SET คืออะไร? ไขข้อสงสัย ตลาดหุ้นไทย ทำงานอย่างไร ให้เข้าใจง่าย

เคยไหมครับ? เวลาเห็นข่าวในทีวี หรือไถฟีดโซเชียล แล้วเจอคำว่า “set ปิดตลาดปรับลดลง” หรือ “set ดีดกลับบวกแรง” แล้วก็แอบสงสัยในใจว่า “set คืออะไร” กันแน่นะ ทำไมมันถึงดูสำคัญ แล้วเกี่ยวกับชีวิตประจำวันหรือเงินในกระเป๋าเรายังไงบ้าง?

วันนี้ ในฐานะเพื่อนที่พอจะรู้เรื่องการเงินอยู่บ้าง ผมอยากชวนคุณมาทำความรู้จักกับ “set” หรือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในแบบที่เข้าใจง่ายๆ เหมือนกำลังนั่งคุยกันจิบกาแฟหลังเลิกเรียน ไม่ต้องกลัวศัพท์แสงทางการเงินยากๆ ครับ เรามาค่อยๆ แกะกันไปทีละชั้น

ลองนึกภาพตามนะครับ ถ้าบริษัทใหญ่ๆ อยากจะขยายธุรกิจ เปิดสาขาใหม่ หรือพัฒนาสินค้าเจ๋งๆ พวกเขาต้องใช้เงินทุนมหาศาลเลยใช่ไหมครับ นอกจากกู้แบงก์แล้ว อีกวิธีระดมทุนยอดฮิตของบริษัทเหล่านี้ก็คือ การเสนอขาย “หุ้น” ให้กับประชาชนทั่วไป ใครซื้อหุ้นก็ได้เป็น “เจ้าของ” บริษัทนั้นๆ ในสัดส่วนเล็กๆ

แล้วไอ้การซื้อขายหุ้นนี่แหละครับ มันก็ต้องการ “ตลาด” ที่เป็นศูนย์กลาง เป็นเหมือนห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่รวบรวมหุ้นของบริษัทต่างๆ มาไว้ให้คนอยากซื้อกับคนอยากขายมาเจอกัน ตลาดแห่งนี้ในประเทศไทยก็คือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือที่พวกเราเรียกสั้นๆ จนติดปากว่า set นี่แหละครับ

ประวัติความเป็นมาของ set ก็ไม่ใช่ว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบนะครับ ย้อนกลับไปไกลลิบเลย ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๕ เราเคยมี ตลาดหุ้นกรุงเทพ มาก่อน แต่ตอนนั้นยังไม่ค่อยเป็นระบบเท่าไหร่ แถมคนทั่วไปก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ แถมการสนับสนุนจากภาครัฐก็ยังไม่มากพอ ทำให้ตลาดหุ้นยุคแรกๆ ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

แต่พอมายุคหลังๆ เราเริ่มมองเห็นความสำคัญของตลาดทุนมากขึ้น มีการวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แล้วก็เกิดแนวคิดที่จะสร้าง ตลาดหลักทรัพย์ ที่เป็นระบบระเบียบจริงๆ จังๆ จนในที่สุด ก็มีการประกาศใช้ พระราชบัญญัติ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๑๗ ขึ้นมา และเปิดทำการอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ นับตั้งแต่นั้นมา set ก็ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสำคัญของตลาดทุนไทย เป็นที่ที่การซื้อขายหุ้นและหลักทรัพย์ต่างๆ เกิดขึ้น รวมถึงการชำระเงิน การส่งมอบ และการรับฝากหลักทรัพย์ด้วย ทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมายที่อัปเดตขึ้นมาในภายหลังคือ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่ง set ก็ไม่ได้มองแค่เรื่องซื้อขายอย่างเดียวแล้วครับ แต่ยังมองไกลไปถึงการพัฒนาตลาดทุนไทยและสังคมให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วย

ทีนี้ ถ้า set คือ “ตลาด” ที่มีหุ้นของบริษัทต่างๆ วางขาย แล้วเราจะรู้ได้ไงว่า “ภาพรวม” ของตลาดวันนี้เป็นยังไง? หุ้นส่วนใหญ่ขึ้นหรือลง? นี่แหละครับ คือบทบาทของ “ดัชนี” หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Index ซึ่ง set ก็ทำขึ้นมาหลายตัวเลยครับ เพื่อเป็นเหมือน “เครื่องวัดอุณหภูมิ” ของตลาด

ดัชนีหลักที่คนส่วนใหญ่พูดถึง เวลาบอกว่า “set ปิดเท่านี้ๆ” นั่นก็คือ ดัชนี SET Index ครับ ชื่อเดียวกันเลยใช่ไหมล่ะ เจ้า ดัชนี ตัวนี้ทำหน้าที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น “ทั้งหมด” ที่จดทะเบียนอยู่ใน ตลาดหลักทรัพย์ฯ เลยครับ การคำนวณก็ใช้วิธีแบบถ่วงน้ำหนักตามขนาดของบริษัท (เรียกว่า มูลค่าตามราคาตลาด) คือ บริษัทไหนใหญ่ มีมูลค่าตลาดเยอะ การขึ้นลงของหุ้นบริษัทนั้นก็จะมีผลต่อ ดัชนี SET มากหน่อยครับ เขาเริ่มคำนวณกันมาตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็นวันฐานในการเทียบเลย

นอกจาก ดัชนี SET ตัวใหญ่แล้ว set ยังมี ดัชนี ย่อยๆ อีกเพียบเลยครับ เพื่อให้นักลงทุนเห็นภาพชัดขึ้น เช่น SET50 ก็คือ ดัชนี ที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของหุ้น ๕๐ ตัวที่ใหญ่ที่สุด มีสภาพคล่องสูง ซื้อขายง่าย หรือ SETHD (High Dividend) ก็เป็น ดัชนี ของหุ้นที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ หรือ mai Index สำหรับหุ้นใน ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ซึ่งเป็นตลาดสำหรับบริษัทขนาดเล็กถึงกลาง ส่วน SETTHSI (Thailand Sustainability Investment) ก็รวมหุ้นของบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน (ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล หรือ ESG) เป็นต้นครับ นักลงทุนก็สามารถเลือกดู ดัชนี ที่ตรงกับความสนใจของตัวเองเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ครับ รายชื่อหุ้นที่ใช้คำนวณในแต่ละ ดัชนี พวกนี้ set เขาจะมีการทบทวนปรับปรุงใหม่ทุก ๖ เดือนด้วยนะ เพื่อให้ ดัชนี มันสะท้อนภาพตลาดในปัจจุบันได้ดีที่สุด

ลองมาดูภาพจริงกันสักวันนะครับ ข้อมูล ณ วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ (ซึ่งเป็นข้อมูลล่าสุดที่เราอ้างอิงจากแหล่งที่มานะครับ) วันนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ในสถานะ ปิดทำการ ครับ แต่ตัวเลขที่ปรากฏออกมาในวันนั้น ดัชนี SET ปรับตัวลดลงไปถึง ๑๒.๐๑ จุด มาปิดอยู่ที่ ๑,๒๐๓.๗๒ จุด ครับ ซึ่ง ดัชนี ส่วนใหญ่ตัวอื่นๆ ก็ปรับลดลงตามไปด้วย

สิ่งที่น่าสนใจในข้อมูลวันนั้นคือ มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งหมดอยู่ที่ ๗๔,๕๓๖.๒๕ ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างเยอะ แสดงว่ามีการเปลี่ยนมือของหุ้นจำนวนมากครับ และเมื่อเจาะดูว่าใครเป็นคนซื้อคนขาย เราก็จะเห็นแนวโน้มได้บ้างครับ วันนั้น นักลงทุนต่างประเทศ มียอด ขายสุทธิ สูงที่สุดถึง ๔,๙๖๔.๔๐ ล้านบาท เลยทีเดียว แปลว่าฝรั่งเทขายหุ้นไทยออกมาค่อนข้างมากครับ ในขณะที่ นักลงทุนสถาบัน (เช่น พวกกองทุนต่างๆ) และ นักลงทุนในประเทศ (อย่างเราๆ ท่านๆ ที่เปิดพอร์ตลงทุนเอง) กลับเป็นฝั่ง ซื้อสุทธิ โดย นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ ๓,๒๙๔.๑๕ ล้านบาท และ นักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ ๒,๓๖๔.๕๙ ล้านบาท ส่วนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บัญชีของพวกโบรกเกอร์เอง) มียอด ขายสุทธิ เล็กน้อยที่ ๖๙๔.๓๔ ล้านบาท ครับ ภาพรวมของวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ จึงสะท้อนให้เห็นถึงแรง ขายสุทธิ ที่มาจากนักลงทุนต่างประเทศเป็นหลักในวันนั้นครับ ซึ่งตัวเลขพวกนี้แหละครับ ที่นักวิเคราะห์และนักลงทุนใช้ดูประกอบการประเมิน แนวโน้มตลาด ในช่วงสั้นๆ

แล้วถ้าเราอยากจะซื้อขายหุ้นใน set ล่ะ ทำเองได้เลยไหม? คำตอบคือ ไม่ได้โดยตรงครับ เหมือนเราจะไปซื้อของในห้าง เราก็ต้องเข้าไปทางประตู ไม่ได้บินโดดลงไปกลางห้าง set ก็เหมือนกันครับ การจะซื้อจะขายหุ้นได้ เราต้องผ่าน ” สมาชิก ” ของ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่ง สมาชิก เหล่านี้ก็คือ “บริษัทหลักทรัพย์” หรือที่คนเรียกกันว่า “โบรกเกอร์” หรือ “บล.” นั่นแหละครับ บริษัทที่เราเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นด้วยนั่นเอง

การที่จะมาเป็น สมาชิก ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประเภทที่ทำหน้าที่เป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ได้นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะครับ ต้องมีคุณสมบัติตามที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนดเลยครับ เช่น ต้องได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ก่อนเลย มีฐานะการเงินที่มั่นคง มีเงินทุนเยอะพอ มีเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ ตามเกณฑ์ที่กำหนด มีความพร้อมทั้งระบบงานและบุคลากร คือต้องมีคนเก่งๆ ที่มีความรู้เรื่องการลงทุนจริงๆ อย่างนักวิเคราะห์การลงทุน มีระบบให้ข้อมูลลูกค้าที่ถูกต้อง กรรมการและผู้บริหารก็ต้องมีคุณสมบัติและประสบการณ์ที่เหมาะสม และที่สำคัญคือต้องปฏิบัติตามจรรยาบรรณอย่างเคร่งครัดครับ นอกจากนี้ยังต้องเป็น สมาชิก ของ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย และต้องเป็น สมาชิก สำนักหักบัญชี หรือมีข้อตกลงในการชำระราคาหลักทรัพย์ด้วย

ส่วน สมาชิก เองก็มีสิทธิและหน้าที่นะครับ สิทธิก็เช่น มีสิทธิในการเลือกตั้งกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดได้ และรับบริการต่างๆ จาก ตลท. ครับ ส่วนหน้าที่ก็เยอะเลย เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด และวินัยต่างๆ ของ ตลท. และ ก.ล.ต. รวมถึงมาตรฐานการปฏิบัติงานต่างๆ ต้องส่งรายงานตามที่กำหนด และชำระค่าบริการต่างๆ ให้กับ ตลท. ด้วยครับ จะเห็นว่าการจะเป็นโบรกเกอร์และเป็น สมาชิก set ได้ ต้องมีความพร้อมและความรับผิดชอบสูงมากครับ

อย่างที่เกริ่นไปตอนแรก set หรือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่ได้มีบทบาทแค่เป็นที่ซื้อขายหุ้นอย่างเดียวแล้วครับ ปัจจุบันเขามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของตลาดทุนไทยด้วย พูดง่ายๆ คือ อยากให้ตลาดทุนไทยเติบโตไปพร้อมๆ กับสังคมและสิ่งแวดล้อมครับ

set มีกิจกรรมมากมายเพื่อเป้าหมายนี้ครับ เช่น การให้ความรู้เรื่องการเงินและการลงทุนกับคนทั่วไป ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อให้คนไทยมีความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการเงินและต่อยอดเงินออมของตัวเอง นอกจากนี้ set ยังส่งเสริมให้ บริษัทจดทะเบียน (บริษัทที่มีหุ้นซื้อขายในตลาด) ให้ความสำคัญกับเรื่อง การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Development: SD) โดยเน้นไปที่เรื่องสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และบรรษัทภิบาล (Governance) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า ESG นี่แหละครับ บริษัทที่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ มักจะได้รับการยอมรับและน่าลงทุนในระยะยาว set ยังมีการพัฒนางานวิจัยที่เกี่ยวกับตลาดทุน เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกและเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องด้วยครับ ทุกอย่างก็เพื่อให้ตลาดทุนไทยมีความแข็งแกร่ง แข่งขันได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมไปพร้อมๆ กัน

สรุปแล้ว “set คืออะไร” set ก็คือหัวใจดวงหนึ่งของระบบเศรษฐกิจไทย เป็น ตลาดหลักทรัพย์ ที่เป็นศูนย์กลางให้บริษัทต่างๆ ระดมทุน และเป็นที่ให้นักลงทุนเข้ามาซื้อขายหุ้น เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ สะท้อนความเคลื่อนไหวผ่าน ดัชนี ตัวต่างๆ และไม่ได้มองแค่เรื่องตัวเลขการซื้อขายในแต่ละวัน แต่ยังมองไกลถึงการสร้างตลาดทุนที่ยั่งยืนสำหรับอนาคตด้วยครับ

การเข้าใจว่า set คืออะไร และมีบทบาทอย่างไร เป็นก้าวแรกที่สำคัญมากสำหรับทุกคนที่สนใจเรื่องการเงินการลงทุนครับ ตลาดหุ้นอาจจะดูซับซ้อนในตอนแรก แต่ถ้าเราค่อยๆ เรียนรู้ ก็จะเห็นโอกาสและสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ครับ

⚠️ อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน ตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือในหุ้น มีความเสี่ยงอยู่เสมอครับ ราคาหุ้นสามารถขึ้นหรือลงได้ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งผลประกอบการบริษัท แนวโน้มเศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งข่าวสารต่างๆ ก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้นตัวไหน หรือแม้แต่จะเริ่มลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น set ก็ตาม ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และที่สำคัญคือ ความเสี่ยงของการลงทุนนั้นๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วน ก่อนตัดสินใจนำเงินไปลงทุนทุกครั้งนะครับ อย่าลงทุนในสิ่งที่เราไม่เข้าใจครับ เริ่มต้นจากการเรียนรู้ หาข้อมูล และอาจจะลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญดูก่อน ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีครับ

Leave a Reply