ไขความลับ ดัชนีnasdaq: โอกาสทอง หรือกับดักนักลงทุน?

เอาล่ะครับ มาลุยกันเลย! ในฐานะคอลัมนิสต์การเงินรุ่นเก๋าที่ชอบเล่าเรื่องยากๆ ให้ฟังง่ายๆ วันนี้เรามาคุยกันเรื่องตลาดหุ้นที่หลายคนกำลังจับตา โดยเฉพาะพี่ใหญ่อย่าง ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และดัชนีที่เป็นเหมือน “บารอมิเตอร์” สำคัญอย่าง **ดัชนีแนสแด็ก (Nasdaq index)** ที่พักหลังๆ ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ

เพื่อนๆ หรือคนรู้จักรอบตัวผมหลายคนชอบมาถามว่า “พี่/อาจารย์ แนสแด็กนี่มันคืออะไรกันแน่ เห็นขึ้นเอาๆ จะตามเข้าไปดีไหม?” คำถามพวกนี้แหละครับที่จุดประกายให้ผมอยากมาเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่ายๆ ไม่มีศัพท์แสงการเงินซับซ้อนจนปวดหัว

ลองนึกภาพตามนะครับ ดัชนีnasdaq เนี่ย เปรียบเสมือนย่านธุรกิจใหญ่ใจกลางเมือง ที่เต็มไปด้วยบริษัทสุดเจ๋งในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะบริษัทสายเทคโนโลยีที่เราคุ้นชื่อกันดี อย่าง Apple, Microsoft, Amazon, Alphabet (บริษัทแม่ Google), Meta Platforms (บริษัทแม่ Facebook), Nvidia และอีกเพียบ ที่นี่แหละครับคือแหล่งรวมตัวของบริษัทที่มีศักยภาพเติบโตสูง เป็นเหมือนขุมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่เลยก็ว่าได้

จริงๆ แล้ว **ตลาดแนสแด็ก (Nasdaq)** ไม่ได้มีแค่ดัชนีเดียวที่คนพูดถึงบ่อยๆ นะครับ แต่มีสองตัวหลักๆ ที่นิยมดูกัน
ตัวแรกคือ **ดัชนี แนสแด็ก คอมโพสิต (Nasdaq Composite – IXIC)** อันนี้คือภาพรวมใหญ่เลยครับ รวบรวมหุ้นสามัญกว่า 3,000 ตัวที่จดทะเบียนในตลาดแนสแด็กทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเล็กบริษัทใหญ่ สารพัดรูปแบบการลงทุน ยกเว้นพวกตราสารอนุพันธ์บางอย่าง หรือกองทุน ETF ที่มีในตลาดอื่น ตัวนี้จะบอกสภาพรวมๆ ของตลาดแนสแด็กทั้งหมดเลยครับ (ข้อมูลล่าสุดที่เห็นก็ราวๆ 18,000 – 19,000 จุด ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและแหล่งข้อมูลที่อัปเดตครับ)

ส่วนอีกตัวที่ดังมากๆ และคนมักจะนึกถึงเวลาพูดถึง ดัชนีแนสแด็ก ก็คือ **ดัชนี แนสแด็ก 100 (Nasdaq 100 – NDX)** อันนี้จะเจาะจงขึ้นมาหน่อยครับ คือการคัดเอาบริษัท 100 อันดับแรกที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มการเงิน ออกมาจัดเป็นดัชนีเฉพาะกิจ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นบริษัทเทคโนโลยี โทรคมนาคม เทคโนโลยีชีวภาพ หรืออุตสาหกรรมบริการใหญ่ๆ ที่มีมูลค่าตลาดสูงมากๆ นี่แหละครับคือดัชนีที่เป็นตัวแทนของ “หุ้นกลุ่มเติบโต” (Growth Stock) หรือ “หุ้นเทคฯ ยักษ์ใหญ่” ที่เราพูดถึงกันบ่อยๆ (ตัวนี้เห็นตัวเลขล่าสุดวิ่งอยู่แถวๆ 21,000 – 22,000 จุดนะครับ)

ช่วงที่ผ่านมา ดัชนี แนสแด็ก 100 นี่แหละครับที่เป็น “พระเอก” อย่างแท้จริง ถ้าลองย้อนดู 5 ปีที่ผ่านมา ดัชนีตัวนี้ให้ผลตอบแทนรวมๆ แล้วน่าทึ่งมากๆ ครับ พุ่งขึ้นไปเกือบๆ 100%! เคยไปทำจุดสูงสุดไว้เมื่อปลายปี 2021 แล้วก็ปรับฐานลงมาบ้างตามสภาวะตลาด แต่พักหลังๆ นี่ดูเหมือนจะกลับมามีพลังอีกครั้ง

แล้วอะไรล่ะครับที่ทำให้ ดัชนีแนสแด็ก โดยเฉพาะกลุ่มเทคฯ ยักษ์ใหญ่ กลับมาคึกคักได้ขนาดนี้?

ปัจจัยแรกที่สำคัญมากๆ คือเรื่องของ **”เงินเฟ้อ” และ “นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ” หรือ “เฟด” (Fed)** ครับ ลองนึกภาพตามนะครับว่าเวลาเงินเฟ้อสูงๆ เฟดก็จะขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ การขึ้นดอกเบี้ยเนี่ยมันเหมือนกับการ “ดูดเงิน” ออกจากระบบ ทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น อันนี้ไม่ค่อยเป็นมิตรกับหุ้นกลุ่มเติบโตเท่าไหร่ครับ เพราะบริษัทเหล่านี้มักจะพึ่งพาเงินทุนเพื่อการขยายตัวและการวิจัยพัฒนา

แต่ตอนนี้สัญญาณเงินเฟ้อเริ่มดูดีขึ้นครับ เริ่มชะลอตัวลง ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดน่าจะ “หยุด” การขึ้นดอกเบี้ยแล้ว และที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นคือ ตลาดมองเห็นโอกาสสูงมากๆ ครับว่า เฟดอาจจะเริ่ม “ลด” อัตราดอกเบี้ยลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ด้วยซ้ำ บางกระแสถึงขั้นมองว่าอาจจะลดได้ถึง 3 ครั้งเลยทีเดียว! ลองคิดดูสิครับ ถ้าดอกเบี้ยต่ำลง ต้นทุนทางการเงินก็ลดลง การลงทุนก็คึกคักขึ้น สภาพคล่องในระบบมีมากขึ้น เหมือนการเติม “ออกซิเจน” ให้กับหุ้นกลุ่มเติบโตเลยล่ะครับ ข้อมูลในอดีตก็ชี้ให้เห็นแนวโน้มที่น่าสนใจว่า หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายไปแล้ว ดัชนี แนสแด็ก มักจะให้ผลตอบแทนที่ดีในปีถัดมา โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 11.5% เลยทีเดียว

ปัจจัยที่สองที่มาแรงแซงทางโค้งก็คือ **”กระแสเทคโนโลยีแห่งอนาคต โดยเฉพาะ AI (ปัญญาประดิษฐ์)”** ครับ ช่วงนี้ใครๆ ก็พูดถึง AI กันใช่ไหมครับ บริษัทใหญ่ๆ ใน ดัชนีnasdaq นี่แหละครับคือหัวหอกสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ ไม่ว่าจะเป็น Microsoft ที่พัฒนา Chat GPT, Google ที่มี Bard AI, Nvidia เจ้าแห่งชิปประมวลผลสำหรับ AI, Meta กับโลกเสมือน AR/VR หรือ Tesla กับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ

ความตื่นเต้นกับศักยภาพของ AI มันทำให้หุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องพุ่งทะยานขึ้นไปอย่างมากครับ เป็นเหมือนคลื่นลูกใหม่ที่พัดพา ดัชนีแนสแด็ก ให้ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ๆ ได้ติดต่อกันในช่วงที่ผ่านมา เหมือนเรากำลังอยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีครั้งสำคัญ ที่บริษัทเหล่านี้กำลังเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากนวัตกรรมใหม่ๆ ครับ

นอกจากสองปัจจัยใหญ่ๆ นี้แล้ว พื้นฐานของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ใน ดัชนีnasdaq เองก็ยังคงแข็งแกร่งครับ ผลประกอบการล่าสุดที่ประกาศออกมาก็มักจะดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ถึงแม้ว่าบางบริษัทอาจจะมีการคาดการณ์รายได้ในไตรมาสถัดไปที่ชะลอลงบ้าง แต่ภาพรวมแล้วยังถือว่ามีความมั่นคงและมีกระแสเงินสดที่ดีครับ

แต่… (เสียงเน้นๆ เลยนะครับ) การลงทุนใน ดัชนีnasdaq หรือหุ้นเทคโนโลยี ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายไร้ความเสี่ยงนะครับ

อย่างแรกเลยคือ **ความผันผวนสูงมากๆ** ราคาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีมักจะเหวี่ยงขึ้นลงแรงกว่าหุ้นกลุ่มอื่นๆ ครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับข่าวสารใหม่ๆ ความคาดหวังของตลาด หรือแม้แต่ “กระแส” ในโซเชียลมีเดีย อย่างกรณีของหุ้น GameStop ที่กลับมาเป็นข่าวอีกครั้งจาก Roaring Kitty ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าตลาดสามารถมีความเคลื่อนไหวที่คาดเดาได้ยากและไม่ได้อิงตามปัจจัยพื้นฐานเสมอไป

ยังมี **ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ** อยู่บ้างครับ แม้เงินเฟ้อจะชะลอลงและเฟดมีแนวโน้มหยุดขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญบางท่านอย่าง Mohamed El-Erian ที่มองว่ายังมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงแรง (Hard-landing) อยู่เช่นกัน ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ ที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ เช่น รายงานเงินเฟ้อ (CPI, PPI) ก็ยังเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะมันอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของเฟดและทำให้ตลาดผันผวนได้

**ข้อควรระวังในการใช้ข้อมูล:** ที่สำคัญมากๆ คือข้อมูลราคาหรือข่าวสารที่เราเห็นตามเว็บไซต์ต่างๆ อาจจะไม่ได้เป็นแบบเรียลไทม์เสมอไปนะครับ บางทีราคาที่เราเห็นอาจจะมาจากผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ซึ่งอาจแตกต่างจากราคาซื้อขายจริงในตลาดหลักทรัพย์ และเป็นเพียงราคาชี้นำเท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับการใช้เป็นข้อมูลในการซื้อขายจริงในทันที ดังนั้นต้องระวังและตรวจสอบจากหลายแหล่งนะครับ

**สรุปแล้ว ดัชนีแนสแด็ก น่าสนใจไหม?**

ถ้ามองในระยะยาวและคุณเป็นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้พอสมควร การมี ตราสาร หรือ กองทุน ที่อ้างอิง ดัชนี แนสแด็ก 100 อยู่ในพอร์ตการลงทุน ก็เป็นทางเลือกที่น่าพิจารณาครับ เพราะคุณจะได้ร่วมเป็นเจ้าของบริษัทชั้นนำระดับโลกที่กำลังขับเคลื่อนนวัตกรรมแห่งอนาคต

**แต่จำไว้เสมอว่า…**

⚠️ **การลงทุนมีความเสี่ยงสูงมาก!** โดยเฉพาะการซื้อขายตราสารทางการเงินและเงินดิจิทัล อาจทำให้คุณสูญเสียเงินลงทุนบางส่วนหรือ **ทั้งหมด** ได้เลยนะครับ

⚠️ **ไม่ใช่การลงทุนที่เหมาะกับทุกคน** คุณต้องประเมินตัวเองให้ดีก่อนครับ ว่ามีวัตถุประสงค์การลงทุนแบบไหน มีประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน และที่สำคัญคือ **ยอมรับความเสี่ยงได้มากแค่ไหน** ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ชอบความผันผวน หรือรับไม่ได้กับการขาดทุนก้อนใหญ่ การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้อาจไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

⚠️ **การซื้อขายด้วยมาร์จิน (Margin)** ที่ใช้เงินกู้ในการลงทุน จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงทางการเงินทวีคูณเข้าไปอีกนะครับ หากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับที่คุณคาดการณ์ คุณอาจถูกเรียกหลักประกันเพิ่ม หรือถูกบังคับขายเพื่อลดความเสี่ยง ทำให้ขาดทุนมหาศาลได้

⚠️ **ศึกษาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ** อย่าเพิ่งกระโดดตามกระแสอย่างเดียวครับ ทำความเข้าใจธรรมชาติของ ดัชนีnasdaq บริษัทที่อยู่ในนั้น ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

⚠️ **กระจายความเสี่ยง** อย่าทุ่มเงินทั้งหมดไปที่สินทรัพย์เดียวหรือตลาดเดียวครับ

⚠️ หากไม่มั่นใจ หรือรู้สึกว่าข้อมูลซับซ้อนเกินไป **ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน** ที่ได้รับใบอนุญาตนะครับ

ข้อมูลที่ผมนำมาเล่าในวันนี้ มาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือหลายแห่งครับ เช่น Bloomberg, Goldman Sachs, CNBC, Nasdaq.com, Yahoo Finance, รวมถึงรายงานจาก Fed เอง และมุมมองจากสำนักวิเคราะห์ต่างๆ เช่น Business Insider, TipRanks, Barron’s เป็นต้น ซึ่งทุกแหล่งก็มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจ แต่ **ไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน** นะครับ และผม รวมถึงผู้ให้ข้อมูลเหล่านี้ จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายหรือการสูญเสียใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขายหรือการนำข้อมูลนี้ไปใช้ครับ

สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนที่สนใจตลาด ดัชนีnasdaq หรือตลาดหุ้นสหรัฐฯ โชคดีกับการเดินทางในโลกของการลงทุนนะครับ ศึกษาเยอะๆ วางแผนให้รอบคอบ และจำไว้ว่าการควบคุมอารมณ์ก็เป็นส่วนสำคัญของการลงทุนไม่แพ้ความรู้เลยครับ!

Leave a Reply