ไขข้อสงสัย: หุ้นดาวโจนส์ปิดกี่โมง? เทรดอเมริกาไม่ยากอย่างที่คิด!

ดึกๆ ดื่นๆ หลายคนอาจจะยังนั่งจ้องหน้าจอมือถือ หรือคอมพิวเตอร์ ติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ใช่ไหมครับ/คะ โดยเฉพาะคนที่สนใจลงทุนในตลาดต่างประเทศ หนึ่งในดัชนีที่หลายคนจับตาและส่งผลต่อความรู้สึกของนักลงทุนทั่วโลกอยู่เสมอ คงหนีไม่พ้น “ดาวโจนส์” หรือชื่อเต็มคือ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average – DJIA) แล้วเคยสงสัยไหมครับ/คะ ว่า หุ้นดาวโจนส์ปิดกี่โมง กันแน่? ทำไมบางคืนปิดเช้าตรู่ บางคืนก็ปิดดึกกว่าปกติ? วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจนี้ พร้อมๆ กับทำความเข้าใจภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้มากขึ้นครับ/คะ

ก่อนจะไปถึงเรื่องเวลาปิด มาทำความรู้จัก “ดาวโจนส์” กันหน่อย ดัชนีตัวนี้เก่าแก่มากๆ ถือเป็นหนึ่งในดัชนีตลาดหุ้นแรกๆ ของโลกเลยครับ/คะ แม้ชื่อจะมีคำว่า “อุตสาหกรรม” เดิมทีก็เน้นหุ้นบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ แต่ปัจจุบันประกอบด้วยหุ้น 30 ตัวที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงในหลากหลายอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เหมือนเป็นตัวแทนของพี่ใหญ่ในตลาดหุ้นอเมริกา ความเคลื่อนไหวของดาวโจนส์มักถูกใช้เป็นตัวชี้วัดสุขภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ และส่งผลต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ตลาดหุ้นไทยของเราครับ/คะ เวลาที่ดาวโจนส์ขึ้นแรงๆ ตลาดหุ้นอื่นก็มักจะคึกคักตามไปด้วย หรือถ้าดาวโจนส์ร่วงหนักๆ ก็อาจเห็นตลาดอื่นปรับตัวลงตามไปด้วยเช่นกัน นอกจากดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีดัชนีสำคัญอื่นๆ เช่น S&P 500 ที่ครอบคลุม 500 บริษัทใหญ่ และ Nasdaq ที่เน้นกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีเป็นหลักครับ/คะ

เอาล่ะ มาถึงคำถามยอดฮิต หุ้นดาวโจนส์ปิดกี่โมง ถ้าดูตามเวลาประเทศไทย (GMT +7:00) ก็ต้องบอกว่ามีสองช่วงเวลาหลักๆ ครับ/คะ ขึ้นอยู่กับการปรับเวลาตามฤดูกาล หรือที่เรียกว่า Daylight Saving Time ครับ/คะ
* **ช่วงเวลาปกติ (ไม่ใช่ช่วง Daylight Saving):** ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง NASDAQ และ NYSE จะเปิดทำการซื้อขายในเวลา 21:30 น. และปิดทำการในเวลา 4:00 น. ของวันถัดไป (อันนี้คือเวลาประเทศไทยนะ)
* **ช่วง Daylight Saving (มักจะเริ่มประมาณวันอาทิตย์ที่สองของเดือนมีนาคม และสิ้นสุดวันอาทิตย์แรกของเดือนพฤศจิกายน):** ตลาดจะเปิดทำการซื้อขายเร็วขึ้น 1 ชั่วโมงครับ/คะ คือ เปิดในเวลา 20:30 น. และปิดทำการในเวลา 3:00 น. ของวันถัดไป (เวลาประเทศไทย)

นี่คือเหตุผลว่าทำไมบางคืนเราเห็นข่าวบอกว่า หุ้นดาวโจนส์ปิดกี่โมง คำตอบคือปิดตีสาม บางคืนก็ปิดตีสี่นั่นเองครับ/คะ การรู้ช่วงเวลาที่แน่นอนนี้สำคัญมาก โดยเฉพาะถ้าเราต้องการส่งคำสั่งซื้อขายในช่วงตลาดเปิดหรือปิด

เทียบกับตลาดอื่นๆ ทั่วโลก ตลาดหุ้นสหรัฐฯ นี่น่าทึ่งตรงที่ *ไม่มีช่วงพักเที่ยง* ครับ/คะ เทรดกันยาวๆ ต่อเนื่องไปเลย 6 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งแตกต่างจากตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในเอเชีย เช่น ตลาดหุ้นไทย (SET) ที่มีช่วงพักกลางวัน หรือตลาดหุ้นฮ่องกง (Hang Seng) และตลาดหุ้นจีน (Shanghai) ที่ก็มีช่วงพักเที่ยงเหมือนกันครับ/คะ อย่างตลาดหุ้นไทยเรา ปัจจุบัน (เริ่ม 25 มี.ค. 2567) ช่วงบ่ายก็ปรับเวลาเร็วขึ้นเป็น 14:00 – 16:30 น. การรู้เวลาเปิด-ปิดของตลาดหุ้นหลักๆ ทั่วโลก ช่วยให้เราเห็นภาพรวมและช่วงเวลาที่ตลาดสำคัญๆ ซื้อขายคาบเกี่ยวกันได้ ซึ่งช่วงเวลาที่ตลาดใหญ่อย่างลอนดอนและนิวยอร์กคาบเกี่ยวกัน (ประมาณ 19:00 – 23:00 น. เวลาไทยในช่วงปกติ) มักจะเป็นช่วงที่มีปริมาณการซื้อขายสูงและมีความผันผวนน่าจับตาครับ/คะ

แล้วถ้าอยากจะซื้อหุ้นที่อยู่ในดัชนีดาวโจนส์ หรือหุ้นอเมริกาตัวอื่นๆ ล่ะ ต้องทำยังไง? อันดับแรกเลยครับ/คะ เราต้องเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศกับบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศไทยที่ให้บริการนี้ก่อนครับ/คะ ถึงจะสามารถส่งคำสั่งซื้อขายไปยังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ อย่าง NASDAQ หรือ NYSE ได้ การซื้อขายก็ไม่ได้ยุ่งยากเหมือนสมัยก่อน ส่วนใหญ่สามารถทำผ่านระบบออนไลน์ของบริษัทหลักทรัพย์ได้เลย หรือจะโทรหาเจ้าหน้าที่การตลาดให้ช่วยส่งคำสั่งให้ก็ได้ครับ/คะ เวลาซื้อขายก็อิงตามเวลาตลาดสหรัฐฯ ที่เราคุยกันไปข้างต้น ใช้สกุลเงิน ดอลลาร์สหรัฐ (USD) ในการซื้อขาย หน่วยการซื้อขายขั้นต่ำโดยทั่วไปคือ 1 หุ้น (Board Lot) แต่ก็มีรายละเอียดเรื่องราคาเสนอซื้อขายขั้นต่ำที่ต่างกันไปสำหรับหุ้นราคาต่ำกว่า 1 ดอลลาร์และมากกว่า 1 ดอลลาร์ด้วยครับ/คะ

แน่นอนว่ามีค่าใช้จ่ายในการซื้อขายด้วยนะ ซึ่งก็แตกต่างกันไปตามแต่ละบริษัทหลักทรัพย์ครับ/คะ ยกตัวอย่างจากข้อมูล ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อาจจะอยู่ที่ประมาณ 12 เซ็นต์ต่อหุ้น แต่เค้าก็มีค่าธรรมเนียมซื้อขายขั้นต่ำต่อคำสั่งด้วยนะ เช่น 20 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 1 คำสั่งซื้อ ไม่ว่าเราจะซื้อกี่หุ้นก็ตาม นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก เช่น ค่า SEC Fees ที่จะเรียกเก็บเฉพาะฝั่งขาย คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการซื้อขาย และยังมีภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ของค่าธรรมเนียมทั้งหมดด้วยครับ/คะ รายละเอียดพวกนี้ต้องสอบถามจากบริษัทหลักทรัพย์ที่เราเปิดบัญชีให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจเทรดนะครับ/คะ ส่วนการชำระราคาหรือที่เราเรียกว่า Settlement ก็จะใช้เวลา T+3 หมายความว่าหลังจากที่เราส่งคำสั่งซื้อขายสำเร็จ จะใช้เวลา 3 วันทำการในการเคลียร์เงินและหลักทรัพย์ครับ/คะ และอย่าลืมเช็คปฏิทินวันหยุดของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ด้วยนะ เพราะเค้าก็มีวันหยุดราชการหรือวันหยุดพิเศษเหมือนกันครับ/คะ

ความเคลื่อนไหวของดาวโจนส์ไม่ได้มาจากแค่การซื้อขายในตลาดอย่างเดียว แต่ยังได้รับอิทธิพลจากภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ด้วยครับ/คะ ตามข้อมูลที่เราเห็น เศรษฐกิจสหรัฐฯ ตอนนี้กำลังฟื้นตัวค่อนข้างชัดเจนเลยนะ ปัจจัยสนับสนุนการลงทุนก็มีหลายอย่าง ทั้งราคาหลักทรัพย์ที่ปรับขึ้น ค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจ รวมถึงเรื่องนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ส่งสัญญาณว่าจะค่อยๆ ลดการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบ หรือที่เรียกกันว่า QE Tapering ซึ่งเค้าบอกว่าจะดำเนินการต่อเมื่อตัวเลขทางเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างมั่นคงกว่านี้ ประเด็นนี้ก็ช่วยคลายความกังวลในตลาดไปได้บ้าง และดูเหมือนว่านโยบายการเงินแบบผ่อนคลายจะยังคงมีอยู่ต่อไป แม้มาตรการ QE จะลดบทบาทลงครับ/คะ นอกจากนี้ น่าสังเกตคือ ตลาดหุ้นทั่วโลกมักจะมีความเชื่อมโยงกันนะ อย่างกราฟหุ้นญี่ปุ่น (Nikkei 225) ก็มักจะวิ่งไปในทิศทางเดียวกันกับ Dow Jones 30 Futures ส่วนหุ้นไทยของเราก็เห็นบ่อยๆ ว่าวิ่งไปทิศทางเดียวกับตลาดฮ่องกง (Hang Seng) ซึ่ง Hang Seng ก็มักจะวิ่งตามหุ้นจีนอีกที เป็นลูกโซ่กันไปหมดครับ/คะ แม้แต่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ บางตัวที่ดีเกินคาด ยังส่งผลกระทบให้ราคาทองคำปรับตัวลงได้เลย เห็นไหมครับ/คะ ว่าทุกอย่างเชื่อมโยงกันหมดจริงๆ

ฟังดูน่าสนใจใช่ไหมครับ/คะ แต่ในโลกการลงทุน มีเรื่องนึงที่สำคัญมากๆ ห้ามมองข้ามเด็ดขาด! นั่นก็คือ “ความเสี่ยง” ครับ/คะ! การซื้อขายตราสารทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรือแม้แต่เงินดิจิทอล ตามข้อมูลเค้าก็เตือนชัดเจนว่า *มีความเสี่ยงสูงมาก* อาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดได้เลยนะ ไม่ได้เหมาะกับนักลงทุนทุกคน ราคาหุ้นผันผวนได้ตลอดเวลา จากปัจจัยภายนอก ทั้งเศรษฐกิจ กฎหมาย หรือแม้แต่การเมือง ถ้าคิดจะใช้มาร์จิน (การกู้เงินจากโบรกเกอร์มาเทรด) ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงเข้าไปอีก ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจลงทุนอะไรก็ตาม โดยเฉพาะในตลาดต่างประเทศแบบนี้ ต้องทำความเข้าใจความเสี่ยง ค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ดีที่สุด ประเมินตัวเองว่าเรารับความเสี่ยงได้แค่ไหน มีประสบการณ์มากพอหรือเปล่า และถ้าไม่แน่ใจจริงๆ การขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินก็เป็นเรื่องที่ควรทำมากๆ ครับ/คะ ที่สำคัญ ข้อมูลราคาที่เราเห็นตามเว็บไซต์ต่างๆ อาจไม่ใช่แบบเรียลไทม์เสมอไป เป็นแค่ราคาชี้นำเท่านั้น ไม่เหมาะกับการใช้ตัดสินใจซื้อขายแบบทันทีทันใดนะ อันนี้ก็เป็นข้อควรทราบจากแหล่งข้อมูลเหมือนกัน

สรุปแล้ว คำถามที่ว่า หุ้นดาวโจนส์ปิดกี่โมง คำตอบคือมีสองช่วงเวลาหลักๆ ตามเวลาไทย คือ 21:30 – 4:00 น. (เวลาปกติ) และ 20:30 – 3:00 น. (ช่วง Daylight Saving) แต่การเข้าใจแค่เวลาปิดเปิดตลาดนั้นยังไม่พอ เราต้องมองภาพใหญ่ ทั้งกฎเกณฑ์การซื้อขาย ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบ และที่สำคัญที่สุดคือ “ความเสี่ยง” ที่มากับการลงทุน ดังนั้น สำหรับใครที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ หรือตลาดต่างประเทศอื่นๆ สิ่งที่ควรทำคือ ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ทำความเข้าใจเครื่องมือที่เราจะลงทุนจริงๆ ประเมินระดับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ วางแผนการลงทุนให้ชัดเจน และหากไม่มั่นใจ ปรึกษาผู้แนะนำทางการเงินที่มีความเชี่ยวชาญ เครื่องมือต่างๆ เช่น ปฏิทินเศรษฐกิจ หรือปฏิทินวันหยุด ก็เป็นตัวช่วยที่ดีในการติดตามข่าวสารและวางแผนการเทรดได้นะ ลองหาใช้กันดูครับ/คะ

⚠️ **จำไว้เสมอว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ/คะ**

Leave a Reply