
เคยสงสัยไหมครับว่า เวลาเห็นข่าวพูดถึง “ตลาดหุ้นเยอรมัน” หรือ “ดัชนี DAX” แล้วงงๆ ว่ามันคืออะไรกันแน่ เกี่ยวอะไรกับชีวิตเราบ้าง? ลองนึกภาพตามนะครับ ถ้าเยอรมนีเปรียบเสมือนโรงงานใหญ่แห่งหนึ่งในยุโรป ดัชนี หุ้นเยอรมัน dax ก็เหมือน “ใบรายงานผลประกอบการ” ที่บอกให้เรารู้ว่าโรงงานนี้กำลังไปได้ดีแค่ไหน กำไรเป็นยังไง กำลังผลิตคึกคักหรือเปล่า วันนี้ผมในฐานะคอลัมนิสต์การเงินที่พยายามจะเล่าเรื่องยากๆ ให้เข้าใจง่าย จะพาไปเจาะลึกเจ้าตัวเลขสำคัญนี้กันครับ
เจ้าดัชนี หุ้นเยอรมัน dax ที่เราพูดถึงเนี่ย ชื่อเต็มๆ ตอนนี้คือ DAX 40 ครับ (เมื่อก่อนมีแค่ 30 บริษัท เพิ่งขยายเป็น 40 เมื่อปี 2021 นี่เอง) มันก็คือการนำเอาหุ้นของบริษัทเยอรมันที่ใหญ่ที่สุด 40 อันดับแรกในตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt Stock Exchange) มาคำนวณรวมกัน เพื่อสะท้อนภาพรวมของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของประเทศเค้าครับ ดัชนีนี้ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1988 โน่นแน่ะ ใช้ข้อมูลราคาซื้อขายจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า Xetra เป็นหลัก และที่น่าสนใจคือ DAX เป็นดัชนีแบบ “ผลตอบแทนรวม” (Performance Index) หมายความว่า เวลาบริษัทที่อยู่ในดัชนีจ่ายเงินปันผลออกมา เงินปันผลนั้นจะถูกนำไป “ทบ” กลับเข้าในการคำนวณค่าดัชนีด้วย ทำให้มันสะท้อนผลตอบแทนจริงๆ ที่นักลงทุนได้รับได้ดีกว่าดัชนีประเภทที่ไม่ได้รวมเงินปันผลครับ ลองคิดดูสิครับ 40 บริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมประมาณ 80% ของหุ้นทั้งหมดที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ตเลยนะ แสดงว่าถ้าอยากรู้สุขภาพเศรษฐกิจเยอรมัน ดูเจ้า หุ้นเยอรมัน dax นี่แหละ เห็นภาพชัดสุดๆ

แล้วช่วงนี้เจ้า หุ้นเยอรมัน dax เป็นยังไงบ้างล่ะ? จากข้อมูลที่เรามีในช่วงต้นเดือนเมษายน 2025 เนี่ย แม้จะมีความผันผวนรายวัน รายสัปดาห์อยู่บ้าง แต่ถ้ามองภาพใหญ่ในระยะกลางถึงยาวแล้ว ดูเหมือนจะมีแนวโน้มเป็นบวกนะ อย่างในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมา (ข้อมูล ณ ต้นเดือนเมษายน 2025) ดัชนีก็ปรับเพิ่มขึ้นมาพอสมควรเลยทีเดียว เคยไปทำจุดสูงสุดใหม่เอี่ยมอ่องเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคม 2025 ด้วยซ้ำไปนะ!
แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะสดใสไปหมดนะครับ สัญญาณทางเทคนิคในระยะสั้นๆ นี่ออกได้หลายหน้า บางแหล่งบอกว่ายังดูเป็นกลางๆ บางแหล่งก็บอกว่าดูเป็นเชิงลบ (Bearish) เหมือนกัน อย่างที่นักวิเคราะห์เค้าดูกัน พวกค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) หรือ Oscillators ต่างๆ นี่ก็ผสมๆ กันไปครับ ก็แสดงให้เห็นว่าตลาดมันมีความไม่แน่นอนอยู่พอสมควร
ลองมาดูตัวอย่างบริษัทที่เป็นหัวเรือใหญ่ในดัชนี หุ้นเยอรมัน dax กันหน่อยดีกว่า บริษัทที่ใหญ่สุดๆ ตามมูลค่าตลาดตอนนี้ก็มีอย่าง SAP บริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่, Siemens บริษัทเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม หรือ Deutsche Telekom บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของเยอรมนี ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีน้ำหนักต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีมากครับ แน่นอนว่าในบรรดา 40 บริษัทนี้ ผลงานก็ไม่เท่ากันนะ มีทั้งตัวที่พุ่งแรงสุดๆ ในรอบปีที่ผ่านมา อย่าง Siemens Energy ที่ราคาหุ้นปรับขึ้นไปกว่า 200% (ข้อมูล ณ ต้นเดือนเมษายน 2025) กับตัวที่ดูจะอ่อนแอหน่อย อย่าง Porsche Automobil Holding ที่ปรับลดลงไปค่อนข้างเยอะในรอบปีเดียวกัน (ข้อมูล ณ ต้นเดือนเมษายน 2025)
ทีนี้อะไรคือปัจจัยหลักๆ ที่ขับเคลื่อนเจ้า หุ้นเยอรมัน dax ตัวนี้ล่ะ? ปัจจัยที่สำคัญที่สุดชนิดที่เรียกว่าเป็น “กัปตันทีม” คุมทิศทางเลยก็คือ นโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank หรือ ECB) ครับ ลองนึกภาพว่า ECB มีหน้าที่ดูแลเศรษฐกิจยูโรโซนรวมถึงเยอรมนีด้วย เครื่องมือสำคัญของ ECB คือการกำหนดอัตราดอกเบี้ยครับ
ถ้า ECB ตัดสินใจ “ขึ้น” อัตราดอกเบี้ย นึกภาพตามนะครับว่าการกู้เงินของบริษัทต่างๆ จะแพงขึ้น ต้นทุนสูงขึ้น การลงทุนใหม่ๆ อาจจะชะลอตัวลง คนทั่วไปก็อาจจะต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้แพงขึ้น ทำให้มีเงินใช้จ่ายน้อยลง บรรยากาศทางเศรษฐกิจก็จะดูอึมครึมขึ้นหน่อยๆ เหมือนอากาศกำลังจะเย็นลง บรรยากาศการลงทุนก็มักจะห่อเหี่ยว หุ้นส่วนใหญ่ก็มีแนวโน้มที่จะปรับตัว “ลง” ครับ
ในทางกลับกัน ถ้า ECB มองว่าเศรษฐกิจยังไม่ดีพอ หรือต้องการกระตุ้น ก็อาจจะตัดสินใจ “ลด” อัตราดอกเบี้ย อันนี้ก็เหมือนการ “ใส่เกียร์” ให้เศรษฐกิจเดินหน้า ต้นทุนการกู้ยืมถูกลง บริษัทกล้าลงทุน คนกล้าใช้จ่าย บรรยากาศโดยรวมคึกคัก เหมือนเปิดฮีตเตอร์ในห้องที่หนาวๆ หุ้นก็มักจะปรับตัว “ขึ้น” ตามบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้นนี่แหละครับ ฉะนั้น จับตาดูการประชุมและการประกาศของ ECB ไว้ให้ดีเลย ถ้าอยากรู้ว่า หุ้นเยอรมัน dax จะไปทางไหน!
นอกจากนโยบายดอกเบี้ยของ ECB แล้ว ตัวเลขเศรษฐกิจของเยอรมนีเองก็มีผลกับ หุ้นเยอรมัน dax เหมือนกันครับ ตัวเลขพวก ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่บอกว่าเศรษฐกิจโตแค่ไหน, ยอดค้าปลีกที่บอกว่าคนจับจ่ายใช้สอยกันเยอะไหม, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ที่สะท้อนมุมมองของผู้บริหารต่อเศรษฐกิจ, หรือตัวเลขตลาดแรงงานที่บอกว่าคนมีงานทำเยอะแค่ไหน พวกนี้ก็เหมือน “รายงานสุขภาพ” ของประเทศครับ ถ้าตัวเลขออกมาดี ก็แปลว่าเศรษฐกิจแข็งแรง บริษัทน่าจะทำกำไรได้ดี บรรยากาศการลงทุนก็เป็นบวก หุ้นก็มีแนวโน้มขึ้นครับ
แต่ถ้าเทียบน้ำหนักกันแล้ว อิทธิพลโดยตรงของตัวเลขเศรษฐกิจเยอรมันมักจะ “น้อยกว่า” อิทธิพลของ ECB นะครับ ลองนึกภาพว่า ECB คือการควบคุมอุณหภูมิห้องโดยตรง ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจเยอรมันเป็นแค่การวัดอุณหภูมิภายนอกห้องน่ะครับ อุณหภูมิภายนอก (ตัวเลขเศรษฐกิจ) ก็มีผลบ้างแหละ แต่การควบคุมอุณหภูมิภายใน (นโยบาย ECB) มักจะส่งผลแรงกว่ากับความรู้สึกของคนที่อยู่ในห้อง (นักลงทุนในตลาดหุ้น)

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะเริ่มสนใจแล้วว่า “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะลงทุนใน หุ้นเยอรมัน dax ได้ยังไงล่ะ?” สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำตัวโตๆ เลยก็คือ… คุณไม่สามารถ “ซื้อ” ดัชนี DAX ได้ตรงๆ ครับ! ดัชนีมันเป็นแค่ “ตัวเลข” ที่ใช้วัดประสิทธิภาพเท่านั้นเอง มันไม่ใช่สินค้าที่คุณไปซื้อมาเป็นเจ้าของได้จริงๆ ครับ
ถ้าอยากจะลงทุนโดยอ้างอิงกับ หุ้นเยอรมัน dax คุณจะต้องลงทุนผ่านเครื่องมือทางการเงิน (Financial Instruments) อื่นๆ ที่อิงกับดัชนีนี้แทนครับ เช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของ DAX (DAX Futures) หรือ กองทุนรวม (Funds) ประเภทกองทุนดัชนี (Index Funds) หรือ กองทุน ETF (Exchange Traded Funds) ที่ลงทุนตามดัชนี DAX หรือจะเลือกวิธีที่ตรงไปตรงมาหน่อยคือ ไปซื้อหุ้นรายตัวของบริษัท 40 แห่งที่เป็นองค์ประกอบของดัชนีนี้เลยก็ได้ครับ
แต่ทีนี้มาถึงส่วนที่ต้อง “ระวังตัว” มากๆ แล้วครับ เพราะการลงทุนในเครื่องมือพวกนี้ ทั้งสัญญาฟิวเจอร์ส กองทุน หรือแม้แต่การซื้อหุ้นรายตัว มีความเสี่ยง “สูงมาก” ครับ คุณอาจสูญเสียเงินลงทุนของคุณไป “บางส่วน” หรือแม้กระทั่ง “ทั้งหมด” เลยก็ได้ การลงทุนพวกนี้ “อาจไม่เหมาะสม” กับนักลงทุนทุกคนครับ
ราคาของตราสารทางการเงินเหล่านี้มันผันผวนรุนแรงมากครับ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยภายนอกที่คุณควบคุมไม่ได้เลย ทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจโลก เหตุการณ์ทางการเงินที่ไม่คาดฝัน กฎหมายใหม่ๆ หรือแม้แต่เหตุการณ์ทางการเมือง อย่างที่เห็นจากประวัติศาสตร์ หุ้นเยอรมัน dax เองก็เคยได้รับผลกระทบอย่างหนักมาแล้ว ทั้งช่วงฟองสบู่เทคโนโลยีแตกเมื่อปี 2000 วิกฤตการเงินโลกปี 2008 หรือช่วงการระบาดของโควิด-19
และถ้าคุณเลือกลงทุนด้วยการใช้ “มาร์จิน” (Margin Trading) หรือการใช้ “เลเวอเรจ” (Leverage) ซึ่งก็คือการใช้เงินจำนวนน้อยเพื่อควบคุมการซื้อขายมูลค่าที่ใหญ่กว่า มันยิ่งเพิ่มความเสี่ยงทางการเงินของคุณเข้าไปอีกหลายเท่าตัวครับ เหมือนการขับรถเร็วๆ ถ้าไปถูกทางก็ไปถึงเร็ว แต่ถ้าพลาดนิดเดียว ก็อันตรายมากครับ
ดังนั้น ก่อนที่คุณจะตัดสินใจ “กระโดด” เข้าสู่การลงทุนที่อิงกับ หุ้นเยอรมัน dax หรือตลาดหุ้นเยอรมัน ขอร้องเลยว่า “ควรพิจารณาศึกษาให้รอบคอบ” จริงๆ ครับ ลองถามตัวเองว่า วัตถุประสงค์ในการลงทุนของคุณคืออะไร? คุณมีประสบการณ์ในการลงทุนมากน้อยแค่ไหน? และที่สำคัญที่สุดคือ คุณ “ยอมรับความเสี่ยง” ที่อาจเกิดขึ้นได้มากแค่ไหน? การสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดนั้น คุณรับไหวหรือเปล่า?
ข้อมูลและราคาที่คุณเห็นตามเว็บไซต์ต่างๆ อาจไม่ใช่ราคาล่าสุดแบบ Real-time เสมอไป และอาจแตกต่างจากราคาซื้อขายจริงในตลาดก็ได้ ถือว่าเป็นเพียงราคา “ชี้นำ” เพื่อเป็นแนวทางเท่านั้นครับ
สรุปคือ หุ้นเยอรมัน dax เป็นดัชนีสำคัญที่สะท้อนภาพรวมของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นเยอรมัน มีปัจจัยขับเคลื่อนหลักคือนโยบายของ ECB และตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ การจะลงทุนที่อิงกับดัชนีนี้ต้องทำผ่านเครื่องมือทางการเงินเฉพาะ และโปรดจำไว้เสมอว่า การลงทุนเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงมาก อาจทำให้คุณสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้ครับ
⚠️ คำเตือนสำคัญ: การลงทุนในตราสารทางการเงินมีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงินหากไม่แน่ใจในข้อมูลใดๆ ที่ได้รับ การตัดสินใจลงทุนเป็นเรื่องส่วนบุคคลและต้องพิจารณาจากสถานะทางการเงินและความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของตนเองครับ อย่าลงทุนในสิ่งที่คุณไม่เข้าใจหรือรับความเสี่ยงไม่ได้ครับ