สวัสดีครับนักลงทุนทุกท่าน! เคยสงสัยไหมครับว่า เวลาเราอ่านข่าวหรือเปิดดูแอปหุ้น แล้วเห็นตัวเลขดัชนีตลาดหุ้นต่างประเทศอย่าง อเมริกา ยุโรป หรือจีน ตัวเลขพวกนั้นสำคัญกับเงินในกระเป๋าเราแค่ไหน? แล้วไอ้ `ดัชนีหุ้นโลก` (Global Stock Index) ที่พูดถึงกันเนี่ย มันคืออะไรกันแน่? วันนี้คอลัมน์เราจะพาไปไขคำตอบแบบง่ายๆ สไตล์เพื่อนคุยกันครับ
ลองนึกภาพว่า `ดัชนีหุ้นโลก` (Global Stock Index) ก็เหมือนเครื่องวัดอุณหภูมิของตลาดหุ้นทั้งโลกนั่นแหละครับ ถ้าตัวเลขดัชนีสูงขึ้นเรื่อยๆ ก็พอจะบอกได้ว่า ตลาดหุ้นส่วนใหญ่กำลังไปได้สวย หุ้นหลายตัวมีราคาเพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าดัชนีปรับตัวลงเยอะๆ ก็อาจเป็นสัญญาณว่า ตลาดกำลังชะลอตัว หรือมีเรื่องที่นักลงทุนทั่วโลกกำลังกังวล การรู้จักและติดตาม `ดัชนีหุ้นโลก` (Global Stock Index) จึงเป็นเหมือนการมีแผนที่คร่าวๆ ในมือ ช่วยให้เราพอจะมองเห็นภาพรวมการลงทุนทั่วโลกได้ดีขึ้น

ตลาดหุ้นทั่วโลกนี่ใหญ่มากๆ นะครับ ข้อมูล ณ สิ้นปี 2566 มูลค่าตลาดรวมกันนี่ทะลุ 109 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปแล้ว! ตลาดที่ใหญ่ที่สุดแน่นอนว่าอยู่ที่ สหรัฐอเมริกา กินส่วนแบ่งไปกว่า 42.5% ของทั้งโลกเลยทีเดียว รองลงมาก็เป็น จีน, ยุโรป, อังกฤษ, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ฮ่องกง, ไทย, อินเดีย, สิงคโปร์, เวียดนาม, ไต้หวัน และอินโดนีเซีย ตลาดใหญ่ๆ อย่าง ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) หรือ ตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก (NASDAQ) ของอเมริกา หรือ ยูโรเน็กซต์ (Euronext) ที่รวมตลาดหุ้นใหญ่ในยุโรป หรือแม้แต่ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ (SSE) ของจีน นี่ล้วนแต่มีบทบาทสำคัญต่อการเคลื่อนไหวของ `ดัชนีหุ้นโลก` (Global Stock Index) ทั้งสิ้น
ทีนี้ หลายคนอาจจะคิดว่า “ก็ฉันลงทุนแต่หุ้นไทยนี่นา จะไปสน `ดัชนีหุ้นโลก` (Global Stock Index) ทำไม?” คำตอบง่ายๆ คือ โลกการลงทุนมันเชื่อมโยงกันหมดแล้วครับ! ตลาดหุ้นไทยก็เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านเศรษฐกิจโลก สิ่งที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศมหาอำนาจ, นโยบายเศรษฐกิจอย่างเรื่องอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ หรืออัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้าสำคัญ, ปัญหาสถาบันการเงิน, หรือแม้แต่สงครามการค้า สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อ `Fund Flow` หรือกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าออกประเทศไทยได้ทั้งสิ้น เวลาที่เราเห็น `ดัชนีหุ้นโลก` (Global Stock Index) ขยับตัวแรงๆ มักจะมีผลให้ `ดัชนีตลาดหุ้นไทย` ได้รับแรงกระเพื่อมตามไปด้วย ยิ่งโลกผันผวนมากเท่าไหร่ การทำความเข้าใจภาพใหญ่ผ่าน `ดัชนีหุ้นโลก` (Global Stock Index) ยิ่งมีความจำเป็นมากขึ้นเท่านั้นครับ มันช่วยให้เราประเมินความเสี่ยงและโอกาสได้ดีขึ้น
พอมาดูที่ตัวเลขดัชนีจริงๆ จังๆ ข้อมูลที่เราเห็นตามเว็บไซต์ทั่วไปก็มักจะมีตัวเลข `ล่าสุด` (Latest) และ `การเปลี่ยนแปลง` (Change) ทั้งในรูปตัวเลขและเปอร์เซ็นต์ รวมถึงปริมาณและมูลค่าการซื้อขาย ตัวเลขเหล่านี้มีการขยับตลอดเวลาตามการซื้อขายที่เกิดขึ้นครับ ยกตัวอย่างเช่น `ดัชนี MSCI Thailand` ที่เป็นดัชนีของบริษัท MSCI ซึ่งรวบรวมหุ้นไทยขนาดใหญ่และกลาง ล่าสุด ณ วันที่ 19 เมษายน อาจจะอยู่ที่ 395.27 จุด ปรับเพิ่มขึ้น +3.75 จุด หรือ +0.96% ขณะที่ `ดัชนี SET` ของไทย ณ อีกช่วงเวลาหนึ่งอาจจะอยู่ที่ 1,146.86 จุด ปรับลดลง -6.91 จุด หรือ -0.60% พร้อมกับมีมูลค่าการซื้อขายหลายหมื่นล้านบาท สิ่งสำคัญคือ ตัวเลขเหล่านี้เป็นเพียงภาพ snapshot ณ เวลาหนึ่งๆ เท่านั้น และ **โปรดทราบว่าข้อมูลและราคาบนเว็บไซต์ส่วนใหญ่อาจไม่ใช่แบบเรียลไทม์เป๊ะๆ นะครับ** บางทีราคาอาจมาจากผู้ดูแลสภาพคล่อง ซึ่งอาจแตกต่างจากราคาซื้อขายจริงในตลาด เป็นเพียงราคาชี้นำสำหรับการติดตามภาพรวมเท่านั้น ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการซื้อขายโดยตรง ผู้ให้บริการข้อมูลอย่าง Fusion Media หรือแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เราเห็น จึงมักมีข้อจำกัดความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดจากการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ลงทุน

แล้วถ้าเราอยาก “ลงทุนตาม” `ดัชนีหุ้นโลก` (Global Stock Index) บ้างล่ะ ทำได้ไหม? ทำได้ครับ! หนึ่งในวิธีที่ง่ายและได้รับความนิยมสำหรับนักลงทุนรายย่อย คือการลงทุนใน `กองทุนรวมดัชนี` (Index Fund) กองทุนประเภทนี้เป็น `Passive Fund` หรือกองทุนเชิงรับ ที่ไม่ได้มีผู้จัดการกองทุนมานั่งเลือกหุ้นรายตัวเหมือน `Active Fund` แต่มีเป้าหมายหลักคือการสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับ `ดัชนีอ้างอิง` ที่กองทุนนั้นๆ เลือกลงทุน ข้อดีของกองทุนรวมดัชนีคือ ทำให้เรา `จับจังหวะลงทุนง่าย` เพราะผลตอบแทนจะล้อไปตามดัชนีโดยตรง ที่สำคัญคือ **กำไรจากการขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุนรวมในประเทศไทย โดยทั่วไปไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา** และ `ค่าธรรมเนียม` การบริหารจัดการก็มักจะต่ำกว่ากองทุนเชิงรุก นอกจากนี้ ยังสามารถ `เริ่มต้นลงทุนด้วยมูลค่าไม่สูงมากนัก` ทำให้ใครๆ ก็เข้าถึงการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศได้
ยกตัวอย่างกองทุนที่มีข้อมูลมาให้ดูนะครับ เช่น `กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ดัชนีหุ้นโลก (ชนิดสะสมมูลค่า)` กองทุนนี้เขามีกลยุทธ์ไปลงทุนใน `iShares MSCI World ETF` ซึ่งเป็นกองทุน ETF (Exchange Traded Fund) ที่จดทะเบียนอยู่ใน `ตลาดหลักทรัพย์ NYSE Arca` (ตลาดหลักทรัพย์ NYSE Arca) ของอเมริกา บริหารจัดการโดย `BlackRock Fund Advisors` (BlackRock Fund Advisors) โดยลงทุนเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ กองทุนนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ทีเดียวครับ มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ เดือนพฤษภาคม 2568 กว่า 3,900 ล้านบาท `NAV` ล่าสุดอยู่ที่ 11.02 บาท เปลี่ยนแปลงบวกเล็กน้อย +0.38% และมีผลตอบแทน 3 ปีย้อนหลัง (เฉลี่ยต่อปี) อยู่ที่ 7.17% ครับ กองทุนนี้ใช้ `ดัชนี MSCI World` เป็นเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งดัชนีนี้ก็คือดัชนีหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่และกลางในประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลกนั่นเอง การที่กองทุนนี้ลงทุนใน ETF ของ BlackRock ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนระดับโลก ก็เพิ่มความน่าเชื่อถือได้ระดับหนึ่งครับ

สรุปแล้ว `ดัชนีหุ้นโลก` (Global Stock Index) เป็นเครื่องมือสำคัญมากๆ ที่ช่วยให้เราเห็นภาพรวมภาวะตลาดหุ้นทั่วโลก และเข้าใจว่าอะไรกำลังขับเคลื่อนตลาดอยู่ การลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศผ่านเครื่องมือต่างๆ โดยเฉพาะ `กองทุนรวมดัชนี` (Index Fund) ที่อ้างอิง `ดัชนีหุ้นโลก` (Global Stock Index) ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและเข้าถึงง่ายสำหรับนักลงทุนไทยในยุคที่โลกเชื่อมโยงกัน
**อย่างไรก็ตาม เรื่องสำคัญที่ห้ามลืมเด็ดขาด คือ การลงทุนในตราสารทางการเงินมีความเสี่ยงสูงมากนะครับ!** คุณอาจสูญเสียเงินลงทุนไปบางส่วน หรือทั้งหมดได้เลย การลงทุนแบบนี้ `ไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกคน` ครับ เพราะราคาผันผวนได้จากหลายปัจจัยอย่างที่เล่าไป และการใช้เครื่องมือที่มี `อัตราทด` สูงอย่างการซื้อขายด้วย `มาร์จิน` ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงขึ้นไปอีก
ก่อนตัดสินใจลงทุนใน `ดัชนีหุ้นโลก` (Global Stock Index) หรือเครื่องมือใดๆ ที่เกี่ยวข้อง ขอให้ทุกท่าน **ศึกษาข้อมูลให้รอบคอบมากๆ** ทำความเข้าใจลักษณะของผลิตภัณฑ์, วัตถุประสงค์การลงทุนของตัวเอง, ระดับประสบการณ์ และที่สำคัญที่สุดคือ **ประเมินระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้** ว่าอยู่ในระดับไหน หากไม่แน่ใจ `ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน` ก่อนเสมอ และ `หากสภาพคล่องของเงินที่คุณจะนำมาลงทุนไม่สูง` (คือเงินที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน หรือเงินที่อาจต้องรีบใช้) `ควรประเมินให้ดีมากๆ ก่อนตัดสินใจลงทุน` ครับ เพราะการลงทุนในหุ้นควรเป็นเงินเย็นที่พร้อมจะจมอยู่กับมันได้ในระยะยาวครับ
ขอให้การลงทุนของทุกท่านเป็นการลงทุนที่รอบคอบและประสบความสำเร็จนะครับ!