“`html
สวัสดีครับ นักลงทุนที่รัก (และนักอ่านทุกท่านที่สนใจเรื่องเงินๆ ทองๆ)
ช่วงนี้เห็นข่าวหุ้นไทยเงียบๆ เหงาๆ หลายคนก็คงมีคำถามในใจว่า “ตลาดหุ้นบ้านเราเป็นยังไงบ้างนะ?” แล้วถ้าเราไปมองในมุมของ “ดัชนี MSCI ประเทศไทย” ซึ่งเป็นเหมือนกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนภาพหุ้นไทยตัวท็อปๆ ในสายตาชาวโลก มันจะบอกอะไรเราได้บ้าง วันนี้ผมในฐานะคนเขียนคอลัมน์การเงินที่ชอบเล่าเรื่องยากๆ ให้เข้าใจง่าย จะพาไปเจาะลึกเรื่องนี้กันครับ
**”ดัชนี MSCI ประเทศไทย” คืออะไร ทำไมต้องสนใจ?**
ลองนึกภาพว่าถ้าเราอยากรู้ว่า “ทีมชาติไทยชุดใหญ่” ในวงการฟุตบอลเป็นยังไง แทนที่จะไปดูนักเตะทุกคนในสนาม เราก็อาจจะดูจากรายชื่อ 11 ตัวจริง หรือ 25 ตัวหลักที่โค้ชเลือกมาใช่ไหมครับ ดัชนี MSCI Thailand ก็คล้ายกันครับ มันคือตัวแทนของ “หุ้นไทยขนาดใหญ่และกลาง” ที่ถูกคัดเลือกโดย MSCI (บริษัทระดับโลกที่จัดทำดัชนีต่างๆ) เพื่อให้สะท้อนภาพรวมตลาดหุ้นไทยในมุมมองของนักลงทุนต่างชาติครับ โดยดัชนีนี้ครอบคลุมหุ้นประมาณ 85% ของมูลค่าตลาดหุ้นไทยทั้งหมด (ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2568) ตอนนี้มีหุ้นอยู่ในตะกร้านี้ 25 ตัวครับ ไม่ได้มีหุ้นทุกตัวในตลาดหลักทรัพย์ฯ นะครับ แต่เป็นตัวที่ใหญ่ๆ มีสภาพคล่องสูงๆ

**ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา… เหมือนรถไฟเหาะ?**
ทีนี้มาดู “ผลการดำเนินงาน” ของดัชนี MSCI Thailand กันบ้าง นี่แหละครับที่หลายคนอาจจะรู้สึกเหมือนนั่งรถไฟเหาะเลย ถ้ามองยาวๆ แบบยาวมากๆ นะครับ ตั้งแต่ปี 2543 (เดือน ธ.ค. 2543) ดัชนีนี้ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 9.99% ถือว่าไม่ธรรมดาเลยนะครับ ถ้าเทียบกับช่วง มี.ค. 2553 ถึง มี.ค. 2568 ดัชนี MSCI Thailand ก็ให้ผลตอบแทนสะสมสูงกว่าดัชนีตลาดเกิดใหม่ (MSCI Emerging Markets) และดัชนีหุ้นทั่วโลก (MSCI ACWI IMI) เสียอีก (353.59% เทียบกับ 172.57% และ 156.90%) นี่คือภาพรวมระยะยาวที่สวยงามครับ
แต่พอมาดูช่วงสั้นๆ หรือกลางๆ หน่อย (ข้อมูล ณ 31 มี.ค. 2568) ภาพกลับเป็นอีกแบบครับ
* ผลตอบแทน 1 เดือน: -2.26%
* ผลตอบแทน 3 เดือน: -13.69%
* ผลตอบแทน 1 ปี: -4.74%
* ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี (YTD): -13.69%
* ผลตอบแทน 3 ปี: -7.61%
* ผลตอบแทน 5 ปี: 1.55% (เริ่มกระเตื้องเป็นบวกนิดๆ)
* ผลตอบแทน 10 ปี: -0.60% (ยังติดลบเล็กน้อย)
เห็นไหมครับว่าผลตอบแทนระยะสั้นถึงปานกลางนี่ติดลบเป็นส่วนใหญ่เลย มันบอกอะไรเรา? มันบอกว่าในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยในมุมมองดัชนีนี้ค่อนข้าง “ท้าทาย” ครับ แถมในรายปีนี่ผันผวนสูงมาก มีทั้งปีที่บวกแรงๆ เช่น ปี 2560 (34.52%) หรือ ปี 2559 (26.61%) และปีที่ติดลบหนักๆ เช่น ปี 2558 (-23.54%) ปี 2556 (-14.59%) หรือช่วงโควิดปี 2563 (-11.68%) และปีล่าสุด 2566 (-10.49%)
สิ่งที่มาคู่กับผลตอบแทนผันผวนก็คือ “ความเสี่ยง” ครับ ซึ่งวัดได้จาก “ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน” ระยะยาว 10 ปีของ MSCI Thailand อยู่ที่ 20.34% ถือว่าสูงกว่าตลาดเกิดใหม่และตลาดโลกเลยครับ เหมือนนั่งรถไฟเหาะจริงๆ มีขึ้นแรงก็มีลงแรง การลดลงสูงสุด (Maximum Drawdown) ตั้งแต่เริ่มทำดัชนีอยู่ที่ 61.85% ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2551 (ช่วงวิกฤตการเงินโลกพอดี) มันย้ำเตือนว่าตลาดหุ้นมีความเสี่ยงที่จะขาดทุนหนักๆ ได้ครับ
ส่วน “อัตราส่วนชาร์ป” (Sharpe Ratio) ซึ่งเป็นตัววัดว่าผลตอบแทนที่ได้มานั้น “คุ้ม” กับความเสี่ยงที่เราแบกหรือเปล่า ในช่วงสั้นถึงปานกลาง (ณ 31 มี.ค. 2568) ยังติดลบหรือใกล้ศูนย์ แปลง่ายๆ คือ ผลตอบแทนที่ได้ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยความเสี่ยงที่รับไปครับ
**ตะกร้านี้มีใครตัวใหญ่ๆ บ้าง? และมี “นิสัย” แบบไหน?**

อย่างที่บอกว่าดัชนี MSCI Thailand มีหุ้นอยู่ 25 ตัว แต่ไม่ได้มีน้ำหนักเท่ากันหมดนะครับ เหมือนทีมฟุตบอลที่มีกองหน้าตัวเก่ง ตัวกองกลางที่สำคัญมากๆ และตัวอื่นๆ ที่ช่วยสนับสนุน หุ้น 10 อันดับแรกในดัชนีนี้ (ณ 31 มี.ค. 2568) กินน้ำหนักรวมกันไปถึง 66.71% เลยครับ ตัวท็อปๆ ก็คุ้นชื่อกันดี เช่น ADVANCED INFO SERVICE (AIS), PTT, CP ALL PCL, BANGKOK DUSIT MED. SVCS (BDMS), DELTA ELECTRONICS THAI, PTT EXPLORATION & PROD, AIRPORTS OF THAILAND (AOT), GULF ENERGY DEVELOPMENT, SIAM CEMENT, TRUE CORP (NEW)
หมายความว่า ถ้าหุ้นใหญ่ๆ พวกนี้ขึ้น ดัชนีก็ขึ้นแรง ถ้าลงก็ลงแรงเช่นกันครับ ประสิทธิภาพของดัชนีจะผูกติดอยู่กับผลประกอบการและความเคลื่อนไหวของหุ้นไม่กี่ตัวนี้เป็นหลัก
ส่วน “ภาคอุตสาหกรรม” ที่มีน้ำหนักเยอะๆ ในดัชนี ก็จะกระจายไปตามนี้ครับ (ณ 31 มี.ค. 2568):
* บริการสื่อสาร (AIS, TRUE): 16.78%
* พลังงาน (PTT, PTTEP): 15.33%
* สินค้าอุปโภคบริโภคไม่จำเป็น (CPALL): 13.79%
* การเงิน: 11.84%
* บริการสุขภาพ (BDMS): 10.84%
* และอื่นๆ เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศ, ภาคอุตสาหกรรม, สาธารณูปโภค, วัตถุดิบ, อสังหาริมทรัพย์
นี่คือภาพรวมว่าเงินลงทุนที่อิงดัชนี MSCI Thailand ส่วนใหญ่จะไปอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมไหนบ้างครับ
นอกจากเรื่องผลตอบแทนและความเสี่ยงแล้ว ดัชนี MSCI Thailand ยังมี “นิสัย” หรือ “บุคลิก” เฉพาะตัวครับ ลองนึกภาพว่าหุ้นแต่ละตัวมีปัจจัยอะไรที่ขับเคลื่อนราคา เช่น เป็นหุ้นที่ราคาถูก (หุ้นคุณค่า), เป็นหุ้นตัวเล็ก, เป็นหุ้นที่กำลังมาแรง (โมเมนตัม), เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี (คุณภาพ), เป็นหุ้นที่ปันผลดี (อัตราผลตอบแทนเงินปันผล), หรือเป็นหุ้นที่ราคาไม่ค่อยสวิง (ความผันผวนต่ำ)
ข้อมูล ณ 31 มี.ค. 2568 บอกว่า ดัชนี MSCI Thailand เนี่ย มีน้ำหนักไปทางหุ้นที่ “ปันผลดี” (Yield) และ “ผันผวนไม่มาก” (Low Volatility) เยอะกว่าดัชนีหุ้นทั่วโลกครับ ในขณะที่ให้น้ำหนัก “หุ้นคุณค่า” (Value) และ “หุ้นเล็ก” (Low Size) น้อยกว่า นี่คือลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากตลาดอื่นครับ ซึ่งก็สอดคล้องกับตัวเลข “อัตราผลตอบแทนเงินปันผล” (Div Yield) ของดัชนีที่สูงถึง 3.61% (ณ 31 มี.ค. 2568) ซึ่งถือว่าสูงกว่าตลาดเกิดใหม่ (2.65%) และตลาดโลก (1.96%) เลยทีเดียว สำหรับนักลงทุนที่ชอบหุ้นปันผล ดัชนีนี้อาจมีเสน่ห์ในมุมนี้ครับ
ส่วนตัวเลขอื่นๆ ที่น่าสนใจ ณ 31 มี.ค. 2568 ก็มี “อัตราส่วนราคาต่อกำไร” (P/E) อยู่ที่ 15.33 เท่า และ “อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าทางบัญชี” (P/BV) อยู่ที่ 1.64 เท่า ตัวเลขเหล่านี้บอกเราคร่าวๆ ว่าตลาดกำลังให้มูลค่ากับหุ้นในดัชนีนี้อย่างไร เมื่อเทียบกับกำไรหรือมูลค่าตามบัญชีของบริษัทครับ

**อยากลงทุนใน “ตะกร้า” นี้ ต้องทำไง?**
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่า “เออ… ดัชนี MSCI Thailand ก็น่าสนใจนะ” แต่อย่าเพิ่งรีบไปซื้อหุ้นทั้ง 25 ตัวเองนะครับ เพราะมันมีเครื่องมือที่ช่วยให้เราลงทุนในดัชนีนี้ได้ง่ายขึ้นครับ
เครื่องมือที่นิยมกันคือ “กองทุน ETF” (Exchange Traded Fund) หรือกองทุนรวมดัชนี นั่นเองครับ กองทุนพวกนี้มีเป้าหมายคือการพยายามให้ผลตอบแทนเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง ซึ่งก็คือ MSCI Thailand นั่นแหละครับ ตัวอย่างที่มีในตลาดโลกก็เช่น กองทุน iShares MSCI Thailand Capped ETF หรือ กองทุน Xtrackers MSCI Thailand UCITS ETF 1C กองทุนเหล่านี้จะไปลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี (บางกองอาจจะซื้อตามสัดส่วนเกือบทั้งหมดที่เรียกว่า Full Replication) เพื่อเลียนแบบผลการดำเนินงานของดัชนีครับ เวลาเลือกกองทุนแบบนี้ก็อย่าลืมดูเรื่อง “ค่าธรรมเนียมรวม” (TER) ด้วยนะครับ เพราะมันจะหักออกจากผลตอบแทนของเราครับ
อีกทางเลือกที่ซับซ้อนขึ้นมาหน่อย และมีความเสี่ยงสูงขึ้นคือ “สัญญาซื้อขายล่วงหน้า” (Futures) ที่อ้างอิงดัชนี MSCI Thailand เช่น สัญญาที่เทรดในตลาด Eurex ครับ อันนี้จะเป็นการทำสัญญาเพื่อซื้อหรือขายดัชนีในอนาคต เป็นการลงทุนที่ใช้ “เงินวางประกัน” (Margin) ทำให้มีโอกาสได้กำไรสูงจากการเปลี่ยนแปลงราคาเล็กน้อย แต่ก็ขาดทุนหนักได้เช่นกันครับ เหมาะกับนักลงทุนที่เข้าใจตลาดอนุพันธ์และยอมรับความเสี่ยงสูงได้จริงๆ ครับ
**สรุปแล้ว… MSCI Thailand น่าลงทุนไหม? และต้องระวังอะไร?**
จากข้อมูลทั้งหมดที่เราคุยกันมา สรุปได้ว่า ดัชนี MSCI Thailand เป็นตัวแทนสำคัญของหุ้นไทยขนาดใหญ่และกลางในมุมมองสากล มีศักยภาพให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวมากๆ (นับตั้งแต่เริ่มจัดทำ) แต่ก็มาพร้อมกับ “ความผันผวน” ที่สูงมาก และในช่วงที่ผ่านมา (สั้นถึงปานกลาง ณ 31 มี.ค. 2568) ผลการดำเนินงานค่อนข้างท้าทาย
โครงสร้างของดัชนีค่อนข้างกระจุกตัวในหุ้น 10 อันดับแรก และมีน้ำหนักค่อนไปทางหุ้นปันผลดีและผันผวนต่ำ ซึ่งอาจเป็นเสน่ห์สำหรับนักลงทุนบางกลุ่ม เราสามารถลงทุนในดัชนีนี้ได้ผ่านกองทุน ETF หรือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า
ก่อนจะตัดสินใจลงทุนในดัชนี MSCI Thailand หรือผลิตภัณฑ์ที่อ้างอิงนะครับ ลองถามตัวเองดูว่า:
1. “เป้าหมายการลงทุนของเราคืออะไร?” เราคาดหวังผลตอบแทนระยะยาวมากๆ หรือแค่เก็งกำไรระยะสั้น?
2. “เรารับความผันผวนสูงๆ แบบที่เห็นในอดีตได้ไหม?” ถ้าตลาดลงแรงๆ เราจะนอนหลับสบายอยู่หรือเปล่า?
3. “เราเข้าใจโครงสร้างของดัชนีดีพอหรือยัง?” เราโอเคกับการที่ผลตอบแทนจะผูกติดกับหุ้นใหญ่ไม่กี่ตัวและกลุ่มอุตสาหกรรมหลักๆ เหล่านี้ไหม?
4. “เราสนใจเรื่องปันผลเป็นพิเศษหรือเปล่า?” ถ้าใช่ จุดเด่นเรื่อง Dividend Yield ของดัชนีนี้อาจจะน่าสนใจ
⚠️ **คำเตือน: การลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะหากสภาพคล่องทางการเงินของคุณไม่สูง ควรประเมินความเสี่ยงอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ** ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ใช่สิ่งยืนยันผลการดำเนินงานในอนาคต
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจ “ดัชนี MSCI ประเทศไทย” มากขึ้นนะครับ แล้วพบกันใหม่ในคอลัมน์ต่อไปครับ!
“`