ ชื่อเต็มๆ เป็นทางการก็คือ The Stock Exchange of Thailand (SET) ซึ่งเป็นตลาดที่เราใช้ซื้อขายหุ้นของบริษัทต่างๆ ในประเทศไทยกันนี่แหละครับ
ย้อนกลับไปสมัยก่อนนู้นนน ตั้งแต่ยุคที่ประเทศเราเริ่มวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจอย่างจริงจัง (ประมาณแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๔) รัฐบาลก็มองเห็นแล้วว่า เราต้องมีแหล่งระดมเงินทุนที่ดี เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างมั่นคง มันเคยมีความพยายามตั้งตลาดหุ้นแบบเอกชนชื่อ “ตลาดหุ้นกรุงเทพ” ขึ้นมาในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ นะครับ แต่ตอนนั้นดูเหมือนคนไทยจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับเรื่องหุ้นสักเท่าไหร่ แถมการสนับสนุนจากภาครัฐก็ยังน้อย ตลาดหุ้นกรุงเทพเลยไปไม่รอด ต้องปิดตัวลงไปครับ

จนมาถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๗ รัฐบาลก็เห็นแล้วว่าเรื่องนี้รอไม่ได้ เลยมีการประกาศใช้ “พระราชบัญญัติ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๑๗” เพื่อจัดตั้ง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขึ้นมาอย่างเป็นระบบ เป็นแหล่งกลางในการซื้อขายหลักทรัพย์อย่างแท้จริง มีวัตถุประสงค์ชัดเจนคือ ส่งเสริมการออมเงินของประชาชน และเป็นช่องทางให้บริษัทต่างๆ ระดมทุนไปขยายกิจการได้
แล้ววันประวัติศาสตร์วันแรกที่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดทำการซื้อขายอย่างเป็นทางการคือวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๘ ครับ ตอนแรกใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า The Securities Exchange of Thailand ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น The Stock Exchange of Thailand หรือ SET อย่างที่เราคุ้นเคยกันทุกวันนี้ เมื่อวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๔ ครับ กว่าจะเป็น SET อย่างทุกวันนี้ ก็ผ่านการพัฒนามาไม่น้อย ย้ายที่ทำการมาก็หลายครั้ง จากอาคารสินธร ก็ย้ายไปถนนรัชดาภิเษก จนกระทั่งมาอยู่ที่อาคารสำนักงานแห่งใหม่บนถนนรัชดาภิเษก เขตดินแดงนี่แหละครับ
ทีนี้พอ SET เป็นตลาดกลางในการซื้อขายหุ้นแล้ว เราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าภาพรวมของตลาดหุ้นในแต่ละวันเป็นยังไง หุ้นส่วนใหญ่ขึ้นหรือลง? นี่แหละครับ คือหน้าที่ของ “ดัชนีตลาดหลักทรัพย์” หรือที่เราเรียกสั้นๆ ว่า “ดัชนี”
ดัชนีที่คนส่วนใหญ่พูดถึงและเป็นเหมือนหน้าตาของ SET เลยก็คือ “ดัชนี SET” (SET Index) นี่แหละครับ ตัวเลขดัชนี SET สะท้อนความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นทั้งหมดในตลาด ถ้าดัชนี SET เพิ่มขึ้น (ส่วนใหญ่หน้าจอจะเป็นสีเขียว) ก็แปลว่า มูลค่าตลาดรวมเพิ่มขึ้น ราคาหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดวันนั้นปรับตัวสูงขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าดัชนี SET ลดลง (หน้าจอจะเป็นสีแดง) ก็แปลว่า มูลค่าตลาดรวมลดลง หุ้นส่วนใหญ่ราคาตกลงนั่นเองครับ

แต่นอกจากดัชนี SET ที่เป็นภาพรวมใหญ่แล้ว ยังมีดัชนีลูกพี่ลูกน้องอีกหลายตัวที่ช่วยให้เรามองเห็นภาพตลาดได้ละเอียดขึ้นครับ เช่น
* **SET50 (SET50 Index):** ดัชนีนี้จะสะท้อนความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ๕๐ ตัวแรกใน SET ที่มีมูลค่าตลาดสูงและสภาพคล่องในการซื้อขายดี เป็นเหมือนตัวแทนของบริษัทแถวหน้าของประเทศเลยครับ
* **SET100 (SET100 Index):** คล้ายๆ SET50 แต่ขยายวงกว้างขึ้นมาหน่อย สะท้อนหุ้น ๑๐๐ ตัวแรก ทั้งบริษัทขนาดใหญ่และขนาดกลางที่มีศักยภาพเติบโตสูงครับ
* **SETHD (SETHD Index):** อันนี้พิเศษหน่อยครับ HD ย่อมาจาก High Dividend ดัชนีนี้สะท้อนความเคลื่อนไหวของหุ้นประมาณ ๓๐ ตัวที่มีประวัติการจ่าย “เงินปันผล” ดีและสม่ำเสมอ เหมาะกับนักลงทุนที่ชอบหุ้นที่จ่ายปันผลคืนให้ครับ
* **sSET (sSET Index):** ดัชนีนี้จะตรงข้ามกับ SET50 และ SET100 ครับ s มาจาก Small/Medium Cap ดัชนี sSET สะท้อนความเคลื่อนไหวของหุ้นขนาดกลางถึงเล็กที่อยู่นอก SET50 และ SET100 แต่ยังมีสภาพคล่องดีครับ
ยังมีดัชนีอื่นๆ อีก อย่าง setTHSI ที่เน้นหุ้นยั่งยืน คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม บรรษัทภิบาล หรือ setTRI ที่พิเศษกว่าดัชนีอื่นตรงที่ไม่ได้ดูแค่ “ส่วนต่างราคา” หุ้นที่ขึ้นหรือลง แต่ยังรวม “เงินปันผล” และสิทธิอื่นๆ ที่นักลงทุนได้รับเข้าไปในการคำนวณ “ผลตอบแทนรวม” ด้วย ทำให้เห็นภาพผลตอบแทนที่แท้จริงได้ดีกว่าครับ ส่วนหุ้นของบริษัทขนาดเล็กมากๆ หรือบริษัทเพิ่งตั้งที่อยากระดมทุนเร็วๆ ก็มีตลาดรองอีกแห่งเรียกว่า “ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ” (mai) ซึ่งก็มีดัชนี mai เป็นของตัวเองด้วยครับ
ตัวเลขดัชนีพวกนี้มีการทบทวนรายชื่อหุ้นที่ใช้คำนวณใหม่ทุกๆ ๖ เดือนด้วยนะครับ เพื่อให้ดัชนีสะท้อนภาพตลาดล่าสุดจริงๆ
เอาล่ะครับ พอเข้าใจแล้วว่า SET หมายถึง ตลาดหลักทรัพย์ แล้วดัชนีคืออะไร ทีนี้เรามาดูตัวเลขล่าสุดกันหน่อยครับ ข้อมูล ณ วันที่ ๑ มี.ค. ๒๕๖๘ ดัชนี SET ปิดอยู่ที่ ๑,๒๐๓.๗๒ จุด เปลี่ยนแปลงลดลงไป -๑๒.๐๑ จุด ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ ๗๖๖.๗๐ จุด เปลี่ยนแปลงลดลงไป -๘.๗๒ จุด และดัชนี SET100 ปิดที่ ๑,๖๕๙.๙๘ จุด เปลี่ยนแปลงลดลงไป -๑๘.๙๖ จุด ครับ ตัวเลขพวกนี้บอกเราว่า วันนั้นภาพรวมของ SET ดูจะไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่นัก หุ้นส่วนใหญ่ราคาลดลงครับ

แล้วใครล่ะที่มาซื้อขายใน SET ทุกวัน? ลองดูข้อมูลมูลค่าการซื้อขายล่าสุด ณ วันที่ ๒๘ ก.พ. ๒๕๖๘ กันครับ วันนั้นมูลค่าการซื้อขายรวมอยู่ที่ประมาณ ๗.๔ หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว! แบ่งตามประเภทนักลงทุนได้น่าสนใจมากครับ
* “นักลงทุนสถาบัน” (พวกกองทุนต่างๆ บริษัทประกัน) วันนั้นซื้อสุทธิไป +๓,๒๙๔.๑๕ ล้านบาท เป็นกลุ่มที่ซื้อเยอะเลยครับ
* “บัญชีบริษัทหลักทรัพย์” (หรือที่เรียกว่าพอร์ตโบรกเกอร์) วันนั้นขายสุทธิ -๖๙๔.๓๔ ล้านบาท
* “นักลงทุนต่างประเทศ” วันนั้นเป็นกลุ่มที่ขายหนักสุดเลยครับ ขายสุทธิไปถึง -๔,๙๖๔.๔๐ ล้านบาท!
* “นักลงทุนในประเทศ” (อย่างเราๆ นี่แหละครับ ที่เปิดพอร์ตเอง) วันนั้นซื้อสุทธิไป +๒,๓๖๔.๕๙ ล้านบาท
ตัวเลขการซื้อขายนี้ช่วยให้เราพอจะเดาได้ว่า เกิดอะไรขึ้นใน SET วันนั้นๆ ครับ อย่างข้อมูลล่าสุดที่เห็น นักลงทุนต่างชาติเป็นฝ่ายขายออกมาค่อนข้างมาก อาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ดัชนี SET ปรับตัวลดลง ส่วนนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนไทยช่วยกันรับซื้อไว้ครับ
สรุปง่ายๆ อีกครั้งนะครับ SET หมายถึง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดกลางให้บริษัทต่างๆ มาระดมทุนและให้นักลงทุนอย่างเราๆ เข้าไปซื้อขายหุ้นได้ ส่วนดัชนี SET หรือดัชนีอื่นๆ ก็เป็นเหมือนเครื่องวัดที่ช่วยบอกภาพรวมว่าตลาดเป็นยังไง หุ้นส่วนใหญ่ราคาขึ้นหรือลงในวันนั้นๆ ครับ และการดูว่าใครเป็นคนซื้อคนขายเยอะในแต่ละวัน ก็ช่วยให้เราพอจะเห็นภาพการเคลื่อนไหวของเงินลงทุนได้บ้าง
สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ แล้วเริ่มสนใจอยากจะลองลงทุนใน SET ดูบ้าง ผมอยากจะบอกว่า เป็นเรื่องที่ดีครับ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การศึกษาหาข้อมูล” ครับ SET เป็นแหล่งรวมโอกาสก็จริง แต่ก็มาพร้อมกับ “ความเสี่ยง” ที่เราต้องทำความเข้าใจให้ดีก่อนเสมอ
เหมือนเวลาจะไปเดินตลาดซื้อของ เราก็ต้องรู้ว่าอยากได้อะไร ของราคาเท่าไหร่ มีคุณภาพไหม ตลาดหุ้นก็เช่นกันครับ เราต้องรู้ว่ากำลังจะลงทุนในหุ้นตัวไหน ธุรกิจเขาเป็นยังไง ผลประกอบการดีไหม แนวโน้มในอนาคตเป็นยังไง ดูแค่ตัวเลขดัชนีอย่างเดียวอาจจะไม่พอครับ
ถ้าเพิ่งเริ่มต้น อาจจะลองหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี หรือศึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ หรืออ่านบทวิเคราะห์ต่างๆ ให้เข้าใจก่อนครับ
⚠️ การลงทุนใน SET หรือตลาดหลักทรัพย์ มีความเสี่ยงที่อาจทำให้เงินต้นที่เราลงทุนไปลดลงหรือสูญหายได้นะครับ ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนใน SET ควรศึกษาข้อมูลของบริษัทที่เราจะลงทุน รวมถึงความเสี่ยงต่างๆ อย่างรอบคอบ และประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงของตัวเองก่อนทุกครั้งนะครับ อย่าเพิ่งรีบร้อนนำเงินทั้งหมดที่เราไม่มีก็ไม่ได้มาลงทุนเด็ดขาดครับ