ไขรหัส “ราคาหุ้นSET50”: ทำไมขึ้นๆ ลงๆ นักวิเคราะห์แนะวิธีลงทุน!

ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยดูงงๆ ไหมครับ? บางทีเห็นดัชนีรวมขยับนิดหน่อย แต่พอไปดู “ราคาหุ้นset50” หรือหุ้นตัวใหญ่ๆ ที่เราถืออยู่ ทำไมมันนิ่งๆ หรือบางทีก็ไหลลงซะงั้น? ในฐานะคนเขียนคอลัมน์การเงินที่ชอบเล่าเรื่องง่ายๆ เหมือนนั่งคุยกับเพื่อน ผมเข้าใจความรู้สึกนี้ดีครับ มันเหมือนเรากำลังพยายามอ่านแผนที่ในที่ที่หมอกลงจัดๆ วันนี้เรามาลองแกะรอยกันดูดีกว่า ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นพี่ใหญ่อย่าง SET50 กันแน่

ย้อนกลับไปมองภาพรวมเมื่อช่วงปลายปี 2567 ตลาดหุ้นไทยเหมือนจะเริ่มมีแสงสว่างปลายอุโมงค์บ้างนะครับ หลังจากที่เราได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ความชัดเจนทางการเมืองก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น ไม่ได้มืดมนเหมือนก่อนหน้านั้น แถมยังมี “ตัวช่วยพิเศษ” จากภาครัฐด้วย นั่นก็คือเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนวายุภักษ์ ที่เริ่มเห็นสัญญาณการเข้าซื้อตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคม 2567 นี่แหละครับ ทำให้สถาบันในประเทศมียอดซื้อสุทธิเข้ามาช่วยพยุงตลาดได้พอสมควร

นอกจากนี้ ข่าวดีอีกเรื่องที่หลายคนเฝ้ารอคอยก็มาถึง นั่นคือการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลงไป 0.25% ถือเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปีเลยนะครับ การลดดอกเบี้ยมักถูกมองว่าเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดหุ้น เพราะต้นทุนทางการเงินของบริษัทต่างๆ จะลดลง และอาจกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนในภาพรวมได้ ปัจจัยเหล่านี้รวมๆ กันก็เป็นแรงหนุนให้ตลาดหุ้นไทยในช่วงหนึ่งดูคึกคักขึ้นมาได้บ้าง

แต่พอมาดูตัวเลขจริงๆ โดยเฉพาะกับ “ราคาหุ้นset50” กลับพบภาพที่น่าสนใจทีเดียวครับ แม้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์โดยรวม (SET Index) จะขยับขึ้นมาเล็กน้อยที่ 0.82% ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2567 (จาก 1,415.85 จุด สิ้นปี 2566 เป็น 1,427.54 จุด ณ สิ้นเดือน พ.ย. 2567) แต่พอเจาะลึกเข้าไปดูในกลุ่มหุ้น 50 ตัวแรก หรือ SET50 กลับพบว่า หุ้นส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้ (33 ตัวจาก 50 ตัว) กลับมีราคาปรับตัวลดลง!

เหมือนกับทีมฟุตบอลที่มีแค่กองหน้าเก่งๆ ไม่กี่คนยิงประตูได้เยอะจนคะแนนรวมของทีมดูดี แต่จริงๆ แล้วนักเตะส่วนใหญ่ในทีมฟอร์มตก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ ราคาหุ้นset50 บางตัวพุ่งขึ้นแรงจริงๆ ครับ อย่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ปรับขึ้นมาเกือบ 120% หรือ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ขึ้นไปกว่า 71% ในช่วง 11 เดือนแรกปี 2567 ขณะที่หุ้นอีกหลายตัวใน SET50 กลับร่วงหนัก อย่าง บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ที่ลดลงไปกว่า 85% หรือ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) ที่ราคาหายไปกว่า 40% นี่สะท้อนให้เห็นว่า ภาพรวมของ “ราคาหุ้นset50” ไม่ได้แข็งแกร่งเป็นเนื้อเดียวกันเลยครับ มีความแตกต่างกันสูงมาก

แล้วนักวิเคราะห์ กูรูด้านการลงทุน เขามองเรื่องนี้ยังไงกันบ้าง? เสียงส่วนใหญ่ค่อนข้างไปในโทนระมัดระวังครับ หลายคนมองว่าตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่หลายๆ ตัวนั้น ได้รับข่าวดีต่างๆ ไปมากแล้ว ทำให้มูลค่าหุ้นไม่ได้ถูกน่าลงทุนเหมือนแต่ก่อน เหมือนราคาขึ้นมารอรับข่าวดีหมดแล้ว พอข่าวดีมาถึง ราคาก็ไม่ไปต่อ หรือบางทีก็ย่อลงด้วยซ้ำ แถมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมก็ยังไม่ได้เติบโตโดดเด่นอะไรมากนัก ยังค่อนข้างทรงตัวอยู่

ที่สำคัญคือ การที่ตลาดปรับตัวขึ้นมาได้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะแรงขับเคลื่อนจากหุ้นขนาดใหญ่ไม่กี่ตัวที่มีน้ำหนักในดัชนีสูงมาก พอหุ้นเหล่านี้ขยับ ดัชนีรวมก็ขยับตาม แต่ถ้าไปดูหุ้นตัวอื่นๆ ใน SET50 หรือนอก SET50 ที่ไม่ได้มีน้ำหนักเยอะ ก็อาจจะไม่ได้ปรับขึ้นตามไปด้วย ภาพนี้ทำให้การลงทุนแบบ “เหมาหมด” ซื้อตามดัชนีอาจจะไม่ให้ผลตอบแทนที่ดีนักในช่วงนี้ครับ

นักวิเคราะห์บางส่วนยังมองไปถึงกระแสเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติด้วยครับ ที่ผ่านมาเงินทุนจากต่างชาติอาจจะเริ่มชะลอตัวลง หรือบางส่วนอาจจะเริ่มไหลออกไปบ้าง ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากเรื่องค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงด้วย ทำให้ผลตอบแทนในรูปสกุลเงินต่างชาติอาจจะดูไม่จูงใจเท่าที่ควร

ด้วยภาพรวมแบบนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จึงมองว่า “อัพไซด์” หรือโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยโดยรวมจะปรับตัวขึ้นไปได้ไกลๆ ในช่วงที่เหลือของปี (จากมุมมองปลายปี 2567) อาจจะมีจำกัด คาดการณ์เป้าหมายดัชนีก็ไม่ได้สูงมากนัก หลายโบรกเกอร์ให้เป้าหมายประมาณ 1500-1520 จุด ซึ่งไม่ห่างจากระดับปัจจุบันมากนัก (ข้อมูล ณ 3 เม.ย. 2568 ดัชนียังอยู่ที่ 1,146.86 จุด ซึ่งห่างจากเป้าหมายปลายปี 2567 พอสมควร สะท้อนความผันผวนที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น)

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนที่นักวิเคราะห์แนะนำก็คือ ให้ใช้จังหวะที่ตลาดปรับตัวขึ้นไป “ขายทำกำไร” บ้าง และ “รอซื้อเมื่อตลาดมีการย่อตัวลงมา” เหมือนการเล่นรอบไปก่อน ไม่ต้องรีบไล่ราคามากนัก เพราะเชื่อว่าตลาดโดยรวมยังมีความผันผวน และอาจมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาได้

แต่ถ้ายังอยากลงทุนอยู่ การเลือกหุ้นรายตัว (Stock Picking) ดูจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่าการซื้อตามดัชนีครับ นักวิเคราะห์แนะนำให้เน้นมองหา “ราคาหุ้นset50” หรือหุ้นนอก SET50 ที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์ เช่น กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ที่น่าจะดีขึ้นจากฤดูกาลท่องเที่ยวและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการบริโภคในประเทศ หากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม กลุ่มโรงพยาบาลที่ยังคงมีรายได้ที่สม่ำเสมอ และกลุ่มโรงไฟฟ้า รวมถึงกลุ่มไฟแนนซ์บางตัวที่ยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี

สำหรับใครที่อาจจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับคำว่า “SET50” มันคือดัชนีราคาหุ้นสามัญที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคัดเลือกหุ้น “พี่ใหญ่” 50 ตัวแรกของตลาดมาเป็นตัวแทนครับ โดยพิจารณาจากหลายๆ อย่าง เช่น มูลค่าบริษัทรวมๆ (Market Cap) สภาพคล่องในการซื้อขาย และการกระจายหุ้นให้นักลงทุนรายย่อย (Free Float) ดัชนีนี้จะมีการทบทวนทุก 6 เดือน เพื่ออัปเดตรายชื่อหุ้นให้สะท้อนภาพของหุ้นใหญ่ในตลาดอยู่เสมอ ดังนั้นเวลาเราพูดถึง “ราคาหุ้นset50” เรากำลังพูดถึงภาพรวมและแนวโน้มราคาของหุ้นขนาดใหญ่ที่สุด 50 ตัวในตลาดนั่นเองครับ

โดยสรุปง่ายๆ คือ ตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะกลุ่ม “ราคาหุ้นset50” ช่วงนี้ยังมีความท้าทายอยู่ครับ แม้จะมีปัจจัยบวกจากทั้งการเมือง กองทุน และดอกเบี้ยเข้ามาหนุนบ้างในช่วงที่ผ่านมา แต่ภาพรวมที่เห็นคือ ดัชนีรวมอาจจะดูดีกว่าความเป็นจริงของหุ้นส่วนใหญ่ใน SET50 เพราะถูกขับเคลื่อนโดยหุ้นเพียงไม่กี่ตัว นักวิเคราะห์ก็มองว่าอัพไซด์จำกัด และแนะนำให้เน้นการเลือกหุ้นรายตัวในกลุ่มที่น่าสนใจแทน

⚠️ **แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องจำไว้เสมอ คือ การลงทุนมีความเสี่ยงสูง!** ข้อมูลที่ผมเล่าให้ฟังทั้งหมดนี้ เป็นเพียงการสรุปและวิเคราะห์จากข้อมูลและมุมมองของผู้เชี่ยวชาญในอดีตและปัจจุบันเท่านั้น ไม่ใช่การรับประกันผลตอบแทนในอนาคตนะครับ “ราคาหุ้นset50” และราคาหุ้นตัวอื่นๆ สามารถปรับขึ้นหรือลงได้ตามสภาวะตลาด ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และผลประกอบการของบริษัท

เงินที่คุณนำมาลงทุนในตลาดหุ้น มีโอกาสที่จะลดลงหรือหมดไปได้ทั้งหมดนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้นรายตัว หรือผลิตภัณฑ์ที่อ้างอิงดัชนีอย่างสัญญาซื้อขายล่วงหน้า SET50 Index Futures ก็มีความเสี่ยงเฉพาะตัวของมันเอง

ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้นตัวไหน หรือลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ “ราคาหุ้นset50” หรือดัชนีอื่นๆ **โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ทำความเข้าใจลักษณะและความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่คุณจะลงทุนให้ดี** และที่สำคัญที่สุดคือ **ลงทุนเท่าที่คุณสามารถยอมรับการสูญเสียได้** การลงทุนต้องทำด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่แค่ตามกระแส หรือตามคำบอกเล่าโดยไม่ศึกษาข้อมูลด้วยตัวเองนะครับ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการลงทุนครับ!

Leave a Reply